จุดจบ LAN-EVO ที่เหลือแต่ตำนาน
ฝันร้ายที่กลายเป็นจริง ใช่ไหม ???
เรื่อง : อินทรภูมิ์ แสงดี
หลายๆ อย่างที่เปลี่ยนไปตามกาลเวลา ตามเทคโนโลยีที่พัฒนามากขึ้น และสำคัญ “พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป” รวมถึงกระแสเศรษฐกิจของตลาดโลก ที่ตอนนี้จะมีการ Merging หรือ “ขยำรวม” เทคโนโลยีระหว่างค่ายรถต่างๆ มา “แจม” กัน เฉกเช่นกรณี New SUPRA ที่ใช้ Platform จาก BMW Z4 ที่จะช่วยในด้านการลดต้นทุนและเวลาในการออกแบบรถ ก็อย่าไปว่าเขาเลย เพราะตอนนี้มันก็แชร์กันเยอะแยะมากมาย บริษัทก็ถูก Takeover ไปเยอะ เช่น NISSAN ก็ถูก RENAULT ดอยไป ตัว NISSAN เอง ก็ดอย MITSUBISHI มาอีกที หรือ TOYOTA กับ SUBARU ก็เช่นเดียวกัน และก็ต้องมีการแบ่ง Segment ในการผลิตรถอย่างชัดเจนมากขึ้น มันก็เลยเป็น “เกาเหลารวม” แบบรถยุคปัจจุบัน…
เวลาเปลี่ยนไป ทุกอย่างเปลี่ยนแปลง ดังนั้น เหล่า “ตัวซิ่งในตำนาน” ที่เราชื่นชอบกันในยุคอดีตจนมาจบยุค 90 นั้น มัน “สุดยอด” แล้วเพราะบริษัทรถยนต์ก็ต่างทุ่มเทเพื่อดันรถที่เป็น “รถธง” ออกมาเพื่อสร้างชื่อเสียง เราจะได้รถที่ “ถูกใจ” จนฝังรากลึกในจิตใจ แต่ในช่วงยุค “มิลเลนเนียม” ประมาณ 2002-2003 รถจะเริ่มเปลี่ยน “เทรนด์” ใหม่ อย่าง SKYLINE ก็กลายเป็นพวก V35 ที่เปลี่ยนแนวไปอย่างสิ้นเชิง หมดตระกูล RB ก็เป็น VQ ส่วน GT-R ก็ค่อยออกมาทีหลังในปี 2007-2008 แต่ตอนนี้ เรามาชมกันก่อนว่า “ตัวซิ่งที่หายไป” มันมีรุ่นไหนบ้าง แล้วมีแนวโน้มจะกลับมาคืนสู่สังเวียนอีกครั้งหรือไม่…
MITSUBISHI EVOLUTION X “Final Edition”
สำหรับตระกูล “อีโว” ถ้าคนญี่ปุ่นก็จะเรียก “ลันเอโว” หรือ LAN-EVO มาจากคำว่า LANCER EVOLUTION เป็นรุ่นที่สืบสานตำนาน “แรลลี่” ต่อจาก GALANT VR-4 (E33) ที่มีขนาดรถที่ใหญ่ไปหน่อย ด้วยความเป็นซีดานขนาดกลาง จะดีกว่าไหมถ้าใช้ LANCER เป็นพื้นฐาน ที่มีน้ำหนักเบากว่า และ คล่องตัวสูงกว่า จึงเกิด EVOLUTION I ออกมา ด้วยพลกำลังมากถึง 240 PS สุดยอดมากในยุคนั้น พร้อมระบบ AWD หรือ “ตะกายสี่ตีน” อันเลื่องลือในทางฝุ่น ตัวรถเป็นโฉม E-CAR (ที่บ้านเราเรียกกัน) ไล่จนถึง III ที่มีแรงม้ามากถึง 270 PS !!! จากโรงงาน เรียกว่าเป็น Godzilla Killer ที่สามารถฆ่าเจ้า SKYLINE GT-R R32 ได้อย่างเด็ดขาดในเส้นทางที่โค้งไปมาไม่กว้างนัก ซึ่งก็เหมือนถนน Toge ในญี่ปุ่นนั่นเอง ส่วน EVOLUTION IV ก็จะมาโฉม “ท้ายเบนซ์” เครื่อง 4G63 จับ “หันสลับทาง” เอาหน้าเครื่องมาอยู่ด้านขวา (ของรถ) แล้วเอาเกียร์ไปด้านซ้าย แต่สิ่งที่น่าสนใจ คือ มีแรงม้าสูงสุดถึง 280 PS ตามกฏหมายญี่ปุ่นกำหนด ซึ่งเป็นรถญี่ปุ่นขนาด 2.0 ลิตร ที่มีแรงม้ามากสุดในตอนนั้น หลังจากนั้น V-IV ก็ออกมา มีรุ่น Limited ในยุโรปหลายรุ่น เช่น Tommi Makkinen Edition (TME), SPRINT 400 PS จากโรงงาน ฯลฯ และมาถึง VII-IX หรือ 7-9 ก็จะเป็นโฉมของ CEDIA บ้านเรา พัฒนาไปเรื่อยๆ ตัว VIII-IX มีเวอร์ชัน MR ออกมาอีกครั้ง ซึ่งมีความพิเศษหลายอย่างที่เหนือกว่าตัวธรรมดา เช่น ล้อ BBS, ช่วงล่าง BILSTEIN, พร้อม Aero Part คาร์บอน ฯลฯ ซึ่ง MR นี้ มีใช้ครั้งแรกในตัว GALANT GTO รุ่นบุกเบิก ที่ใช้เครื่องฝา DOHC เพียงรุ่นเดียวในตอนนั้น และมาจบกันที่ “หนึ่งเดียวคนนี้” คือ X หรือ 10 ในโฉมของ EX เปลี่ยนทุกอย่างใหม่หมด ใช้เครื่อง 4B11 แทน 4G63 แม้ว่าจะมีแรงม้ามาก แต่ความสะใจและความรู้สึกก็ยังสลัดภาพตัวเก่าออกไปไม่ได้…
ทาง MITSUBISHI จัดการออก EVOLUTION X “Final Edition” เป็น “รุ่นสุดท้าย” เมื่อปี 2015 โดยในญี่ปุ่น จะผลิตมาเพียง 1,000 คัน เท่านั้น เท่ากับว่าคันหมายเลข 1000 คือ EVOLUTION คันสุดท้ายในโลก !!! จุดพิเศษ ก็คือ ล้อ BBS ขนาด 18 นิ้ว สวยสุดๆ แบบไม่ต้องแต่งอะไรอีก เบรก BREMBO ชุดใหญ่ ช่วงล่าง BILSTEIN กับสปริง Eibach คู่บุญบารมี ป้าย Logo “Final Edition” ท้ายรถ ภายในเน้นความเคร่งขรึมด้วย “สีดำ” ตัดด้วย “เย็บด้ายแดง” เพื่อให้อารมณ์สปอร์ตสุดขั้ว เบาะ RECARO แน่นอน พร้อม Number Plate “Final Edition no.0001-1000” ที่คันเกียร์ ขุมพลัง 4B11 Turbo ความแรง 303 PS ส่วนสเป็ก “อเมริกา” ก็มี แต่ของไม่เยอะเหมือนญี่ปุ่น ผลิตมา 1,600 คัน ซึ่งคันแรกและคันสุดท้าย จะถูก “ประมูล” เพื่อนำเงินไปบริจาคให้การกุศล…
คำว่า Final Edition ถ้ากล้าใช้ จึงเชื่อได้ชัดเจน ว่าเป็นแมทช์สั่งลาของ LANCER EVOLUTION อันเลื่องลือในใจพวกเรามานาน แต่ “ทำไมไม่ผลิตต่อ” มันมีที่มาที่ไปจาก “การวิเคราะห์” จากสถานการณ์จริงนะ…
ประการแรก ให้สังเกตว่า MITSUBISHI เลิกผลิตรถ Sedan ไปตั้งนานแล้ว อย่าง GALANT ซึ่งเป็นรถขนาดกลาง ก็เลิกผลิตไปตั้งแต่ยุคปี 2000 ส่วนตัวใหญ่อย่าง DIAMANTE เป็นรถนอกที่คนเล่นหลายคนชื่นชอบ (รวมทั้งผมด้วย) หรือ LEGNUM ที่ขายใน ออสเตรเลีย ก็ไม่มีอีกต่อไป คงเหลือแต่ LANCER เพียงอย่างเดียว และสุดที่ LANCER EX ซึ่งในญี่ปุ่น ดันใช้ชื่อ GALANT FORTIS แต่เป็นบอดี้เดียวกัน รวมไปถึงประเทศเพื่อนบ้านอย่าง “มาเล๊ มาเล” ที่ใช้ชื่อ PROTON INSPIRA ลองกลับมาบ้านเราดูสิ ว่า EX มันหายไปกี่ปีแล้ว ???
ที่มันหายไป เนื่องจาก MITSUBISHI เอง พักหลังๆ ก็หันไปเอาดีทางด้าน SUV อย่าง PAJERO รวมถึงการแข่งขัน Paris Dakar ที่ทุ่มทุนสร้างไปมาก พักหลังๆ จะได้ข่าวว่า “มิตซู” จะประสบปัญหาขาดทุนหรืออะไรต่างๆ มาพักใหญ่ จน NISSAN ได้ Takeover รับไปเลี้ยงดูต่อ โดยที่แบ่งกันชัดเจนว่า “มิตซู” จะทำรถประเภท SUV อย่าง PAJERO (คนละอย่างกับ PAJERO SPORT บ้านเราที่เป็นพื้นฐานกระบะดัดแปลงนะครับ) กระบะอย่าง L200 หรือ TRITON บ้านเรา หรือพวก MPV รถตู้ต่างๆ เช่น DELICA ส่วน XPANDER ก็เป็นส่วนของตลาดใน “เอเชียตะวันออกเฉียงใต้” แถบๆ บ้านเรานี่แหละ แล้วอีกพวกจะกลายเป็นพวก K-Car เล็กๆ ไปเลย โดยไม่ผลิตรถเก๋งอีกต่อไป ส่วน “นิสสัน” ก็เดินหน้าผลิตรถเก๋ง เรียกว่าแยกกันชัดเจนเลยไม่ให้มา “ทับไลน์” กันเอง แต่บางคนอาจจะไปสับสนกับ Concept Car ที่เรียกว่า e-VOLUTION อันนั้นเป็น “รถไฟฟ้า” นะครับ ไม่เกี่ยวกัน…
นั่นเป็นเหตุว่า ทำไม LANCER EVOLUTION X จึงผลิตตัวพิเศษ “Final Edition” ออกมาเพื่อ “อำลา” ตำนานอันยิ่งใหญ่ ของ EVOLUTION เนื่องจาก LANCER จบสายการผลิตไปแล้ว ก็คงได้เก็บเป็นตำนานเอาไว้ แต่อนาคตจะมีออกมาอีกหรือไม่ ก็ “ไม่แน่” แต่ตามรูปการณ์แล้ว “ไม่น่า” เพราะแบ่งตลาดกันชัดเจนขนาดนี้ แต่ช่างเถอะ มันก็ต้องไปตามสภาวะการณ์ปัจจุบัน ใครมีเงินก็ซื้อตัวเก่าเก็บไว้สะสม ใครไม่มีกำลังจะเก็บก็ “เก็บไว้ในใจ” เอาไว้นึกถึงมันบ้างก็แล้วกัน เหมือนที่ผมทำอยู่ ณ ตอนนี้…