GODJI “The Sleeper Mode”

Souped Up Special : XO 265 (Skyline R32 Korn)
(วางรูป 01 เปิดเรื่อง)
เรื่อง : อินทรภูมิ์ แสงดี                             
ภาพ : ธัญญนนท์ แสงภู่ (TakeSnap)

กระแสของ SKYLINE GT-R R32 นั้น ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันเป็น “รถซิ่งระดับโลก” ที่ NISSAN ตั้งใจทำออกมาเพื่อการแข่งขัน มันไม่ได้มีดีเฉพาะ “ไฟโดนัท” และถ้ามันไม่ดีจริงในด้านสมรรถนะ คนทั่วโลกก็คงไม่ไขว่คว้ามันหรอก จริงไหม??? จากการที่ทุ่มเทพัฒนาอย่างหนักของทีมวิศวกร และเป็นรถญี่ปุ่นรุ่นแรกของ NISSAN ที่ไปทดสอบ ณ สนาม Nurburgring, Germany ที่เหมือนกับเป็น “ปราการด่านสุดท้าย” ในการทดสอบสมรรถนะของรถ รวมถึง Handling ที่ตอนนั้นคนทั่วโลก “ปรามาส” รถญี่ปุ่นว่าไม่มีทางทำรถและช่วงล่างให้ดีได้ แต่ GT-R ก็ทำให้ “กบหลอน” ได้ รวมถึงการขยี้ Circuit ด้วยตัวแข่ง Group A อันเลื่องชื่อ ทั้งในญี่ปุ่นเอง และหาญกล้าไปขยี้ “ดินแดนจิงโจ้” ที่มีตัวแข่งแรงๆ เยอะแยะ เอาเป็นว่า รถคันนี้เป็นของ “สายถึง” อย่าง “กร ชลบุรี” ที่ขึ้นชื่อในการ “ปั้นรถเรโทร” สวยๆ มากมายมาโชว์กับทาง XO autosport เป็นประจำ ซึ่งงานนี้ก็ขออิงกระแสรถ 90’s “ในฝันเมื่อฉันเยาว์วัย” กันบ้าง แต่บอกเลยว่า R32 “ทำยากและนานที่สุดในชีวิต” มันเป็นแบบนี้ได้อย่างไร แล้วทำไมถึงก้าวมาไกลขนาดนี้ !!!

Godji R32 ในทรรศนะของข้าพเจ้า
สำหรับ SKYLINE R32 ในมุมมองที่ผมได้หาข้อมูลมา รวมถึง “ข้อมูลจากมุมมองนักเล่นตัวจริง” ที่เคยคุยมา อาจจะไม่ตรงกับคนอื่น ก็อย่าว่ากัน เพราะมันเป็น “ในทรรศนะของข้าพเจ้า” (ในส่วนของข้อมูลทางเทคนิคและรายละเอียดต่างๆ เราเคยลงใน Reed It More ไปแล้ว ลอง Search หาในเว็บไซต์ของ XO autosport เอาก็แล้วกัน) สำหรับ Fact ของ R32 ที่น่าสนใจ ก็แยกย่อยได้หลายข้อ ดังนี้…
< เทคโนโลยี “เยอรมัน” : จริงๆ แล้ว NISSAN นั้นมีความสัมพันธ์กับ MERCEDES-BENZ มานาน สังเกตว่าดีไซน์ของ NISSAN/DATSUN อย่างเครื่องบล็อก L จะเหมือนกับเครื่อง M-B มากๆ หรือแม้แต่เครื่อง RB กับเครื่อง M-B 24 วาล์ว DOHC ดีไซน์ก็จะคล้ายกัน ไอ้ “ฝาเอียง” อันเป็นเอกลักษณ์นั่นแหละ เพียงแต่ “เอียงคนละข้าง” แค่นั้นเอง ส่วน “ช่วงล่าง” ของ R32 ก็จะคล้ายๆ กับ W124 ที่เป็น “มัลติลิงก์” อันลือชื่อในด้านการเกาะถนน เพราะให้และปรับมุม Geometry ได้มากกว่า ส่วนสำคัญ คือ ระบบ ATTESSA ที่แบ่งกำลังล้อหน้า-หลัง  เป็น 4WD แบบ Part Time ก็ใช้เทคโนโลยีเดียวกับ M-B ที่เรียกว่า 4MATIC เป็นระบบ 4WD ที่ใช้งานสำหรับการวิ่งเร็วบนทางด่วน Autobahn ที่มีโอกาสเจอถนนลื่นจากอากาศหนาวเย็น นับว่าเป็นความโดดเด่นอย่างมากของรถญี่ปุ่น โดยเฉพาะ SKYLINE GT-R ที่เอาระบบนี้มาใส่กับ Production Car เป็นรุ่นแรก เพราะเท่าที่ดูในปีนั้น รถญี่ปุ่นรุ่นอื่นหรือค่ายอื่นยังไม่มีระบบนี้นะ…
< มีพิษสงทางเลี้ยว : ก็อย่างที่บอกว่า มัน “Born To Circuit” ทางเลี้ยวมีความโดดเด่นมาก ทางตรงก็แรง ออกตัวก็ดี เพราะเป็น 4WD Part Time แต่ว่า ถ้าจะเทียบกันใน Drag Racing แล้ว หากเจอกันบน Track ที่ดี หากเทียบกับ SUPRA ที่แรงด้วยขุมพลัง 2JZ-GTE ที่ใหญ่กว่า RB26DETT ถึง 400 c.c. !!! เรียกว่า “ชกข้ามรุ่นกันเลย” แถม SKYLINE GT-R ก็ “ตัวหนัก” แน่นอนว่า อัตราเร่ง “สองเจ” ย่อมดีกว่าด้วยแรงบิดที่มากกว่า (ถ้าตอนออกมันไม่ “เป๋” เหมือนเมายา (คูลท์) ไปซะก่อน) GT-R อาจจะอาศัย “ตะกุย” ออกไปก่อน แต่ถ้าตั้งลำได้แล้ว SUPRA ก็จะมา เหตุนี้เอง จึงมี “อาจารย์ใหญ่สาย RB” ในวงการกล่าวไว้ว่า “GT-R ในการเล่น Drag มันดีตรง 4WD แต่ถ้ามันเป็น 2WD มันก็ไม่มีพิษสงอะไรมากนัก” ตามนั้นครับ…
< 8 Min. at The Ring : สำหรับเรื่องของการ “ทดสอบ” ในสนาม “เดอะริง” หรือ “Nurburgring” ในเยอรมัน เจ้า R32 GT-R ที่ขับโดย “ป๋าคุโรซาวา” หรือ Motoharu Kurosawa นักแข่งจาก NISSAN รุ่นเดอะ ที่ขับตั้งแต่ Hakohsuka นู่นเลย กดเวลาไว้ “8.22 นาที” ซึ่งพอๆ กันกับ BMW M3 E46 ที่ทำสถิติในปี 2000 ซึ่งเป็นเวลาเกือบ 10 ปี หลังจากที่ R32 ออกมา นับว่าไม่ธรรมดาเลยในยุคนั้น… (ข้อมูลจาก : Wikipedia/List Of Nurburgring Lap)

 

ทำไมต้อง “ยีบหก” ล่ะ ???
แยกมาเลยดีกว่า ตอนแรกว่าจะเก็บไว้เป็นข้อมูลในหัว เพราะกลัวพูดไปแล้วคนจะหาว่า “บ้า” แต่ความจริงมันก็คือความจริง ผมเคยสงสัยว่า NISSAN ทำไมถึงทำเครื่อง “คาบเกี่ยว” กันวะ เพราะ RB25 ก็มี (รุ่นแรกเป็น RB25DE ไม่โบ ไม่มีโหนกกระดิกแคม ใน R32 GXE Sedan ออกมาช่วงแรกๆ เลย) แล้วก็เป็น RB26DETT ที่มีความจุ 2,568 c.c. มันก็มากกว่า RB25 แค่ “70 c.c.” ทำเพื่ออะไร ทำไมไม่ทำ “สามพัน” ไปเลย เพราะเครื่อง RB30E ก็มี (แต่อยู่ใน HOLDEN นะ และ SKYLINE ER31 สเป็กยุโรปและออสเตรเลีย) ซึ่งมีข้อมูลออกมา 2 ด้าน คือ…
< “ได้รอบ” ดีสุด : อุปนิสัยของเครื่อง RB26DETT เป็น “เครื่องรอบ” ส่วน 2JZ-GTE เป็น “เครื่องทอร์ค” พอทำให้เป็น RB30 รอบก็จะน้อยลง น้ำหนักมากขึ้น แต่ได้แรงบิดมากขึ้น นิสัยจะเหมือนกับ “สองเจ” ซึ่งจริงๆ แล้วในทางเซอร์กิต รถที่ “แรงกำลังดี” จะได้เปรียบ ไม่ใช่แรงมากไปแต่คุมยาก น้ำหนักเยอะ ในตอนแรก NISSAN จะเอาเครื่อง RB24 มาอยู่ใน GT-R ตัวต้นแบบ (เครื่อง RB24S ก็มีนะ มีขายใน CEFIRO สเป็กส่งออก ที่เจอแน่ๆ ก็ “จีน” นั่นแหละ) แต่ “กำลังไม่พอ” เลยขยับเป็น RB26 ที่ NISSAN คิดแล้วว่าเหมาะกับ “เซอร์กิต” ตามเจตนาที่ผลิตออกมาตั้งแต่แรก…
คูณ “Handicap” แล้วพอดี : ในออสเตรเลีย ที่ R32 บุกไปสร้างชื่อจนฝรั่งเรียกว่า “ก๊อดซิลล่า” นั้น ตัวของมันมี “หอย” ทำให้ต้องคูณ “Handicap” ที่ 1.7 แล้วมันจะได้เท่ากับเครื่องประมาณ 3.8 ลิตร V6 แบบไร้หอย ซึ่งก็เท่ากับพวก HOLDEN CALAIS หรือ FORD FALCON ของออสเตรเลียพอดี ซึ่งก็เหนี่ยวกันอย่างดุเดือด อาศัย “ตะกายสี่ตีน” ก็เลยทำให้มันสามารถคว้าชัยในต่างแดนที่ว่าเขี้ยวๆ มาได้ ท่ามกลางความตะลึงของฝรั่งแดนจิงโจ้อุทานไว้ “แม่งเร็วจริงว่ะ”

“มันไม่ง่ายอย่างที่คิด” ความในใจ 6 ปี แห่งความหลัง
เรารู้มาตลอดว่า “กร ชลบุรี” ทำรถออกมาจะต้อง “เก็บรายละเอียดทุกจุด” ซึ่ง R32 คันนี้ ได้ข่าวตั้งแต่เริ่มซื้อรถมา ตอนแรกก็จะ “ปั้นเดิม” ตามสไตล์ แต่ไปๆ มาๆ ก็ชักจะ “เลยเถิด” เป็น “สเต็ปใหญ่” ยัดไส้ไว้เพียบ แต่ขอรายละเอียดภายนอก “เดิม” ประหนึ่งรถป้ายแดง !!! ไอ้เรื่องทำแรงน่ะไม่ยากหรอก แต่ไอ้ทำเดิมให้เหมือนรถใหม่นี่สิ มันไม่ง่ายอย่างที่คิดไว้ ตอนนั้นปั้น “เรโทร” ก็ว่ายากแล้ว คิดว่าไอ้รถ 90’s มันก็น่าจะง่ายกว่าเยอะ แต่จริงๆ แล้ว ผิดคาด เพราะรายละเอียดของ SKYLINE นั้นมีลูกจุกจิกเยอะมากกว่าที่คิดไว้ พอมาศึกษาจริงๆ ถึงจะรู้ซึ้ง มันก็ไม่แปลกเลยที่จะใช้เวลานานขนาดนี้ ให้ “กร” เป็นผู้เล่าดีกว่าครับ…

“เหตุที่มาเล่น R32 ก็คงเหมือนกับคนอื่นๆ ที่หลงใหลในสมรรถนะของตัวรถ ทั้งในด้านเครื่องยนต์ ช่วงล่าง รวมถึงรูปลักษณ์อันดุดัน เป็นอมตะ ยิ่งดูยิ่งชอบ ส่วนตัวผมเองก็อยากได้มันมาตั้งนานแล้ว ย้อนไปสมัยเด็กๆ ก็ชอบไปตามสนามควอเตอร์ไมล์ ตอนนั้นก็ยุค MMC แน่นอนว่า R32 ที่เป็นไอดอลของสายซิ่งก็หนีไม่พ้นรถของ พี่ป๊อปปิ JUN แน่นอน ตอนนั้นผมยังขับแค่ STARLET อยู่เลย ซึ่ง R32 มันเป็นรถที่สายซิ่งแทบทุกคนบนโลกอยากได้มันมาครอบครองจนถึงปัจจุบันนี้”

“หลังจากมีกำลังที่จะหาได้ ก็ออกตามหารถสภาพสวยๆ ไม่ตัดต่อ ด้วยความบังเอิญเพื่อนผมทำเซียงกง และเจ้า R32 คันนี้ ก็เป็นรถของลูกชายเพื่อนพ่อเขาที่ญี่ปุ่น พอเจ้าของรถแต่งงานกับคนไทย มาอยู่เมืองไทย ก็ขายรถคันนี้มาให้เพื่อนผม ตัวผมเองก็เห็นรูปรถคันนี้ตั้งแต่อยู่ญี่ปุ่น เพื่อนก็มาให้ดูว่าสนใจไหม ตอนนั้นก็ยังลังเล เพราะมีรถที่เล่นอยู่แล้ว เพื่อนก็เลยเอาไปปั้นต่อ พื้นฐานรถคันนี้สภาพดีครับ วิ่งมาประมาณ 50,000 กม. แต่สภาพพวกยางขอบต่างๆ นั้นกลับบ้านเก่าบ้างตามอายุรถ อันนี้ผมว่าน่าจะหายาก ผมก็เลยพาเพื่อนเอารถเข้าทำสี แต่เพื่อนต้องเดินทางไปญี่ปุ่น 3 เดือน อยู่เมืองไทย 3 เดือน ไม่ค่อยมีเวลาทำ รถเลยจอดอยู่ประมาณครึ่งปี เพื่อนก็ถอดใจ ขี้เกียจทำแล้ว ผมก็เลยซื้อมาสานต่อ”

“ตอนซื้อมาก็เป็นสภาพที่ไม่มีเครื่อง ส่วนงานสีตอนแรกเพื่อนผมก็ไม่ได้เน้นมาก สีออกมาเลยไม่ตรงเบอร์ มันเข้มกว่าสีเดิมของรถ ส่วนตัวผมว่ามันไม่เดิม อารมณ์รถมันเปลี่ยนไป และยิ่งตัวผมต้องการเดิมให้มากที่สุด เลยต้องรื้อทำใหม่ “ปิ้ง” หมดเลยทั้งคันอีกรอบ อันนี้แหละครับที่เป็นจุดเปลี่ยน ตอนแรกก็ไม่กะว่าจะทำขนาดนี้หรอก เพราะถ้าลองได้รื้อทั้งคันจริงๆ แล้ว พวกขอบยางต่างๆ กิ๊บล็อก พวกนี้มันต้องเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด อย่างของจุกจิกเล็กน้อย พวกแหวนรองนอตต่างๆ ที่เป็นพลาสติก มันจะต้องมี Part number ของแต่ละจุดที่ต่างกัน เรียกว่าถ้าจะทำจริงๆ จะต้องศึกษาให้ละเอียด ก็ต้องพึ่งคนสั่งอะไหล่ NISSAN โดยตรงที่สามารถหาของมาได้ ถ้าเทียบกับ Retro บางอย่างหาไม่ได้ แต่สร้างใหม่ทดแทนได้ เราก็สร้างเอา แต่คันนี้ยอมรับว่ายากจริงๆ กว่าจะหาของได้ ของเบิกใหม่ไม่มี (Discontinue Parts) ก็ต้องหาของ Used มันก็ไม่ง่ายอีก กว่าจะหาของถูกใจได้ก็หมดไปหลายชุด คือ มันต้องใช้เวลามากเลยครับ เหมือน Jigsaw ที่เราต้องสะสมไปเรื่อยๆ จนกว่าจะครบ แล้วจึงจะได้ความสมบูรณ์สูงสุดเท่าที่จะทำได้”

“หลังจากงานตัวถังจบ ก็มาถึงงานเครื่องยนต์ ส่วนตัวผมเองอยากจะได้รถขับมันส์ๆ ก็ขอจัดเต็มหน่อย โดยเน้นรายละเอียดครบถ้วน และต้องขับบนถนนได้จริง พอเครื่องแรงแล้ว เกียร์เดิมรับไม่ไหว ก็ต้องดิ้นรนหาเกียร์ใหม่ ตอนแรกก็จะเอาเกียร์ H-Pattern โมดิฟายนี่แหละ แต่ไปๆ มาๆ ส่วนตัวอยากลองเกียร์ I-Pattern หรือ Sequential กับ Dog Engagement ของ OS88 เข้าเกียร์ไม่ต้องเหยียบคลัตช์ อยากได้ฟีลลิ่งสะใจแบบนี้ก็เลยสั่งมาใส่ เรียกว่าของข้างในเราใส่เต็มเรื่องสมรรถนะ แต่ภายนอกยังดูเดิมๆ เหมือนรถโรงงาน มีเสริมนิดหน่อยแต่ต้องไม่ดูแปลกปลอมไป คันนี้ใช้เวลาทำถึง 6 ปี ไม่ได้เวอร์นะครับ เพียงแต่ว่าเราค่อยๆ สะสมของ ซึ่งตอนนี้ R32 มันเป็น Iconic Car แพร่หลายไปทั่วโลก จึงต้องใช้เวลาและ “ดวง” ด้วยนะ บางทีมีเงิน แต่ไม่เจอของ มันก็ทำอะไรไม่ได้ ส่วนตัวรถ ไหนๆ มาขั้นนี้แล้ว ก็ต้องละเอียดทุกจุด ให้สมกับการรอคอยครับ”

ท้ายสุด ผม “กร ชลบุรี” ต้องขอขอบคุณ “พี่โต” ที่เป็นแกนหลักในการทำรถคันนี้ “บูรณ์ BRP” ที่ช่วยเหลือในด้านเครื่องยนต์ “อู่สีอาคม” ทำสีทั้งคัน และ “ปอ วัฒนา” ช่วยในการจูน รวมถึงทุกท่านที่มีส่วนร่วมในรถคันนี้ด้วยครับ…

X-TRA Ordinary
ก็เป็นที่ข้องใจของใครหลายๆ คน ว่า SKYLINE GT-R R32 นั้น มี “สเป็กอเมริกา” หรือ “US Spec” หรือเปล่า ก็ขอยืนยันเลยว่า “ไม่มี” แน่นอน และตั้งแต่ R32-R34 ทาง NISSAN ไม่ผลิต SKYLINE ที่เป็นรถพวงมาลัยซ้ายเหมือนรุ่นก่อนๆ โดยเน้นเป็น JDM และส่งไปประเทศที่เป็นพวงมาลัยขวา เช่น ออสเตรเลีย และอังกฤษ เป็นหลัก และ SKYLINE ตั้งแต่ในอดีต ก็ไม่มีขายในอเมริกาเช่นกัน อาจจะเป็นเรื่องของ “กฎหมายความปลอดภัย” เนื่องจากเป็นเครื่องเทอร์โบ มีแรงม้ามาก แต่ไม่มี Air Bag ตั้งแต่ต้น เพราะ NISSAN ตั้งใจผลิต GT-R มาเพื่อ “แข่งขัน” จึงไม่ใส่อุปกรณ์พวกนี้มาให้ รวมถึงเรื่อง “มลพิษ” ที่เข้มงวดมากในบางรัฐ เช่น California เป็นต้น บางคนอาจจะเห็น R32 พวงมาลัยซ้ายในเว็บไซต์ต่างๆ นั่นคือ “แปลง” และย้อนไปเมื่อปีก่อนๆ R32 จะถูกนำเข้าไปในอเมริกาเป็นจำนวนมาก เนื่องจากฝรั่งอเมริกันที่อยากได้ R32 ก็จะกว้านซื้อรถที่ญี่ปุ่นไว้ แล้วรอจนกว่ารถมีอายุถึง “20 ปี” ตามกฎหมายอเมริกา ที่อนุญาตนำเข้ารถพวงมาลัยขวาที่มีอายุเกิน 20 ปี เข้าไปในประเทศได้ ซึ่งก่อนหน้านี้จะเห็น R32 จอดกันมากมายตาม Used Car Garage หรืออู่ที่ทำ SKYLINE เลยได้คำตอบว่าคนอเมริกันมาซื้อไว้เพื่อรอส่งเข้าไปประเทศนั่นเอง ส่วนตัวที่ “แพงโคตร” ที่สุดใน R32 GT-R คือ “NISMO VERSION” มีเพียง 560 คัน ทั่วโลก 500 คัน ขายจริง 60 คัน ขายทีมแข่ง สนใจรายละเอียดของ R32 อย่างละเอียด เข้าไปชมที่คอลัมน์ Reed It More ในเว็บไซต์ xo-autosport.grandprix.co.th ได้เลยครับ…

Special Thanks
เพื่อน “กร ชลบุรี” : เอื้อเฟื้อ “ก๊อดจิ” สุดรัก โชว์โฉมใน XO autosport ซะที สมกับการรอคอยจริงๆ นะ…

TECH SPEC
ภายนอก
ชุดพาร์ทรอบคัน : NISMO
ภายใน
พวงมาลัย : NISMO
คอพวงมาลัย + คอพับ : Worksbell
เรือนไมล์ : NISMO 320 km/h
เบาะ : RECARO SPA
เข็มขัดนิรภัย : WILLANS
เกจ์วัดบูสต์ : TRUST/GReddy
เกจ์วัด A/F Ratio : PLX
ปรับบูสต์ : GReddy PROFEC COLOR
โรลบาร์ : HKS Kansai
ค้ำกลางรถ : Du-luck
แป้นเหยียบ : NISMO
แป้นพักเท้า : CARBING
ชิพต์ไลต์ : MoTeC
หัวเกียร์ : KA Sensors GST Series Gear Lever Load Cell
เครื่องยนต์
รุ่น : RB26DETT A’PEXi full kit 2.6 L
ฝาสูบ : ขยายพอร์ต in/ex CNC
วาล์ว : SUPERTECH in/ex Over Size 1 mm.
สปริงวาล์ว : SUPERTECH
แคมชาฟต์ : TOMEI Pro in 280° ex 280° Degree & Lift 11.5 mm.
ลูกสูบ : A’PEXi V-max SPL 87 mm.
ก้านสูบ : A’PEXi V-max SPL forged kit
ข้อเหวี่ยง : A’PEXi V-max SPL Billet Crank
แบริ่งชาฟต์ : ACL
นอต อก + ก้าน : ARP
ปะเก็นฝาสูบ : HKS
ท่อร่วมไอดี : GReddy
เทอร์โบ : GReddy T88-38GK
เวสต์เกต : GReddy Type C
หัวฉีด : SARD 1,000 c.c.
รางหัวฉีด : GReddy
น้ำมันเชื้อเพลิง : MAXIMA 130 RON
กรองอากาศ : GReddy
ออยล์คูลเลอร์ : GReddy
หม้อน้ำ : ARC
แผ่นปิดบังลมคานหน้า : ARC
อินเตอร์คูลเลอร์ : ARC
กระป๋องพักน้ำ : ARC
พูลเลย์เครื่อง : ATI Super Damper
กระปุกน้ำมันเพาเวอร์ : Auto Select
แม่ปั๊มเบรกตัวบน : Auto Select
ค้ำหม้อลมเบรก : CUSCO
ท่อไอเสีย : TRUST 3 1/2 in. Full Titanium
กล่อง ECU : MoTeC M150 By Por Motorsport
ระบบส่งกำลัง
เกียร์ : OS88 6 Speed Sequential
คลัตช์ : OS Giken Triple Plates
ลิมิเต็ดสลิป : Cusco
ช่วงล่าง
โช้คอัพ : Aragosta Type S
ค้ำโช้คหน้า : NISMO Omori Factory
ค้ำโช้คหลัง : NISMO
ปีกนก : Ikeya Formula
เหล็กกันโคลง หน้า/หลัง : ARC
ล้อ : BBS LM F1 ขนาด 10 x 18 นิ้ว ออฟเซต +20
ยาง : Bridgestone Potenza RE-11S ขนาด 265/35R18
เบรก : Endless Monoblock หน้า 6 pistons หลัง 4 pistons

*เพื่อความสะดวก กรุณาดู Video ผ่าน Google Chrome