เรื่อง พงศ์พล จันทรัคคะ, อินทรภูมิ์ แสงดี / ภาพ ทวีวัฒน์ วิลารูป
HONDA S2000 ASM I.S. DESIGN BODY PART
F20C + GARRETT GTX3582R TURBO
446 hp BY SY UNIQUE PERFORMANCE
ย้อนกลับไปในปี 1999 เดือนเมษายน ฮอนด้าได้ผลิตรถสปอร์ตขึ้นมารุ่นนึง เพื่อเฉลิมฉลอง 50 ปี เป็นรถที่มีเครื่องยนต์ 4 สูบ วางหน้า ค่อนมากลาง ขับเคลื่อนล้อหลัง หรือ FRONT-MID ENGINE และทำไมต้อง FRONT-MID ENGINE …รูปแบบการวางเครื่องยนต์ของ S2000 มันคือ FRONT-MID ENGINE ไอ้กระผม “พี สี่ภาค” ก็จะขอ “เหลา” ให้ฟังนิดหน่อยละกัน สำหรับตำแหน่งของเครื่องยนต์รถ S2000 ถ้าคุณสังเกตดี ๆ ตัวเครื่องจะวางล้ำถอยไปกลางลำ ส่วนหน้าเครื่องอยู่หลังแนวแกนขวางของล้อหน้า (FRONT WHEEL AXIS) ถ้าดูรูปก็คงจะเห็นภาพ (ก็แน่นอนนี่หว่า) ข้อดีแน่ ๆ ก็คือ “น้ำหนักจะตกที่กลางรถมากกว่าเครื่องด้านหน้าแบบวางปกติ” ทำให้จุดศูนย์ถ่วง (CG.) มาอยู่กลางรถ การกระจายน้ำหนัก (WEIGHT DISTRIBUTOR) จะออกมาสมดุลในระดับ 50/50 ในด้านหน้าและหลัง ตัวรถจึงมีอาการ “เป็นกลาง” (NEUTRAL) ควบคุมง่าย เลี้ยวได้รวดเร็ว จึงเป็นที่นิยมมากในหมู่รถสปอร์ตแบบ 2 ที่นั่ง ที่เน้นการขับขี่แบบสนุก…
จริง ๆ เรื่องพวกนี้ก็เป็นที่รู้กันอยู่ในวงกว้าง แต่ถ้าจะพูดกันในด้านเทคนิค รถ 1 คัน มีล้อ 4 ล้อ มีส่วนยื่นไปหน้ารถและท้ายรถ หรือ OVER HANG ซึ่งเป็นส่วนยื่นเกินแนวล้อออกมา โดยปกติเครื่องยนต์วางหน้าทั่วไป หน้าเครื่องจะอยู่เลยแนวแกนขวางของล้อหน้าไป น้ำหนักจะตกลงไปที่ OVER HANG หน้า ขอให้คิดถึง “จุดแรงเหวี่ยง” ที่อยู่ปลายสุด การเหวี่ยงจะรุนแรงขึ้น ยิ่งไกลจากจุดรับแรงเท่าไหร่ ยิ่งมีผลรุนแรงมากขึ้นเท่านั้น แม้มวลน้ำหนักจะเท่าเดิมก็ตาม แต่ถ้าเราจับน้ำหนักนั้นมาอยู่ตรง “กระจุกกลาง” ซะ จุดเหวี่ยงมันก็น้อยลงมาก อย่างการวางเครื่องแบบ FRONT-MID ENGINE น้ำหนักเครื่องจะตกอยู่หลังแนวแกนขวางของล้อหน้า ภาระที่เกิดกับช่วงล่างในขณะเลี้ยวก็น้อย แรงเหวี่ยงก็น้อย น้ำหนักอยู่กลางเกือบหมด มันเหมือนโดน “คุมอยู่ในกรอบ” ส่วนด้านท้าย ก็เป็นแบบ “ตูดสั้น” น้ำหนักที่ OVER HANG ด้านหลังก็จะมีน้อยตามไปด้วย ถ้าถามต่อว่า ท้ายเบาแล้วจะไม่ OVERSTEER หรือไง ก็อย่าลืมว่า ที่นั่งของคนจะอยู่ค่อนไปท้ายรถแล้ว (ตามสไตล์ ROADSTER นั่งสองคน ไม่มีที่นั่งหลังใด ๆ ทั้งสิ้น) เมื่อมีคนนั่ง น้ำหนักก็กดท้ายไว้นั่นเอง (คงไม่นิยมรถวิ่งได้เองใช่มั้ย) นี่เป็นเหตุผลที่ว่า ทำไมต้องสร้างรถแบบ FRONT-MID ENGINE ขึ้นมา…โดย HONDA S2000 (AP1) ผลิตในช่วงปี 1999 จนถึงปี 2003 หลังจากนั้นก็มีรุ่นไมเนอร์เชนจ์ออกตามมา รหัสตัวถัง AP2 ในปี 2004 จนถึงปี 2009
MUGEN + SPOON
มาพร้อมชุดแต่งที่สวยงามจากค่าย ASM I.S. DESIGN รอบคัน โดยกันชนหน้า พร้อมสเกิร์ตหน้า CARBON รุ่น 07 ฝากระโปรงหน้าลดน้ำหนัก DRY CARBON จากนั้นขยายโป่งหน้า รุ่น 04 แบบช่องระบายลมขนาด 25 มม. พร้อมช่องระบายความร้อน ส่วนสเกิร์ตข้าง เป็น CARBON รุ่น 07 พร้อมโป่งหลังขยายไซส์อีก 25 มม.เช่นกัน ด้านท้ายเปลี่ยนกันชนเป็นรุ่น 08 WIDE พร้อม CARBON REAR DIFFUSER จากค่าย SPOON ส่วนหลังคาแข็งเปลี่ยนแบบ CARBON จาก MUGEN และเปลี่ยนไฟคู่หน้าที่ออกแบบใหม่ และไฟท้ายเป็นแบบ LED เวอร์ชั่นไมเนอร์เชนจ์ AP2
จุดเด่นของภายใน นอกจากห้องโดยสารที่ถูกออกแบบสปอร์ต 2 ที่นั่งแล้ว คอนโซลหน้ามีเอกลักษณ์เฉพาะด้วยมาตรวัดเรือนไมล์แบบดิจิตอลทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นวัดรอบ, วัดความเร็ว, เกจ์วัดความร้อน, เกจ์วัดปริมาณน้ำมันในถัง นอกจากนั้นตัวเบาะนั่งแบบสปอร์ตได้ถูกเปลี่ยนใหม่แบบ FULL BUCKET SEAT จาก RECARO รุ่น RS-G ASM LIMITED สั่งทำพิเศษสำหรับสำนักนี้โดยเฉพาะ พร้อมพวงมาลัยสามก้านจาก PERSONAL คอพวงมาลัยแบบถอดได้จาก WORKS BELL จากนั้นได้เพิ่มความแข็งแรงและปลอดภัย เมื่อรถมีความเร็วและแรงมากขึ้นด้วย ROLL BAR จาก CUSCO แบบ 6 จุด และตัวปรับบูสต์ไฟฟ้าจาก GReddy PROFEC B SPEC II ส่วนช่องใส่เกจ์วัด 3 ช่องด้านบนคอนโซลหน้า ออกแบบเองโดย SY UNIQUE PERFORMANCE สำหรับ DEFI 3 ตัว และ HEAD UNIT เป็นของ ALPINE
กล่องจูน 446.8 แรงม้า
ทีเด็ดอยู่ที่ใต้ฝากระโปรงนี่ละ… แค่จ่าหัวก็รู้แล้วว่า ไม่ธรรมดาแน่นอน สำหรับเครื่องยนต์ที่ถูกปั่นให้มีแรงม้ามากขึ้นนั้น เครื่องรุ่นนี้มีทางออกได้มากมาย ทั้งการยัดซูเปอร์ชาร์จ หรือจะเอาแรงกว่าด้วยเทอร์โบ สำหรับ เครื่องยนต์ F20C ในบอดี้นี้ พื้นฐานเป็นเครื่องยนต์ 4 สูบ แถวเรียง 16 วาล์ว DOHC VTEC มีกำลัง 250 แรงม้า ที่ 8,300 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุดอยู่ที่ 22.2 กก.-ม. ที่ 7,500 รอบนาที พร้อมเกียร์ธรรมดา 6 สปีด อัตราทดเฟืองท้าย 4.1 เมื่อทราบข้อมูลพื้นฐานของเครื่องยนต์แบบ NA หายใจด้วยตัวเองแล้ว ขั้นตอนต่อมาเป็นการอัพความแรงกันต่อ…โดยเริ่มจากฝาสูบกันก่อน เปลี่ยนรีเทนเนอร์ วาล์ว และสปริงวาล์วเป็นของ SUPERTECH พร้อมปะเก็นลดกำลังอัดขนาด 3 มม. จาก COMETIC ท่อนล่างถูกเปลี่ยนและทำให้แข็งแรงขึ้น ด้วยการเปลี่ยนปลอกสูบมาใช้ของ DARTON SLEEVES พร้อมลูกสูบเป็นแบบ FORGED จาก CP ก้านสูบ CARILLO และแบริ่งชาฟท์ทั้งหมดจาก ACL ขั้นตอนต่อไปคือเรื่องของระบบอัดอากาศ ที่เรียกว่าเทอร์โบ ได้ใช้ของ GARRETT รุ่น GTX3582R แกนเทอร์โบเป็นแบบ DUAL BALL BEARING ตามสเป็กสามารถทำแรงได้ 450-750 แรงม้า ติดตั้งอยู่บนเฮดเดอร์สเตนเลส พร้อมเวสต์เกตจาก TIAL ขนาด 60 มม. และท่อทางเดินจนถึงหม้อพักใบสุดท้ายจาก J’s RACING รุ่น FX-PRO 70RR TITANIUM
- กราฟแรงม้า ดูจากกราฟ S2000 คันนี้ ได้แรงม้าสูงสุดถึง 446.80 PS แรงบิดสูงสุด 41.53 kg/m จัดว่าเป็นตัวเลขที่เยอะใช้ได้ สำหรับ S2000 ที่โมดิฟายด้วยทางลัดอย่าง “เทอร์โบ” กลายเป็น VTEC + Turbo อีกคัน สำหรับกราฟ ก็จะมาช่วงปลาย ตามสไตล์นิสัยเครื่องยนต์ที่ใครก็รู้ว่า “เน้นรอบสูงเป็นหลัก” เดิม ๆ รอบต่ำก็ไม่ค่อยจะมีแรงเท่าไหร่ ดูช่วงก่อน 4,000 รอบ แรงม้าแค่ร้อยนิด ๆ เอง แต่พอช่วง 4,500 รอบ ขึ้นไป พอเทอร์โบเริ่มบูสต์ และ VTEC เริ่มทำงาน กำลังก็เริ่มมา แรงม้าทะยานขึ้นเรื่อย ส่วนแรงบิดขึ้นแบบพรวดพราดนิดนึง ตามสไตล์เครื่องเทอร์โบ กราฟจะนอนยาวช่วง 5,500-8,000 รอบ ก็จะมีให้ใช้กันช่วงนี้ ก็เป็นเรื่องสำคัญ ที่ S2000 ต้องเอาแรงบิดมาช่วยในอัตราเร่งตอนกลาง เพราะเท่าที่เคยลอง เครื่องเดิม ๆ ถ้าต่ำกว่า 6,000 รอบ ดูเหมือนจะไปไม่ค่อยเป็น…
จากนั้นแก้ไขระบบไอดีใหม่ โดยได้เพิ่มอินเตอร์คูเลอร์ความหนา 4 นิ้ว เพื่อระบายความร้อนให้กับไอดี ก่อนเข้าสู่ห้องเผาไหม้ พร้อมโบล์ว ออฟ วาล์ว จาก GReddy TYPE RZ และเปลี่ยนลิ้นปีกผีเสื้อเป็นของ SKUNK 2 ขนาด 70 มม. ต่อมายังระบบน้ำมันเชื้อเพลิงและระบบจุดระเบิดที่ทำงานควบคู่กัน โดยเปลี่ยนหัวฉีดให้มีขนาดที่ใหญ่ขึ้น 1,000 ซี.ซี. จาก INJECTOR DYNAMICS พร้อมรางหัวฉีดและตัวปรับแรงดันน้ำมันเชื้อเพลิง AEM และปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิงจาก SARD ระบบจุดระเบิดมีตัวเพิ่มกำลังไฟจาก HKS TWIN POWER กับหัวเทียน NGK เบอร์ 9 ทั้งหมดถูกควบคุมด้วยกล่องจาก HKS F-CON V PRO 3.3 VERSION โดย MR.GIANT ส่วนอุปกรณ์โมดิฟายอีกเล็กน้อย ที่เพิ่มเติมเข้ามาให้ ก็มีหม้อน้ำอะลูมิเนียมจาก MISHIMOTO ออยล์คูลเลอร์คิตจาก TRUST ผลงานการโมดิฟายทั้งหมดเป็นของอู่ SY UNIQUE PERFORMANCE ระบบส่งกำลัง ยังเป็นเกียร์เดิมแบบ 6 สปีด พร้อมชุดคลัตช์แบบ TWIN CARBON จาก EXEDY ส่วนเพลากลางกำลังได้รับการอัพเกรดใหม่ เนื่องจากไม่สามารถทนต่อแรงบิดที่เพิ่มมากขึ้นได้ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งจุดที่ S2000 ต้องแก้ไข…
เบรก AP RACING ล้อ ADVAN RZ 18 นิ้ว
ช่วงล่างยังคงอยู่ในพื้นฐานของรถสปอร์ต ใช้งานแต่เน้นการคมมากขึ้น โดยตัวโช้คอัพเปลี่ยนเป็นแบบสตรัทปรับเกลียวของ ARAGOSTA รุ่น TYPE S พร้อมสปริง SWIFT ต่อมาอัพเกรดระบบเบรกให้ดีขึ้น มั่นใจขึ้นด้วย จาก AP RACING แบบ 6 pot จานดิสก์เบรกขนาด 362 มม. พร้อมด้วยล้อสวยสี DARK GUN METALLIC จาก ADVAN RACING รุ่น RZ ขนาด 18 x 8.5 นิ้วและ 18 x 9.5 นิ้ว ยางคู่หน้า YOKOHAMA S.DRIVE ขนาด 235/40ZR18 และ 355/40R18
ขอขอบคุณเจ้าของรถ คุณเจ และพี่โอ๊ค SY UNIQUE PERFORMANCE ในการประสานงาน เพื่อน ๆ ท่านใด จะทำรถในสไตล์นี้ หรือสไตล์ไหนก็ตาม สามารถสอบถามข้อมูลได้ที่ SY UNIQUE PERFORMANCE โทร. 0-2320-2429
HONDA S2000 (AP2) ที่ออกตามมาในปี 2004 มีการปรับปรุงแก้ไขหลายจุด อาทิ ล้อมีขนาด 17 นิ้ว ช่วงล่าง รวมถึงโช้คอัพปรับเซ็ตใหม่ ภายนอกสวยงามขึ้น ออกแบบกันชนหน้า-หลังใหม่ ไฟหน้าใหม่ ไฟท้ายแบบ LED หม้อพักไอเสียทรงใหม่รูปไข่ เครื่องยนต์ใหญ่ขึ้น รหัสใหม่ F22C ขนาด 2,156 ซี.ซี. 242 แรงม้า
- ฝากระโปรงหน้า DRY CARBON พร้อมกันชนหน้า สเกิร์ตหน้า CARBON จาก ASM I.S. DESIGN และเปลี่ยนไฟคู่หน้ามาใช้ของรุ่น AP2
- กันชนท้าย ASM I.S. DESIGN รุ่น 08 WIDE พร้อม CARBON REAR DIFFUSER จาก SPOON และไฟท้าย AP2
- ภายใน เปลี่ยนพวงมาลัยมาใช้ของ PERSONAL และออกแบบช่องใส่เกจ์วัดบนคอนโซลหน้าใหม่จาก SY UNIQUE PERFORMANCE
- เบาะ FULL BUCKET SEAT จาก RECARO รุ่น RS-G ASM LIMITED พร้อมโรลบาร์แบบ 6 จุด จาก CUSCO
- F20C เปลี่ยนใส่ใน รองรับกับเทอร์โบขนาดใหญ่จาก GARRETT รุ่น GTX3582R คุมด้วย HKS F-CON V PRO 3.3 VERSION
- โป่งล้อหน้าขยายอีก 25 มม. จาก ASM I.S. DESIGN รุ่น 04 มีแถบ CARBON ตกแต่งตรงช่องระบายลมออก พร้อมอัพเกรดเบรกคู่หน้ามาใช้ของ AP RACING แบบ 6 pot ล้อ ADVAN RACING รุ่น RZ ขนาด 18 นิ้ว