GT-R Track Edition “The Total Balance Engagement”
สรุปแล้วนี่คือ NISMO Version หรือเปล่านะ ???
Special Godzilla Come Again (Episode II)
เรื่อง : อินทรภูมิ์ แสงดี
ภาพและข้อมูล : https://japanesenostalgiccar.com/nissan-gtr-50th-anniversary/
ดูเวอร์ชัน “หรู” มาแล้ว ก็มาต่อกันในอีกเวอร์ชัน “แรง” สำหรับ GT-R Track Edition โฉมปี 2020 ที่ออกมาเป็น Top Spec ของ GT-R R35 โดยการเน้นสมรรถนะอันสูงสุด รวมไปถึงความสวยงามที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว…
การปรับปรุงนั้นก็คงหนีไม่พ้น NISMO ที่จะจัดการในด้านสมรรถนะให้ร้อนแรง ดุเดือด แต่ยังคงต้อง “ขับได้อย่างสมบูรณ์แบบ” ซึ่ง “Mr. Hiroshi Tamura” ซึ่งเป็น NISSAN Chief Product Specialist for the GT-R ซึ่งเคยมาประเทศไทย สัมผัสกับแฟนๆ NISSAN/NISMO อยู่บ่อยครั้ง ตัวเขาเองก็นิยมชมชอบในรถตระกูล GT-R อย่างมาก ซึ่งเขามี R32 GT-R แรงถึง 600 PS เป็นรถคันโปรดในครอบครอง “ทามูระซัง” ได้กล่าวไว้สั้นๆ แต่มีพลังแฝงไว้ลึกๆ ว่า “จุดมุ่งหมายไม่ใช่แค่ทำรถเพื่อล่าแรงม้า แต่สำคัญเรื่องของการจัดการด้านความสมดุลย์ในการขับขี่” หรือ Total Balance Management ที่ NISMO ยึดถือเป็นหลักปฏิบัติมาอย่างสม่ำเสมอ…
ในส่วนของภายนอก จะใช้ “คาร์บอนไฟเบอร์” เป็นเมนหลัก เริ่มกันจาก “ฝากระโปรงหน้า” มาพร้อมช่องดักลม NACA Duct สไตล์เครื่องบินรบ อันเป็นเอกลักษณ์ของ GT-R มาตั้งแต่ R34 V-SPEC II จนมาถึง R35 สำหรับดักลมลงไปเป่าด้านหลังของ “เทอร์โบ” เพื่อลดความร้อน ต่อมา “แก้มหน้า” หรือ Front Fender มาพร้อมช่องระบายลมแบบ Scallop จุดนี้มีประโยชน์ 2 ประการ เรื่องแรก เพื่อระบายความร้อนออกจากซุ้มล้อ เวลา “เบรกหนัก” รวมไปถึงการลด “Lift Force” ที่เกิดจากลมเข้าไปวนในซุ้มล้อ ทำให้เกิด “แรงยก” จากการ “ช้อน” ของลม เมื่อลมถูกระบายออกไป จะไม่เกิดลมช้อน ทำให้เพิ่ม “แรงกด” หรือ Down Force ขึ้นได้อีก นับว่ามีประโยชน์มหาศาลที่มาพร้อมความสวยงามดุดัน…
สิ่งที่รู้กันว่าเจ้า R35 นั้นเป็น ก๊อตซิลล่า ที่มีร่างกายใหญ่โต ล่ำสัน จึงปฏิเสธไม่ได้ถึงเรื่อง “น้ำหนัก” แน่นอนว่า การเป็น Track Edition นั้น ต้อง “ไดเอท” กันหน่อย นอกจาก NISMO ใช้วัสดุ “คาร์บอนไฟเบอร์” ในชิ้นส่วนตัวถังที่สำคัญๆ แล้ว ก็ยังมี “ล้อ” ที่ให้ทาง RAY’S ผลิตให้น้ำหนักเบากว่าเดิม ซึ่งสิ่งที่เปลี่ยนแปลงทั้งหมดจาก NISMO นี้ ทำให้น้ำหนักรถโดยรวมลดไปถึง “44 ปอนด์” หรือราวๆ “20 กก.” เลยทีเดียว…
สำหรับ Footwork หรือ “ช่วงล่าง” ก็ปรับปรุงใหม่แน่นอน แต่จะเป็นค่าอะไรเท่าไรนั้น “ไม่รู้” นะจ๊ะ บอกเลยไม่สนใจ ขอให้ปรับแล้ว “ได้ผล” เป็นพอ ส่วนยางเปลี่ยนใหม่เป็นของ DUNLOP ซึ่งปรับปรุงพิเศษ ลดความกว้างของร่องยางลง ทำให้หน้าสัมผัสมากขึ้นกว่าเดิมถึง 11% ซึ่งการปรับปรุงทั้งหลายนี้ รวมถึงเรื่องของ Aerodynamic จะส่งผลให้การตอบสนองของพวงมาลัยคมขึ้น การยึดเกาะสูงขึ้น ลดอาการโคลงของตัวรถ ยิ่งส่งผลชัดเจนเวลาลอยลำอยู่บน Autobahn ในความเร็วระดับ 300 km/h แบบยิงยาว…
ในด้านพลัง NISMO อัพเกรดความแรงให้ไปถึงระดับ 600 PS เท่ากับตัวแข่ง GT3 กันเลยทีเดียว โดยเฉพาะเทอร์โบที่เป็นสเป็กเดียวกับ GT3 โดยไม่ได้เน้นแรงม้ามากสุด แต่เน้นการตอบสนองที่ “ยิงยาว” ตั้งแต่รอบต่ำจนถึงรอบสูงสุด เพื่อเพิ่มการตอบสนองอย่างต่อเนื่องทุกย่านความเร็ว พูดง่ายๆ ว่า เจ้า GT-R Track Edition นั้น มันก็อารมณ์คล้ายเอารถแข่ง NISMO GT3 มาติดแอร์วิ่งถนนได้นั่นแหละ…