ISUZU “Hot Hit” Engine Analyzed

 

เรื่อง : อินทรภูมิ์ แสงดี
ภาพ : ธัญญนนท์ แสงภู่ (TakeSnap)
หลังจากที่กระแสการโมดิฟายกระบะ ISUZU D-MAX ได้ “กระหึ่มเมือง” พูดง่ายๆ “มีทุกสเต็ป” และมีการแข่งขันกันอย่างต่อเนื่องทั่วประเทศ ปัจจุบัน ISUZU ถูกพัฒนาไปถึงขั้น Spaceframe วิ่ง “7.9XX วินาที” กันแล้ว ไปกันไกลมาก ด้วยขุมพลังยอดฮิตอย่าง “4J Series” ที่ “ยึดหัวหาด” อย่างต่อเนื่อง ซึ่งในเล่มที่แล้ว เราก็ได้นำเสนอการโมดิฟายเครื่องยนต์ RZ4E-TC 1.9 BLUE POWER รุ่นใหม่ล่าสุดกันไปแล้ว (ซึ่งจะยังไม่สุดที่สเต็ปนี้แน่นอน ไว้มีอะไรมันส์ๆ แล้วเราจะนำเสนอครับ) สำหรับ “งวดนี้” ผมว่าเราลองมาดูอะไรแหล่มๆ กันหน่อยดีไหม ว่าเครื่อง ISUZU บล็อกยอดฮิต 4J Series มันมีบล็อกอะไร ปีไหน มี “เล่นลีลา” อะไรกันบ้าง เรียกว่า “ดูลึกลึก” กันให้ “ชัดเจน” ทั้ง “จุดสังเกต” ต่างๆ ที่เป็นแบบ “เฉพาะทาง” มันไม่ใช่ความลับอีกต่อไป แต่มันคือ “ความจริง” แถมอีกหน่อย นอกจากจะมีเรื่องเครื่องยนต์แล้ว ยังมีเรื่องของ “เกียร์” และ “เฟืองท้าย” ว่าตัวไหนคืออะไร เพื่อเป็นความรู้สำหรับผู้ที่ “เล่น” หรือต้องการจะ “ดูเป็น” ไว้เป็นแนวทางในการตัดสินใจที่แน่นอนมากขึ้นครับ…

Start Engine
สำหรับเครื่องยนต์ 4J Series ก็จะมาพื้นฐานเดียวกัน แต่จะมีแบ่งออกไปอีก ว่าเป็น 4JK1-TCX จะ “ขึ้นชก” พิกัด 2.5 ลิตร ส่วน 4JJ1-TCX จะเป็นพิกัดใหญ่กว่า คือ 3.0 ลิตร (รหัส X ต่อท้าย จะหมายถึงเทอร์โบแปรผัน หรือ VGS ก่อนหน้านั้นลืมบอกไป โทษทีๆ) ซึ่งการโมดิฟายส่วนใหญ่แล้ว D-MAX ตัวปกติที่ศัพท์เขาว่า “ตัวเตี้ย” ก็จะมีเครื่อง 2.5 ลิตร เป็นหลัก ก็เลยเอามา “เปลี่ยนข้อ” เป็น 3.0 ลิตร ซึ่งเครื่อง 2 รุ่นนี้ “กระบอกสูบโตเท่ากัน” คือ 95.4 มม. แต่จะผิดกันที่ “ข้อเหวี่ยง” ตัว 4JK1 จะใช้ช่วงชัก “87.4 มม.” ส่วน 4JJ จะชักยาวถึง “104.9 มม.” ซึ่งสามารถเอาข้อเหวี่ยงตัวนี้ใส่กับเครื่อง 4JK1 ได้เลย สาเหตุที่ต้อง “สะเวิ้บ” กันแบบนี้ ก็เนื่องจากว่า…
D-MAX ตัวเตี้ย (เรียกงี้นะ เข้าใจง่ายดี) ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นรุ่น 2.5 ครับ จริงๆ ตัวเตี้ยเครื่อง 3.0 ก็มีออกมาช่วงปี 2007-2010 แต่ “หายาก” เพราะรถมีน้อยมาก ราคาออฟ เอ๊ย ออกตัว ก็จะแพงกว่ารุ่น 2.5 อยู่ประมาณ “8 หมื่น” เพราะรุ่น 3.0 “ใส่ของเต็ม” ราคาเลยโดดไปเยอะ (ตัวผมเองเคยเห็นไอ้รุ่นนี้อยู่ไม่กี่คัน) ก็เลยซื้อ 2.5 มาโมดิฟาย เปลี่ยนข้อเหวี่ยงใหม่ ไหนๆ จะโมดิฟายแล้ว ก็ “จัดไป” ตามนี้… ราคาข้อเหวี่ยง ถ้าเป็นของ “โฉมก่อน” (ไฟเพชร) จะอยู่ประมาณ 18,000 บาท ส่วน “โฉมออลนิว” กลับ “ถูกกว่า” อยู่ที่ 16,000 บาท นะจ๊ะ

ตัวเก่า ตัวใหม่ แฉให้ยับ  
สำหรับเครื่อง 4J Series ที่เป็น “คอมมอนเรล” นั้น ตัวต้นแบบ คือ 4JK1-TC ทั้งคู่ แต่มี 2 เวอร์ชั่น โดยพื้นฐานเครื่องเหมือนกัน แต่รายละเอียดปลีกย่อยก็จะต่างกันไปในรถแต่ละรุ่น ไม่ว่าจะเป็นตัวก่อน “ไฟเพชร” หรือตัว “ออลนิว” ใน 1 รุ่น ก็จะแยกย่อยไปอีกเป็น “ช่วงปีการผลิต” รายละเอียดต่างๆ ก็จะไม่เหมือนกัน รวมถึงการดู “สภาพเครื่องยนต์” ว่ามี “มั่วดริ๊งค์” มามั่งไหมวะ เรียกว่า เป็นการดู “รอบด้าน” อย่างละเอียดที่สุด จะมีประโยชน์เวลาไปดูเครื่อง ซื้อเครื่อง จริงๆ เวลาจะโมดิฟายก็จะให้อู่เป็นคนจัดการ แต่อย่างน้อยเรา “คนออกตังค์” รู้ไว้บ้างจะเป็นไรไป มี “กระดูก” ไว้ขัดคอบ้าง จะได้ไม่ “ลื่นคอ” เกินเหตุ เข้าใจนะ…
สำหรับการดูรายละเอียดเครื่องยนต์ มานี่เลย จะเหลาให้ฟัง ว่าแต่ละตัวจะดูกันตรงไหนบ้าง เบิ่งตามรูปได้เลย อ้อ ตัวฝาสีแดง คือ ตัวก่อน ส่วนตัวฝาสีเงิน คือ ตัวใหม่ ส่วนหลักการดูโดยรวม ก็ขอให้พิจารณา “Code” ของปีที่ผลิต ตัวเครื่อง ตัวฝาสูบ อุปกรณ์ต่างๆ ควรจะ “อยู่ในปีเดียวกัน” หรือ “ใกล้เคียงกันที่สุด” ถ้าแต่ละอย่างมันผิดกันมากเกินไปแบบคนละยุค อาจจะโดน “ยำ” มาแล้วนะจ๊ะ…

Tips
< เพิ่มเติมอีกหน่อย สำหรับราคาค่า “เครื่องยนต์เปล่า” เอาเป็น “ราคาเฉลี่ย” ไปแล้วกัน เครื่อง 4JK ปี 2005-2007 “55,000-60,000 บาท” ถ้าปี 2008-2011 “65,000 บาท” ถ้าเป็นเครื่อง 4JJ ปี 2005-2007 “70,000 บาท” ถ้าปี 2008-2011 “85,000 บาท” จ้า…
< ถ้าต้องการ “ชุดสายไฟ + กล่อง + ลิ้นเร่ง + ขาคันเร่ง + EGR Valve” อยู่ประมาณ “15,000 บาท” ถ้าเป็นชุดของ VGS ก็บวกเพิ่มจากตะกี้ไปอีก 10,000 บาท…
< สำหรับ “ระบบปฏิบัติการเครื่องยนต์” (Engine Management) จะแบ่งเป็นส่วนหลักๆ ดังนี้ แบบแรก “สายไฟตัวเก่า” กล่องเป็นของ “DELPHI” แบบ “ปลั๊กเสียบด้านหน้า” เป็นการสั่งจุดระเบิด (Firing Order) แบบ “ฉีดนำร่อง” (Pilot Jet) ถึง “3 ครั้ง” แบบที่สอง “สายไฟตัวใหม่” กล่องเป็นของ TRANSTRON แบบ “ปลั๊กเสียบด้านข้าง” สั่งฉีดนำร่อง “2 ครั้ง” สำหรับการบอก “ปีที่ผลิต” จะมีป้ายพันอยู่ที่ “พลาสติกหุ้มสาย” จะบอกอยู่ว่าเป็นปีไหน…
< สำหรับ “แนวการเล่น” ถ้าเป็นรถเครื่อง 4JJ ส่วนใหญ่แล้วจะนิยมเปลี่ยนมาใช้ กล่อง + ชุดสายไฟ ของ 4JK เพราะพื้นฐานกล่องรุ่นนี้ “เปิดรอบได้เยอะกว่า” เพราะเครื่อง 4JK ความจุน้อย จึงต้องใช้รอบเครื่องเยอะกว่านั่นเอง…
< พูดถึง “น้ำหนัก” หากนำข้อเหวี่ยงของ 4JJ มาใส่ จะหนักกว่าของ 4JK อยู่กว่า 10 กก. ส่วนเกียร์ VGS ก็หนักกว่าเกียร์รุ่นปกติอยู่อีก “หลายสิบ” เพราะฉะนั้น “น้ำหนักลงล้อจะเปลี่ยนไป” ดังนั้น ถ้ามีการเปลี่ยนชิ้นส่วนที่มีน้ำหนักต่างไปจากเดิมลักษณะนี้ ถ้าเป็นรถแข่ง ต้อง “Balance น้ำหนักใหม่” ด้วยนะครับ…
< สำหรับแหล่งที่มาของเครื่องเหล่านี้ มาจากหลายที่ครับ ถ้าเป็น “เก่าจากนอก” (ประเทศ) ก็จะมีเครื่องรถ “บรรทุก” พวก 4 ล้อใหญ่ หรือ 6 ล้อเล็ก พวกนี้ “ข้อเหวี่ยงจะใหญ่และหนัก” เพราะเป็นเครื่องที่ต้องการแรงบิดมาก ความทนทานสูง ไม่เน้น “ความเร็ว” หรือไม่อีกแหล่งที่มาก็คือ “เก่ารถไทย” ก็จะมีรถที่ “เกิดอุบัติเหตุ” แล้วขายซากมา เครื่องยังดีก็แกะมาขาย บางทีอาจจะ “ดวงมา” ไปเจอเครื่องที่ถอดจากรถใหม่ และเกิดอุบัติเหตุจนต้องขายซากทิ้ง แต่เช็กให้ดีๆ นะครับ การซื้อเครื่องต้องมี “เอกสาร” ที่ครบถ้วน แนะนำว่า “ทำให้ถูกต้อง” จะสบายใจกันทุกฝ่ายครับ…

บทสรุป
น่าจะได้รายละเอียดกันไปมากพอสมควรแล้ว กับความรู้เกี่ยวกับเครื่องยนต์ ISUZU บล็อก 4JK และ 4JJ ที่กำลังฮอตฮิตในบ้านเราตลอดชาติ ซึ่งความรู้ตรงนี้ มันเป็น “พื้นฐานหลัก” หากจะซื้อเครื่องยนต์สักตัว หลักการนี้สามารถ “ใช้ได้กับทุกเครื่อง” เพราะมันคือหลักสากลในการเลือกซื้อ ของสภาพดี อุปกรณ์มาครบ (ตามที่ต้องการ) และองค์ประกอบต่างๆ “ตรงกัน” เช่น ตรงรุ่น ตรงปี ตรงเวอร์ชัน จริงอยู่ที่หลายคนจะคิดว่า “การเลือกซื้อเครื่องเป็นหน้าที่ของอู่หรือช่าง” แต่ “ในเมื่อคุณเป็นคนจ่ายเงิน” ก็ควรจะ “รู้ไว้ใช่ว่า” ต้องเป็นงานไว้บ้าง ก็จะได้ของดีสมราคามาครอบครองครับ…

Special Thanks
Diesel Performance : Tel. 08-4772-2432, Facebook : Nu Diesel