อินทรภูมิ์ แสงดี / ภาพ: ธัญญนนท์ แสงภู่,
เปิดใจวิถีกระบะ กับสเต็ปเทอร์โบยอดฮิตวิ่งถนน
F55 Combo Test !!!
ต้อนรับฉบับพิเศษปลายปี ที่ครั้งนี้เปลี่ยนรูปแบบมาเป็น “รวมฮิตรถยอดฮิต” อย่างสายกระบะดีเซล ที่ตอนนี้นิยมเทอร์โบ “IHI F55” ในการทำสเต็ปรถวิ่งถนน ขับใช้งานได้ ไม่รอรอบมากนัก แถมยังมี “รุ่นจัดแข่งในสนาม” อีกด้วย ทำให้สเต็ปการใช้เทอร์โบ F55 ในการโมดิฟายนั้นยอดฮิตสุดๆ ในขณะนี้ เรียกว่าผู้จัดการแข่งขันรถกระบะในแต่ละรายการก็ต้องบรรจุรุ่น F55 นี้เข้าไปในด้วย เราจึงนำมาให้เป็นทางเลือกสำหรับผู้อ่านที่ใช้รถกระบะ หรือรถอเนกประสงค์เครื่องยนต์ดีเซล คอมมอนเรล สามารถนำบทความเราไปใช้เป็นความรู้ในการตัดสินใจโมดิฟายรถของท่านเอง ฝากทิ้งท้ายไว้หน่อย การโมดิฟายไม่จำเป็นจะต้องจำกัดว่าเฉพาะรถยี่ห้อใดยี่ห้อหนึ่ง จริงๆ แล้ว “ทำได้ทุกยี่ห้อ” อยู่ที่ความ “ชอบ” และ “ถนัด” กันมากกว่า รถแต่ละค่ายอาจจะมีการได้เปรียบเสียเปรียบกันบ้าง แต่ถ้าพอใจในการตอบสนอง ก็ถือว่า “จบ” ครับ…
- ฮิตสุดๆ ก็ต้องเป็นค่าย ISUZU อย่าง 4JK1-TCX ความจุ 2.5 ลิตร ที่มาขยายไส้เป็น 3.0 ลิตร จากเครื่อง 4JJ1-TCX ด้วยเหตุผลที่บอกไปในเนื้อเรื่อง ข้อดีของเครื่องรุ่นนี้ คือ “ฝาสูบดี วาล์วใหญ่” เลยสามารถทำแรงม้าได้ง่ายมากกว่าเครื่องยนต์ในพิกัดเดียวกัน ก็เลยเป็นเครื่องยอดนิยมสำหรับกระบะโมดิฟาย ราคาเครื่อง 4JK1-TCX และ 4JJ1-TCX รุ่นก่อนเปลี่ยนโฉม จะเฉลี่ยอยู่ประมาณ “50,000-60,000 ” ราคามีบวกลบนะครับ แล้วแต่สภาพเครื่อง แต่ถ้าเป็น 4JJ1-TCX จาก All New D-Max รุ่น 3000 VGS สภาพสวยๆ สดๆ ครบๆ พร้อมเกียร์ธรรมดา ราคาหวดไป “120,000-130,000 บาท” !!! จริงๆ แล้ว “แพงเกียร์” ครับ เพราะเกียร์ธรรมดาของ 3000 VGS จะมีขนาดใหญ่บะเริ่มเทิ่ม ทนแรงม้าสูงๆ ได้ เฉพาะเกียร์อย่างเดียว “60,000 บาท” โดยเฉลี่ย ถ้าซื้อเครื่องอย่างเดียว ก็อยู่ประมาณ “70,000 บาท” ประมาณนี้ครับ แต่ต้องดูหน่อยเพราะเครื่องรุ่นใหม่เป็นกุญแจ Immobilizer ถ้าเอามาวางรถคันใหม่ จะมีปัญหาเรื่องวายริ่ง และ “สตาร์ทเครื่องไม่ติด” เพราะ Module มันไม่ครบ ก็สามารถเปลี่ยนเป็นกล่องพร้อมสายไฟรุ่นกุญแจธรรมดาได้ แต่ก็มี “จุดอ่อน” เหมือนกัน คือ “บล็อกเสื้อสูบ” และ “ข้อเหวี่ยง” จะแข็งแรงสู้ TOYOTA ไม่ได้ ในการโมดิฟายแรงม้ามากๆ ในรถ “โบใหญ่แฝด” ระดับเกิน 800 PS ต้องอัพเกรดไส้ในและความแข็งแรงของเครื่องยนต์กันหนักมือหน่อยเพื่อความทนทาน แต่ถ้าในระดับ F55 ไม่ต้องกังวล ยังรับได้สบาย
F55 Series Story
ผมเชื่อว่าหลายคนที่สนใจ แต่ยังไม่ได้ลงลึกเกี่ยวกับการโมดิฟายรถดีเซล (ผมขอเรียกรวมๆ นะครับ ตั้งแต่กระบะ, รถอเนกประสงค์พื้นฐานกระบะแบบต่างๆ ที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซล คอมมอนเรล) อาจจะมีข้อสงสัยว่า ไอ้รุ่น F55 นี่มันคืออะไร มีรายละเอียดอย่างไรบ้าง ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่า F55 นั้น คือ “รุ่นของเทอร์โบ IHI F55V” ซึ่งเป็นเทอร์โบที่ติด “รถบรรทุก 6 ล้อเล็ก” จากญี่ปุ่น เหตุที่เอาเทอร์โบ F55 มาใช้ เนื่องจากในยุคเริ่มแรก การโมดิฟายจะใช้เทอร์โบรุ่นหลักๆ อยู่ 2 รุ่น ถ้าสเต็ปเริ่มต้น จะเรียกว่า “เทอร์โบสามพัน” หมายถึงว่า เป็นเทอร์โบจากเครื่อง 3,000 CC. ที่นิยมมากก็คงไม่พ้นเครื่อง ISUZU รหัส 4JJ1-TCX แต่ก็ขอเล่าไปอีกหน่อย เนื่องจาก ISUZU D-MAX ในรุ่นกระบะขับสองล้อที่เป็นรุ่นธรรมดา หรือ “ตัวเตี้ย” จะมีจำหน่ายเฉพาะเครื่อง 4JK1-TCX ขนาด 2.5 ลิตร เท่านั้น ซึ่งรุ่น 3.0 ลิตร จะมีเฉพาะรุ่น High Lander หรือ “ตัวสูงขับสอง” แต่กับคนที่ต้องการโมดิฟายแบบรถเตี้ย ก็จะซื้อรถมาแล้ว “อัพเกรดความจุ” เปลี่ยน ลูก ก้าน ข้อ เบิกเอาของเครื่อง 4JJ1-TCX มาใส่ เพื่อขยายความจุ แล้วซื้อเทอร์โบตรงรุ่นมันมาด้วย ลูกละ “9,XXX” บาท (เบิกศูนย์แท้) จะโมดิฟาย “หมกใน” อะไรก็ว่ากันไป ส่วนอีกกลุ่ม ก็ซื้อ High Lander หรือถ้าเป็น TOYOTA ก็จะเป็น VIGO Pre Runner มาเล่นกัน ถ้าแบบใส่ล้อใหญ่ ไม่โหลดเตี้ย ศัพท์วัยรุ่นเรียกว่า “ยีราฟ” แต่ก็มีหลายคนเอามาโหลดเตี้ย ซึ่งก็ต้องระวังเรื่อง “มุมล้อหน้า” ที่ต้องดัดคอม้าใหม่ ไม่งั้นศูนย์ล้อไม่ได้ งานนี้ก็ต้องหาร้านเชี่ยวชาญหน่อยแล้วกัน เรื่องศูนย์ล้ออย่าล้อเล่น เดี๋ยวจะ “เสียศูนย์” และ “สูญเสีย” อีกจุดที่ต้องระวัง ก็คือ “คานหน้าจะเตี้ยมาก” รถตัวสูงเอามาโหลดเตี้ยมันผิดไปจากเดิมเยอะ ก็จะเจอปัญหาเหล่านี้ ระวังด้วยแล้วกัน…
ย้อนกลับมาเรื่องเทอร์โบ ตอนนั้นที่เล่นกัน นอกจากเทอร์โบสามพันกันแล้ว ก็จะข้ามไป “เทอร์โบใหญ่” กันเลย พวกนี้เป็น “สายโหด โคตรบูสต์” แต่โดยมากก็จะ “วิ่งสนาม” มากกว่า เพราะต้องใส่ยาง Drag Slick ไม่งั้นไปไม่เป็น จริงๆ จะวิ่งถนนใช้งานมันก็พอได้ (ถ้าจะใช้นะ) แต่ “รอรอบ” แล้ว “กระชาก” เลยทำให้ขับยาก ตอนนี้สรุปกันว่า “มันยังไม่มีอะไรที่อยู่ตรงกลาง” เพราะฉะนั้น เทอร์โบ F55 จึงเข้ามามีบทบาทในการเป็น “ตัวกลาง” ด้วยบุคลิกของตัวมันที่ “ขับง่าย แรงได้แบบสนุก ไม่แรงโหดมากไป ขับใช้งานทั่วไปได้ด้วย” ถ้าเปรียบกับเครื่องเบนซิน สมัยก่อนก็เริ่มเล่นจากเทอร์โบสแตนดาร์ด อัพเกรดใบ ปรับบูสต์เพิ่ม ถ้าใครมีตังค์สายโหดหน่อยก็สร้างเฮดเดอร์ใหม่ ใส่ “เทอร์โบใหญ่” ก็ประมาณเดียวกันครับ ล่อกันไปยัน GReddy T88 หรือ HKS T51 ขับทั่วไปโคตรยาก แรงก็ทางตรงๆ โล่งๆ ตอนหลังก็เลยมีพวก T04Z สเต็ปกลางๆ ออกมาตอบสนองกลุ่มที่หายไปตรงกลาง ก็เหมือนกับ F55 นี่แหละครับ…
F55 ดูยังไง
บอกตรงๆ ว่ะ “ดูรูป” เอาแล้วกัน อย่าเพิ่งใจร้อน “แจกของ” ให้ดูรูปก่อนครับ ว่ารูปร่างลักษณะหน้าตาเป็นอย่างไร หน้าตาก็ตัวกลางๆ “พอดีมือ” ไม่ใหญ่ไม่เล็ก ตอนนี้ยอดฮิตก็ต้อง F55V ที่เป็นรุ่นใหม่ล่าสุด มาดูที่ “ยอดใบหน้า” จะอยู่ที่ “48.5 มม.” ส่วนรุ่น F5 เฉยๆ จะอยู่ประมาณ “44 มม.” ในช่วงที่ F55 นิยมมาก หากเป็น “ของมือสองแท้ญี่ปุ่นสภาพดี” ราคาแพงมากๆ อยู่ประมาณ “สองหมื่นปลาย ถึง สามหมื่นต้น” และตอนนี้ก็มีทางเลือก คือ “F55 เมดอินไชน่า” เป็นของใหม่ ถ้าเป็นรุ่นใบธรรมดา ราคาอยู่ราวๆ “8,XXX” บาท จะให้ดีก็ต้อง “เปลี่ยนใบ Billet” ขนาดยอดใบยังเท่าเดิม แต่องศาของใบจะปั่นลมได้มากกว่า คุณภาพดีกว่า ช่วยให้แรงและทนมากขึ้น ถ้าเป็นสเต็ปอัพเกรดนี้ ลูกนึง “1X,XXX” บาท ส่วน “โข่งหลัง” ก็มีเบอร์ 12-15 แล้วแต่ความต้องการครับ ถ้าเน้นตอบสนองไวๆ ขับง่ายๆ ก็ “เบอร์ 12” แต่เน้นแรงม้าเยอะก็ต้อง “เบอร์ 15” จ้ะ…
- ลักษณะหน้าตาของเทอร์โบ IHI F55V ที่เดิมๆ ยังไม่ผ่านการโมดิฟายใดๆ ยอดใบมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 48.5 มม. แต่ถ้าเปลี่ยนเป็นใบ Billet ก็จะมีลักษณะใบที่สวยและทำลมได้เยอะกว่าใบเดิม รวมถึงความทนทานที่เพิ่มขึ้นอีกด้วย
เทอร์โบหมก ???
คงได้ยินกันบ่อยๆ คำนี้ จะหมายความว่า เทอร์โบที่มีการ “เล่นแร่แปรธาตุ” มา อย่างเช่น โข่งหน้าเป็น F55 จริง แต่เอาเสื้อกลางรุ่นที่ใหญ่กว่ามาใส่ ใบหน้าก็เอาใบเทอร์โบรุ่นใหญ่กว่ามา “กลึงลดขนาดยอดใบ” ให้ได้ขนาด 48.5 มม. อะไรประมาณนี้แหละครับ ส่วนจะมีอะไรปลีกย่อยลึกลับอีก อยู่ที่สูตรของแต่ละอู่แล้วละครับ ของพวกนี้เขาไม่บอกกัน…
- ส่วนของใบหลัง ก็จะมีการปรับเปลี่ยนใบของรุ่นอื่นที่ใหญ่กว่ามาใช้ได้แบบสูตรใครสูตรมัน เพราะการแข่งขันส่วนใหญ่ก็จะตรวจเฉพาะใบหน้า ด้านหลังไม่ค่อยได้สนใจ เพราะยังไงก็ถูกกำหนดอากาศด้วยขนาดของปากทางเข้าเทอร์โบอยู่แล้ว เหมือนกับ Restrictor นั่นเอง
ตรวจสภาพยังไง
ส่วนในการแข่งขัน ทั่วไปก็จะแบ่งเป็นรุ่น F55 Radial ก็จะเป็นกลุ่มพวก “รถวิ่งถนน” ใช้ยางเรเดียล ตัวรถต้องอยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งานจริงๆ ส่วนอีกรุ่น F55 Pro ก็จะเป็นรถแข่งเต็มตัว ใช้ยาง Drag Slick ส่วนการ “ตรวจสภาพ” ถ้าเป็นรายการที่จัดโดยยึดมาตรฐาน ก็จะมีการ “ตรวจสภาพเทอร์โบ” หลังแข่ง สำหรับรถที่ได้ตำแหน่งทุกคัน ยกตัวอย่างปีที่แล้ว รายการ Souped Up Thailand Records 2014 ก็มีรุ่น F55 Pro เป็น Support Race ก็จะใช้การตรวจสอบโดยมี “ปลอกสวมปากเทอร์โบ” เสียบดูต้องพอดี ไม่หลวม เป็นการบังคับขนาดปาก เหมือนกับการบังคับ Restrictor ในรถแข่งเซอร์กิตนั่นเอง ส่วนในบางรายการ ก็จะ “ถอดโข่งหน้ามาวัดขนาดใบ” เอาให้แน่ๆ กันไปเลย…
ใส่ F55 ต้องทำเครื่องสเต็ปไหน ???
จริงๆ เทอร์โบ F55 บุคลิกของมันก็คือ ให้แรงม้าได้ระดับ 300-400 PS (ในรถถนนนะครับ) แปรผันอยู่ประมาณนี้แล้วแต่การโมดิฟายเครื่องยนต์ของแต่ละคัน เพราะมันบังคับด้วย “ขนาดปากเทอร์โบ” แรงม้าก็เหมือนถูกควบคุมไว้ประมาณนี้ การโมดิฟายเครื่องยนต์จริงๆ แทบไม่ต้องทำอะไรก็ได้ เทอร์โบ กล่อง ก็จบแล้ว อย่าง ISUZU เครื่อง 2.5 ลิตร อัพเกรด 3.0 ลิตร จะต้องเสียค่า “ไส้” เบิกใหม่ ค่าเทอร์โบ กล่องจูน ค่าเดินท่อ ค่าอินเตอร์ ค่าชุดคลัตช์ เกียร์ เฟืองท้ายเบอร์ 2.9 ถ้าแต่งห้องเครื่องสวย ฯลฯ อันนี้คือแบบ “พื้นฐาน” (เฉพาะระบบเครื่องและระบบส่งกำลังเท่านั้นนะครับ พวกของแต่งสวยงามจุกจิกอื่นๆ ไม่เกี่ยว) เตรียมไว้ “3XX,XXX” บาท บวกลบแล้วแต่ของที่เราใช้ครับ ส่วนถ้าเราจะโมดิฟายเพิ่ม ก็จะมี “แคมชาฟต์โมดิฟาย” มีเยอะแยะให้เลือกตามความพอใจ แต่ส่วนใหญ่แล้วจะเปลี่ยนเฉพาะ “ฝั่งไอเสีย” ก็พอครับ ถ้ารถวิ่งถนนนะ ไอดีไม่ต้องก็ได้ วิ่งถนนจะได้ไม่รอรอบ เราใช้กำลังช่วงกลางกว้างๆ ไม่เน้นรอบสูงมาก หลักๆ ก็ประมาณนี้แหละครับสำหรับสเต็ป F55…
- ตอนนี้ ISUZU ได้ออกเครื่องบล็อกใหม่สดๆ ซิงๆ เป็นทางเลือกคู่กับเครื่อง 4JJ1-TCX คือ RZ4E-TC ขนาด 1.9 ลิตร มา น่าเสียดายที่บ้านเราไม่ได้ “ทวินเทอร์โบ” แบบตัวนอก ซึ่งก่อนหน้าที่จะเปิดตัวเครื่อง 1.9 ในบ้านเรานี้ ทาง ECU=SHOP ก็ได้บินไปศึกษารายละเอียดมาที่ “ฮ่องกง” ซึ่งเป็นเครื่องทวินเทอร์โบ ในอนาคต เครื่องตัวนี้ถ้าไม่เกี่ยงว่า “ความจุน้อย” จะเสียเปรียบเครื่อง 3.0 ลิตร ก็ไม่แน่ว่า เครื่องเล็กแต่อาจจะมีอะไรดีๆ ให้เราเห็นก็เป็นได้ ต้อง “รอชม” อย่างเดียว
- มาดูฝั่ง TOYOTA กันบ้าง คือ 1KD-FTV 3.0 ลิตร ก็มีบางอู่ที่ศรัทธานำไปโมดิฟายสู้กับ ISUZU หลายคนบอกว่าไม่แรง แต่อู่ที่ดังๆ ในการทำเครื่องตัวนี้ คือ “คลินิกรถยนต์” เจ้าของสโลแกน “เชื่อดิ สู้ได้” ก็ยืนใน Top Ten ของ Souped Up Thailand Records 2014 ด้วยเครื่องตัวนี้แหละ เพราะฉะนั้น “อยู่ที่การเข้าใจในการโมดิฟาย” แล้วละครับ จริงอยู่ ที่ระบบฝาสูบ พอร์ต วาล์ว มีขนาดเล็กกว่า ISUZU แต่ข้อดีที่ได้ คือ “ความทนถึก” ตามสไตล์ TOYOTA ที่ในแรงม้าสูงๆ จะทนกว่าอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะ “เสื้อสูบ ข้อเหวี่ยง” (แต่ไม่ได้บอกว่าไม่พังนะครับ) ทางแก้เรื่อง Flow ฝาสูบ ก็คือ “ใช้แคมชาฟต์ที่เปิดให้อากาศเข้าได้เยอะขึ้น” ก็ช่วยชดเชยไปได้ สำหรับราคาเครื่องของ TOYOTA จะค่อนข้างแพงกว่า เริ่มจาก 2KD-FTV 2.5 ลิตร เทอร์โบธรรมดา อยู่ประมาณ “50,000-60,000 บาท” ส่วน 2KD-FTV เทอร์โบแปรผัน บวกไปอีกหมื่นนึง ส่วน 1KD-FTV 3.0 ลิตร เทอร์โบแปรผัน ราคาเครื่องอย่างเดียว อยู่ประมาณ “100,000 บาท” ถ้ารวมเกียร์ก็ประมาณ “120,000 บาท” เกียร์รุ่นนี้ไม่แพงครับ เพราะ “ลูกเล็ก” ความคงทนประมาณหนึ่ง ส่วนใหญ่ก็ไปเปลี่ยนเกียร์จากรถเบนซินรุ่นอื่นครับ…
- ตัวนี้เป็น 1GD-FTV ขนาด 2.8 ลิตร จาก REVO รุ่นใหม่ล่าสุด คงต้องรอสักพัก แต่การโมดิฟายเครื่องปีใหม่ๆ บางทีก็ต้องทำใจเรื่องของ “ความยุ่งยากของระบบควบคุมเครื่องยนต์” ว่ามันไม่ง่ายในการโมดิฟายสักเท่าไร ก็คงต้องหาทางกันต่อไปนะ
- หลายคนยังสับสนครับ เพราะในการแข่งขัน ก็จะมีรุ่น F55 Radial ก็จะหมายถึง “รถใช้เทอร์โบ F55 วิ่งด้วยยางเรเดียล” ส่วนใหญ่แล้วก็เป็นพวกรถวิ่งถนนได้ แข่งในสนามได้ (อย่างถูกกฎหมาย) ส่วนในรูปนี้ เป็นรถแข่งรุ่น F55 PRO ที่ใช้ “ยางสลิค” ซึ่งตัวรถก็จะรื้อทำเป็นรถแข่งเต็มตัว วิ่งถนนไม่ได้แล้ว
- เครื่องตัวแข่งในรุ่น F55 PRO ก็จะโล่งๆ โกร๋นๆ ประมาณนี้แหละครับ เพราะไม่เน้นวิ่งถนนเลย และก็มีการตรวจสภาพเทอร์โบในรถที่ได้ตำแหน่งหลังแข่งขันเสร็จแล้วว่าถูกกติกาหรือไม่