เรื่อง พงศ์พล จันทรัคคะ, อินทรภูมิ์ แสงดี / ภาพ ทวีวัฒน์ วิลารูป
CELICA XX (GA61) WIDEBODY
2JZ-GTE MITSUBISHI TF08 TURBO + HKS F-CON V PRO
817 WHP BY PROJECT-V
จับ RETRO CAR มาตกแต่งในสไตล์รถแดร็ก แต่หลายคนยังงงว่ามันเป็นรุ่นอะไร เวอร์ชั่นไหน? ที่เราพูดถึงในฉบับนี้ก็คือรถ “CELICA XX” (อ่านว่า ดับเบิล X ) ที่มีจำหน่ายในญี่ปุ่น แต่ถ้ารุ่นที่ส่งไปขายนอกประเทศแถวยุโรป โซนอเมริกาจะเรียกรถรุ่นนี้ว่า “CELICA SUPRA” ที่มี PLATFORM เดียวกันกับ CELICA XX และ CELICA GT-S แต่โซนยุโรปเรียกว่า CELICA SUPRA ก็เพราะยกระบบให้เหนือ หรือพิเศษกว่ารุ่น CELICA ธรรมดา ๆ ทั่วไป โดยส่วนประกอบบางอย่างที่แตกกันบ้าง อาทิ เครื่องยนต์และออปชั่นบางอย่าง ในอเมริกาเหนือจะมี 2 เวอร์ชั่นให้เลือก คือ PERFORMANCE TYPE (P-TYPE) และ LUXURY TYPE (L-TYPE) ซึ่งในส่วนประกอบของเครื่องยนต์ก็จะเหมือนกัน จะแตกต่างกันที่ขนาดยาง ขนาดแม็ก และอุปกรณ์ตกแต่งภายใน และภายนอกบางอย่างที่แตกต่างกันตามปีที่ผลิต ส่วนในรุ่น P-TYPE บังโคลนล้อ หรือโป่งล้อจะมีขนาดที่ใหญ่กว่า ทำด้วยไฟเบอร์กลาส ล้อของรุ่นนี้จะมีขนาด 14 x 7 นิ้ว แต่ถ้าเป็นรุ่น L-TYPE จะมีขนาด 14 x 5.5 นิ้ว
หลังจากนั้นในปี 1985 ได้เปลี่ยนล้อในรุ่น P-TYPE ให้ใหญ่ขึ้น เป็น 15 x 6 นิ้ว ส่วน L-TYPE จะมีออปชั่นใหม่ คือเรือนไมล์แบบดิจิตอล ส่วนเครื่องยนต์จะเป็นเครื่องยนต์ 6 สูบ รหัส 5M-GE DOHC ที่มีแรงม้าแตกต่างกันตามแต่ละประเทศ ในอเมริกาจะเริ่มต้นที่ 174 แรงม้า ในรุ่นปี 1982-1983 ส่วน 178 แรงม้า จะเป็นปี 1984-1986 เยอรมันและนิวซีแลนด์ จะมีแรงม้า 178 แรงม้า ออสเตรเลีย สวิตเซอร์แลนด์ และสวีเดน จะเป็นเครื่อง 5M-E SOHC 138 แรงม้า ส่วนญี่ปุ่นจะมีเครื่องยนต์ 1G-GE 160 แรงม้า ในบอดี้ GA61 และเครื่องยนต์ M-TE 160 แรงม้า รหัสบอดี้ MA63 เครื่องยนต์ 5M-GE 160 แรงม้า รหัสบอดี้ MA61 ส่วนระบบส่งกำลังมีทั้งแบบออโตเมติก 4 สปีด และเกียร์ธรรมดา 5 สปีด นี่ก็เป็นข้อมูลบางส่วนที่เราสืบค้นมา ซึ่งจริง ๆ แล้วจะมีรายละเอียดปลีกย่อยอีกเยอะ ไว้วันหน้าเราจะลงให้เต็มที่ในคอลัมน์ RETRO CAR แล้วกันนะครับ หากเจอรถสภาพสวย ๆ แห้ง ๆ แต่สำหรับ CELICA XX เจเนอเรชั่นที่ 2 หรือที่แถบยุโรปจะเรียกว่า Mk II นับวันยิ่งหาคนเล่นยากในรูปแบบ RETRO CAR ของครบ แต่สำหรับสำนัก PROJECT-V ไม่ได้เน้นในแนว RETRO CAR แต่จะเน้นในแนว STREET DRAG STYLE พร้อมเครื่องหกสูบกว่า 817+ แรงม้า
ภายนอก BONNET + DOOR PANEL CARBON + WIDEBODY KIT
ด้วยน้ำหนักตัวรถของ TOYOTA CELICA XX (GA61) กว่าตันกลาง ๆ เป็นภาระให้ระบบพละกำลัง และระบบส่งกำลังต้องทำงานหนัก หากจะเอามาเป็นรถแข่งด้วยแล้ว ต้องการลดน้ำหนักลงบ้างบางส่วน แต่ยังต้องใช้งานบนถนนได้ด้วย คือ แอร์เย็น อุปกรณ์รอบนอกยังคงเดิมครบทุกชิ้น สำหรับส่วนที่ลดน้ำหนักลงไปได้บ้าง ก็จะมีฝากระโปรงหน้า BONNET, ประตู DOOR PANEL ทำด้วย CARBONFIBER จาก AKANA CARBON WIZARD จากนั้นนำรถเข้าอู่สีทวีสุขธนยนต์ แถว ๆ วงเวียนพระราม 5 เพื่อทำการออกแบบ WIDEBODY ใหม่ พร้อมทั้งสเกิร์ตหน้า สเกิร์ตข้าง ด้วยวัสดุเหล็กตีขึ้นรูป งานนี้ต้องใช้ฝีมือกันหน่อย สำหรับ FRONT WIDE FENDER มีขนาด 5 นิ้ว ส่วน REAR WIDE FENDER ขนาด 7 นิ้ว ส่วนสปอยเลอร์ด้านหลัง บนฝาท้าย ในรุ่นปี 1985 จะเป็นแบบ 2 ชิ้นอย่างที่เห็น คือ ROOF SPOILER และ REAR TRUNK ส่วนด้านบนหลังคาเป็นออปชั่นเสริม ที่มีซันรูฟเพิ่มความเป็นสปอร์ตมาให้ ไฟคู่หน้าแบบ POP-UP
ภายใน ลดน้ำหนัก เพิ่มความแข็งแรง
สไตล์รถบ้านแอร์เย็น พร้อมแข่ง
ภายในก็เหมือน ๆ กับรถบ้านที่ใช้แข่งทางตรงคันอื่น ๆ โดยการลดน้ำหนักบางส่วนลงไปบ้าง เสริมความแข็งแรงด้วยโรลบาร์แบบ 6 จุด คอนโซลหน้ายกเอาของ SUPRA JZA-70 มาใส่แทน พวงมาลัยแบบสามก้าน OMP เบาะฝั่งคนขับ BRIDE รุ่น ZETA III พร้อมเข็มขัดนิรภัยแบบ 4 จุด จาก SIMPSON นอกจากนั้นยังมีเกจ์วัดหลายตัว เริ่มจาก วัดบูสต์ SARD วัดรอบ PIVOT วัดแรงดันน้ำมันเครื่องและวัดอุณหภูมิน้ำจาก LAMCO วัดแรงดันน้ำมันเครื่อง และแรงดันน้ำมันเชื้อเพลิง จาก OMORI ปรับบูสต์ไฟฟ้า GReddy PROFEC B SPEC II และ HKS F-CON NAVIGATOR
- คอนโซลหน้า SUPRA JZA-70 เข้ากันได้ดี พร้อมชุดเกจ์วัดและแอร์เย็น ๆ
- เบาะด้านคนขับ BRIDE รุ่น ZETA III พร้อมเข็มขัดนิรภัยแบบ 4 จุดจาก SIMPSON
เครื่องยนต์ 2JZ-GTE
MITSUBISHI TF08 TURBO
HKS F-CON V PRO 3.24 VERSION
ย้อนกลับไปดูที่เครื่องยนต์เดิมของ GA61 คันนี้ เป็นเครื่องยนต์รหัส 1G-GE 160 แรงม้า แต่เครื่องตัวใหม่ ใช้ของ 2JZ-GTE เป็นผลงานของพี่วี เจ้าของอู่ที่ทำเองทุกอย่าง ไส้ในท่อนบน เปลี่ยนรีเทนเนอร์วาล์ว สปริงวาล์ว เป็นของ BC แคมชาฟท์ไอดี-ไอเสีย HKS ขนาด 280 องศา ลิฟต์ 9.3 มม. พร้อมตัวปรับเฟืองแคมสไลด์ FIDANZA ปะเก็นฝาสูบขนาด 1.6 มม. จาก HKS ส่วนท่อนล่าง ขยายลูกสูบมาใช้ขนาด 86.5 มม. จาก CP PISTON ก้านสูบ EAGLE แบบ I-BEAM แบริ่งชาฟท์ทั้งหมดเป็นของ ACL แล้วนำข้อเหวี่ยงเดิมไปบาลานซ์เพื่อความเสถียร พร้อมนำอ่างน้ำมันเครื่องไปขยายความจุน้ำมันได้มากถึง 7 ลิตร ต่อจากนั้น มาที่ระบบอัดอากาศ ครั้งก่อนเคยใช้เทอร์โบ GReddy T88-38GK แต่มีอันพังไปซะ ตอนนี้เปลี่ยนมาใช้เทอร์โบของ MITSUBISHI TF08 แก้ขัดไปก่อน พร้อมเฮดเดอร์สเตนเลส จาก อาคมการช่าง คุมบูสต์ 2 บาร์ ด้วยเวสต์เกตแยกของ GReddy TYPE R ท่อทางเดินไอเสียของ SKYLINE R32 นำมาดัดแปลงเข้าชุดกับหม้อพักใบสุดท้ายจาก NITTO
- กล่องควบคุมจาก HKS F-CON V PRO จูนโดย อุบ วายริ่ง พร้อมชุดเพิ่มกำลังไฟ AEM รุ่น TWIN FIRE
- ด้านท้าย ถ่วงน้ำหนักด้วยถังน้ำมันขนาด 24 ลิตร พร้อม MIRACLE CROSS BAR & STRUT BAR และโรลบาร์ 6 จุด
ระบบไอดีขยายท่อทางเดินใหม่หมด พร้อมอินเตอร์คูลเลอร์ความหนา 4 นิ้ว จากร้านสหยนต์ ราชบุรี ท่อร่วมไอดีจาก GReddy พร้อมขยายหน้าแปลนให้กับปีกผีเสื้อจาก VH45DE ระบบน้ำมันเชื้อเพลิงใช้น้ำมันออกเทน 100 ในการแข่ง หัวฉีดขนาด 1,600 ซี.ซี. ของ PRECISION รางหัวฉีด HKS พร้อมตัวปรับแรงดันจาก FSE ปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิง TORSER 044 GT SPEC x 3 ตัว ถังน้ำมันสร้างใหม่ ขนาด 24 ลิตร ย้ายมาไว้ด้านหลังของห้องโดยสาร ส่วนระบบไฟจุดระเบิด เปลี่ยนคอยล์ใหม่และสายหัวเทียนเป็น ULTRA พร้อมชุดเพิ่มกำลังไฟ AEM รุ่น TWIN FIRE หัวเทียน NGK เบอร์ 9 และกล่องควบคุมจาก HKS F-CON V PRO เวอร์ชั่น 3.24 จูนโดย อุบ วายริ่ง ส่วนระบบส่งกำลัง เป็นเกียร์ธรรมดา 1JZ-GTE แบบ 5 สปีด ชุดคลัตช์ OS GIKEN แบบ TRIPLE PLATE ชุดเพลาท้ายและเพลาข้าง ใช้ของ SKYLINE GT-R อัตราทด 4.1 ลิมิเต็ดสลิปของ NISMO GT-PRO
Max Power : 817.06 PS @ 7,200 rpm
Max Torque : 84.25 Kg.-m. @ 6,600 rpm
Dynamometer : STRYDER
บรรยายกราฟ โดย พี สี่ภาค…สำหรับ “พลัง” ของรถคันนี้ ก็จัดว่าอยู่ในขั้นที่เยอะอยู่ เพราะมีค่าแรงม้า “ลงพื้น” ระดับ 800 ++ ก็เป็นสเต็ปที่พอเพียงกับการวิ่งเลขตัวเดียว ถ้าแรงกว่านี้อาจจะขับยากเกินไปก็ได้ สำหรับลักษณะของกราฟ ก็จะเซ็ตไว้วิ่งในโซน 6,000-8,000 รอบ ที่มีแรงม้าอยู่ในระดับ 700-800 PS สำหรับแรงบิด ก็อยู่ในเกณฑ์ “เยอะ” และมาในรอบไม่สูงนัก มีให้ใช้เต็ม ๆ ตั้งแต่ 6,000-7,200 รอบ ตามนิสัยเครื่อง 2JZ ที่มีความจุมาก เลยเรียกแรงบิดมาได้เร็ว แต่ถ้าถามถึง Power Band ก็ไม่ถือว่ากว้างนัก ซึ่งการแข่งควอเตอร์ไมล์ ก็จะใช้รอบสูงเพียงในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ อยู่แล้ว ถ้า Power Band แบบนี้ ก็ต้องหาเกียร์ที่มีอัตราทดชิดหน่อย ประคองรอบไว้ไม่ต่ำกว่า 6,000 รอบ ก็จะไปได้ดี…ส่วนเวลาควอเตอร์ไมล์ดีที่สุด 10.04 วินาที 60 ฟุต 1.6 วินาที ช่วงล่างกำลังเซ็ตใหม่ให้ดีขึ้น เพื่อให้ระยะ 60 ฟุตแรกนั้น ทำเวลาให้น้อยกว่านี้ กับน้ำหนักรถอยู่ที่ 1,350 กิโลกรัม
- เบรกคู่หน้า AP RACING คาลิเปอร์ 4 pot จานดิสก์เบรก 320 มม. พร้อมล้อ W WORK รุ่น EQUIP ขนาด 18 นิ้ว ใช้วิ่งถนน…
ช่วงล่าง TEIN TYPE FLEX
เบรก AP RACING ล้อ W WORK รุ่น EQUIP
ระบบการทำงานของช่วงล่าง ด้านหน้าจะเป็นแบบแม็คเฟอร์สัน สตรัท ช่วงล่างด้านหลังเป็นแบบอิสระ เปลี่ยนโช้คให้เหมาะกับถนนและพื้นแทร็กด้วย TEIN รุ่น TYPE FLEX เหล็กกันโคลงตรงรุ่นจาก ARC และ MIRACLE CROSS BAR & STRUT BAR ระบบเบรกคู่หน้าจาก AP RACING ขนาด 4 pot จานดิสก์เบรกขนาด 320 มม. ส่วนระบบเบรกหลังเป็นของ SKYLINE GT-R ชุดล็อกเบรกสำหรับเบิร์นยาง JEG’S และร่มช่วยเบรก SIMPSON พร้อมด้วยล้อสำหรับการใช้งานบนถนนด้วย W WORK รุ่น EQUIP ขนาด 18 x 10 นิ้ว และ 18 x 12 นิ้ว ยาง NITTO EXTREME ZR ขนาด 235/40ZR18 และ 275/40ZR18 ส่วนเวลาแข่งจะใช้ยาง HOOSIER DRAG RADIAL ขนาด 275/50-15
ขอขอบคุณ พี่วี เจ้าของรถ เจ้าของอู่ PROJECT-V ที่สละเวลามาร่วมถ่ายทำคอลัมน์ อู่ PROJECT-V โทร. 08-1668-0081
X-TRA ORDINARY
TOYOTA CELICA XX รุ่นนี้ จะเป็นรุ่นที่ขายในประเทศญี่ปุ่น JAPANESE DOMESTIC MARKET เท่านั้น ส่วนรุ่นที่ส่งออกขายต่างประเทศก็ใช้ชื่อรุ่นว่า CELICA SUPRA (Mk II) เป็นเวอร์ชั่นที่สองของรถตระกูล TOYOTA SUPRA ที่ผลิตขึ้นในช่วงปี 1982-1986 โดยมีรหัสตัวถัง GA และ MA
- 2JZ-GTE ไส้ในขยาย + เทอร์โบจาก MITSUBISHI TF08 กล่อง HKS F-CON V PRO กว่า 817 whp
- อัพเกรดของซิ่ง ด้วยท่อร่วมไอดี GReddy ลิ้นปีกผีเสื้อ VH45DE ชุดคอยล์แยก ULTRA หัวฉีด 1,600 ซี.ซี. ของ PRECISION รางหัวฉีด HKS พร้อมตัวปรับแรงดันจาก FSE
- เพลาท้าย และเพลาข้างจาก SKYLINE GT-R เหล็กกันโคลงตรงรุ่น ARC และชุดโช้คอัพแบบสตรัทปรับเกลียวจาก TEIN TYPE FLEX นอกจากนั้นยังมีปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิง TORSER 044 GT SPEC x 3 ตัว