เรื่อง : นิตยสารกรังด์ปรีซ์ / ภาพ พิสิษฐ์ ธนะสารเจริญ
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th
จากคำถามที่หลั่งไหลเข้ามาถึงความน่าสนใจของสองคู่ปรับแห่งตลาดรถยนต์ในบ้านเราในกลุ่มซีเซ็กเมนต์ ระหว่างผู้นำตลาดอย่าง ฮอนด้า ซีวิค ที่เพิ่งส่งน้องใหม่ล่าสุดของตระกูลในเวอร์ชัน 5 ประตู หรือแฮตช์แบ็ก เข้าสู่ตลาดรถยนต์ในบ้านเรา ด้วยจุดยืนของรุ่นที่มีเพียงหนึ่งเดียวในรุ่นท็อปสุดที่ประกบคู่กับเครื่องยนต์บล็อกใหม่ล่าสุดที่เพิ่งได้รับการเปิดตัวไปเมื่อครั้งแนะนำ ซีวิค ใหม่ ในบ้านเรา กับขุมพลังวีเทค เทอร์โบ ขนาด 1.5 ลิตร ที่สามารถมาแทนที่รุ่นท็อปอย่าง 2.0 ลิตรในอดีตได้อย่างลงตัว กับอีกหนึ่งผู้ท้าชิงรายใหม่ที่นับได้ว่าเป็นผู้ท้าชิงที่กำลังมาแรงในขณะนี้ มาพร้อมดีกรีความเป็นผู้นำในกลุ่มรถแบบ 5 ประตู หรือแฮตช์แบ็ก มาแล้วถึง 3 เจเนอเรชัน นั่นก็คือ มาสด้า3 แฮตช์แบ็กใหม่ ที่เพิ่งได้รับการไมเนอร์เชนจ์มาแบบสดๆ ร้อนๆ มาพร้อมกับออปชันในเรื่องของความปลอดภัยอย่างครบครัน ด้วยขุมพลังแบบ NA มีความจุที่มากกว่าในขนาด 2.0 ลิตร
รูปลักษณ์หน้าตาภายนอกของทั้งสองค่ายล้วนแต่มีความโฉบเฉี่ยวและความโดดเด่นที่ไม่แพ้กัน เพียงแต่ว่าคันไหนจะถูกใจผู้ใช้นั้น เป็นเรื่องของความชอบแต่ละคน เพราะเรื่องนี้ต่างคนต่างความชอบกันไป คงไม่สามารถนำมาวัดกันได้ แต่ถ้ามาเปรียบกันในเรื่องของออปชันหรืออุปกรณ์ต่างๆ ที่ให้มา น่าจะเป็นรูปธรรมที่ชัดเจนกว่า งั้นเรามาเริ่มกันตั้งแต่ด้านหน้าเป็นจุดแรก ทั้งซีวิคและมาสด้า3 นั้น ล้วนแล้วแต่ใช้ไฟหน้าแบบ LED ด้วยกันทั้งคู่ จะต่างกันก็ตรงประเภทของโคมไฟ ที่ซีวิคนั้น จะใช้โคมไฟแบบมัลติรีเฟล็กเตอร์ทำหน้าที่สะท้อนแสงจากหลอด LED หลายๆ ดวง ส่องสว่างไปทางด้านหน้า มาพร้อมไฟเดย์ไลต์และไฟเลี้ยวซ่อนเอาไว้ในโคมเดียวกัน ขณะที่มาสด้า นั้น ใช้โคมไฟแบบโปรเจ็กเตอร์ทำหน้าที่ในการรวมแสง ก่อนที่จะส่องมาทางด้านหน้า ให้แสงสว่างในการใช้งานได้ดีไม่แพ้กัน มาพร้อมไฟเดย์ไลต์ใหม่ที่ออกแบบให้เป็นทั้งแนวเส้นผสมกับกรอบวงแหวนรอบๆ ตัวเลนส์ไฟหน้า แต่แยกชุดไฟเลี้ยวลงมาไว้ที่ด้านล่าง บริเวณมุมกันชนหน้า เคียงคู่ไฟสปอตไลต์แบบ LED เช่นกัน ถัดมาทางด้านข้างนั้นจะมีความแตกต่างกันในเรื่องของขนาดล้อที่ฮอนด้าให้ล้อแม็กมาเพียงแค่ไซส์ 17 นิ้ว ในขณะที่มาสด้า3 ใหม่ นั้นให้ล้อแม็กที่ใหญ่กว่า ขนาด 18 นิ้ว มาจากโรงงาน สามารถเรียกความสปอร์ตได้มากกว่าตรงจุดนี้
ไล่มาจนถึงด้านหลัง ถ้าดูในเรื่องของดีไซน์นั้น ซีวิคแฮตช์แบ็กดูจะอลังการกว่า จากการออกแบบให้มีเส้นแนวของสปอยเลอร์ท้ายแบบ 2 ชั้น พร้อมซ่อนตัวเบรกดวงที่สามเอาไว้ที่กึ่งกลางของสปอยเลอร์ชิ้นล่าง และมาพร้อมกับชุดปัดน้ำฝนหลัง หมดห่วงเรื่องการใช้งานในหน้าฝน ให้ทัศนวิสัยที่ดีขึ้น ส่วนมาสด้า3 แฮตช์แบ็กนั้น สามารถเรียกความโฉบเฉี่ยวในยามค่ำคืนได้มากกว่า จากการดีไซน์ไฟท้ายที่หันมาใช้เส้นนำแสงและไฟเบรกแบบ LED ผสมกับชุดไฟเลี้ยวและไฟถอยหลังที่ยังคงเป็นหลอดไส้แบบเดิมๆ (อันที่จริงถ้าให้หลอดมาเป็น LED ทั้งหมด น่าจะได้ใจไปอีกเยอะ)
มาถึงภายในห้องโดยสารกันบ้าง ถ้าพูดถึงขนาดความกว้างขวางและความสะดวกสบาย หัวข้อนี้ ฮอนด้า ซีวิค แฮตช์แบ็กนั้น จะรับคะแนนไปแบบเต็มๆ พร้อมด้วยความทันสมัยของการหันมาใช้จอมาตรวัดและจอแสดงผลกลางแบบ LED ที่ให้ความโฉบเฉี่ยวและทันสมัยไปพร้อมๆ กัน ในขณะที่มาสด้า3 แฮตช์แบ็ก ถึงจะมีห้องโดยสารที่ดูเล็กกะทัดรัดกว่า ก็ตีตื้นกลับมาด้วยความสปอร์ตของดีไซน์ภายใน ไปจนถึงตัวเบาะนั่งที่โอบกระชับสรีระร่างกายได้ดีกว่า แต่ก็เหมือนมาไม่สุดตรงที่ยังคงเป็นแบบปรับมือ หาใช่ระบบไฟฟ้าไม่ มาพร้อมของเล่นเรียกคะแนนอย่างชุดจอเฮดอัพดิสเพลย์ที่บริเวณด้านบนมาตรวัดที่จะขยับเปิดการทำงานขึ้นมาในทันทีที่สตาร์ตรถ ดูไปแล้วคล้ายๆ จอยุทธวิธีของเครื่องบินอยู่เหมือนกัน นอกจากนี้ มาสด้า3 ยังมาพร้อมด้วยบรรดาสวิตช์ควบคุมระบบต่างๆ ที่กระจายตัวอยู่ตามพวงมาลัยและคอนโซลหน้าไปจนถึงคอนโซลกลาง ที่ดูแล้วก็มีของเล่นให้เลือกเล่นเยอะดีในระบบต่างๆ ที่บรรจุมา
- HONDA CIVIC HATCHBACK 2017
- MAZDA3 HATCHBACK 2.0SP
1.5 ลิตร VTEC TURBO พกม้ามาด้วย 173 ตัว ฮอนด้า ซีวิค แฮตช์แบ็กใหม่ โดดเด่นด้วยสมรรถนะของเครื่องยนต์เทอร์โบ เทคโนโลยีใหม่ล่าสุดที่ฮอนด้านำมาประจำการในรถซีดานขนาดกลาง นับได้ว่าเป็นรุ่นแรกของตลาดในบ้านเรา เมื่อครั้งเปิดตัว ซีวิค โฉมใหม่เมื่อปีที่แล้ว สามารถสร้างกระแสตอบรับที่ดีกับผู้ใช้ฮอนด้าในบ้านเราได้มากไม่แพ้เครื่องสี่สูบขนาด 1.8 ลิตร บล็อกยอดนิยมที่ยังคงประจำการอยู่ในรุ่นรอง และยังเป็นการยกเลิกไลน์ผลิตของรุ่น 2.0 ลิตร ที่เคยเป็นรุ่นท็อปไปในการเปิดตัวโฉมใหม่ในครั้งนั้น พอมาถึงการเปิดตัวเจ้าซีวิค แฮตช์แบ็กใหม่ เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ฮอนด้าในบ้านเราก็นำเสนอด้วยรุ่นท็อปที่มาพร้อมเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร วีเทค เทอร์โบ เพียงเวอร์ชันเดียว
เครื่องยนต์ 4 สูบ ขนาด 1.5 ลิตร ได้รับการช่วยส่งอากาศเข้าสู่ห้องเผาไหม้จากระบบเทอร์โบ ที่สามารถปลุกพลังได้มากถึง 173 แรงม้า มากในระดับเกือบเทียบเท่าเครื่องยนต์บล็อก 2.4 ลิตร ที่ประจำการในฮอนด้า แอคคอร์ด เลยทีเดียว พร้อมด้วยแรงบิด 22.4 กก.-ม. ส่งผ่านชุดเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT เน้นให้ความนุ่มนวลและต่อเนื่องของการทำงาน ทั้งยังเสริมด้วยฟังก์ชันควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัยมาให้เล่นกันอีกเล็กน้อย ช่วยเติมความสนุกในการขับขี่ขึ้นได้อีกนิดในยามที่ปรับมาสู่โหมดแมนวล ก่อนที่จะส่งผ่านไปสู่ล้อคู่หน้าขนาด 17 นิ้ว นอกจากนี้ ซีวิค ใหม่ ยังมาพร้อมด้วยลูกเล่นเสริมการทำงานอย่างระบบ Brake Hold ระบบที่ช่วยล็อกเบรกให้โดยอัตโนมัติในทันทีที่รถหยุดนิ่ง ทำงานแทนผู้ขับในยามที่รถติด ลดอาการเมื่อยล้าในเรื่องของการต้องเหยียบเบรกค้างไว้ในยามรถติดได้ดี เหมาะสำหรับการใช้งานในเมืองแบบบ้านเราเป็นอย่างมาก
มาสด้า3 ใหม่ ที่เพิ่งผ่านการไมเนอร์เชนจ์ เพิ่มเติมออปชันใหม่ๆ มาสดๆ ร้อนๆ ขอท้าชนด้วยเครื่องยนต์ 4 สูบ ที่ไร้ซึ่งระบบอัดอากาศ มีความจุเยอะกว่าในพิกัด 2.0 ลิตร พร้อมเทคโนโลยี SKYACTIV ชูจุดเด่นในเรื่องของกำลังอัดที่สูงถึง 14:1 นับว่าเป็นเครื่องยนต์อีกรุ่นหนึ่งของยุคที่มีกำลังอัดที่สูงขนาดนี้ ช่วยเพิ่มเติมสมรรถนะ การตอบสนองของเครื่องยนต์ที่ดี พร้อมๆ กับความสามารถในเรื่องของการประหยัดพลังงานเมื่อเทียบกับเครื่องยนต์รุ่นก่อนๆ ที่มักจะใช้กำลังอัดในห้องเผาไหม่ที่ต่ำกว่านี้
เครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร สามารถเรียกพละกำลังในการใช้งานได้ถึง 165 แรงม้า มาพร้อมกับแรงบิด 21.4 กก.-ม. ทำงานร่วมกับชุดเกียร์อัตโนมัติแบบ 6 สปีด ให้การตอบสนองต่อผู้ขับได้อย่างรวดเร็วทันใจ นับได้ว่าเป็นเกียร์อัตโนมัติอีกลูกหนึ่งที่มีความฉลาด และความว่องไวในการปรับเปลี่ยนจังหวะเกียร์ให้เหมาะสมกับความต้องการใช้งานของผู้ขับได้อย่างลงตัว สร้างความสนุก ความมันส์ และความเร้าใจได้ตลอดการเดินทาง โดยแทบจะไม่ต้องปรับแมนวลโหมดกันเลยทีเดียว
นอกเหนือจากเรื่องความสนุกในการขับขี่ที่มาสด้าสามารถตอบโจทย์ในข้อนี้ได้อย่างลงตัวแล้ว เรื่องระบบช่วยควบคุมการทรงตัว ไปจนถึงระบบเสริมความปลอดภัยก็เป็นไฮไลต์สำคัญที่มาสด้า3 ใหม่ ได้รับการเพิ่มเติมมาแบบครบครัน ตั้งแต่ระบบ G-Vectoring Control ระบบที่ช่วยควบคุมกำลังของเครื่องยนต์ให้เหมาะสมกับสภาพการขับขี่ให้ดีที่สุด โดยจะทำหน้าที่ควบคุมกำลังของเครื่องยนต์แต่เพียงเรื่องเดียว หาได้ไปยุ่งเกี่ยวกับระบบเบรกใดๆ ไม่ ยกตัวอย่าง เช่น ในขณะที่เข้าโค้งในช่วงแรก โดยทั่วไปเรามักจะใช้กำลังเครื่องยนต์มากเกินไป ทำให้รถดื้อโค้งหรือเข้าโค้งยาก ถ้าเป็นผู้ขับที่มีทักษะก็อาจจะแก้อาการนี้ด้วยการลดคันเร่ง แต่ผู้ขับที่มีทักษะในการขับที่ดีนั้นมีไม่เยอะนัก เทคโนโลยี G-Vectoring Control จะเข้ามาช่วยควบคุมกำลังเครื่องยนต์ให้เหมาะสมในการเข้าออกโค้ง (ทั้งที่ผู้ขับยังเหยียบคันเร่งในสไตล์เดิมๆ) ช่วยให้คนขับสามารถควบคุมรถได้นุ่มนวลขึ้น พร้อมกับสมรรถนะในการยึดเกาะถนนที่ดี อีกทั้งคนนั่งก็ยังได้รับความรู้สึกผ่อนคลายได้ดียิ่งขึ้นตลอดการเดินทาง
นอกจากความสามารถของระบบ G-Vectoring Control ที่เป็นไฮไลต์สำคัญของมาสด้า3 ใหม่แล้ว ในเรื่องของระบบความปลอดภัย มาสด้า3 ใหม่ เสริมมาให้แบบจัดเต็ม ตั้งแต่ ระบบเตือนการชนด้านหน้าและระบบช่วยเบรกอัตโนมัติ (SBS- Smart Brake Support) ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติทั้งในการขับรถเดินหน้าและขับรถถอยหลังในช่วงความเร็วต่ำ (SCBS- Smart City Brake Support & SCBS-R – Smart City Brake Support-Reverse) ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุได้มากขึ้น และตัวช่วยสำคัญที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยและความปลอดภัยในการเดินทางกับระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Mazda Radar Cruise Control) สามารถควบคุมระยะห่างจากรถคันหน้าได้ตามที่ผู้ขับตั้งค่าเอาไว้ ช่วยให้การเดินทางมีความผ่อนคลายมากขึ้น และเมื่อทำงานร่วมกับระบบเตือนเมื่อรถเบี่ยงออกนอกเลนด้วยแล้ว ยิ่งช่วยให้การเดินทางนั้นมีความสบายและความปลอดภัยไปพร้อมๆ กัน ซึ่งนี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งในหลายๆ ระบบที่มาสด้า3 ใหม่ จัดเต็มมาให้ผู้ใช้ได้สัมผัสกัน
แลกกันแบบหมัดต่อหมัด
จากการทดสอบของรถทั้งสองรุ่นนั้นจะเห็นได้ว่า ในหัวข้อของสมรรถนะนั้น ฮอนด้า ซีวิค แฮตช์แบ็กใหม่นั้น สามารถทำได้ดีกว่าในเรื่องของพละกำลังแรงม้าและแรงบิดที่มากกว่า จากเครื่องยนต์ที่เล็กกว่า แต่ผสานการทำงานกับระบบเทอร์โบ ที่ยังคงให้คุณสมบัติที่ดีในเรื่องของการให้แรงบิดที่สูงในรอบการทำงานที่ต่ำเพียงแค่ 1,700 รอบเท่านั้น เมื่อผสานการทำงานกับชุดเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT ที่มีข้อดีในเรื่องของการเรียกรอบกำลังที่รวดเร็วด้วยแล้ว ช่วยให้การตอบสนองของคันเร่งนั้นเป็นเรื่องที่รวดเร็วทันใจในทุกครั้งที่ต้องการกำลัง แตกต่างจากมาสด้า3 ที่การเรียกพละกำลังนั้นจะมาช้ากว่าสักนิด เพราะด้วยเครื่องยนต์ 2 ลิตรที่ติดตัวมา แม้จะมีแรงม้าที่น้อยกว่าไม่มาก แต่ในเรื่องของแรงบิดนั้น กว่าจะได้มาเต็มๆ ต้องรอให้รอบกวาดไปถึง 4,000 รอบ แต่ก็นับว่าทำได้ดี จากผลงานความฉลาดของชุดเกียร์อัตโนมัติแบบ 6 สปีดที่ให้มา สามารถปรับเปลี่ยนจังหวะเกียร์ได้รวดเร็วและสนองต่อความต้องการของผู้ขับได้ดี พร้อมกับฟีลลิ่งในการเปลี่ยนจังหวะเกียร์แต่ละช่วง ที่ผสานกับเสียงรอบเครื่องที่กวาดขึ้นไปสู่เรดไลน์นั้น นับเป็นอรรถรสในการขับขี่ที่เร้าใจสไตล์สปอร์ตกว่าซีวิค
ถึงแม้จะตกเป็นรองซีวิคในเรื่องของสมรรถนะอยู่พอตัว แต่ในเรื่องของระบบความปลอดภัยนั้น งานนี้มาสด้า3 สามารถตีตื้นกลับมาได้อย่างฉับไว ด้วยเหล่าระบบเสริมต่างๆ ที่ได้กล่าวมาก่อนหน้านี้ สามารถสร้างความปลอดภัยไปพร้อมๆ กับความสะดวกสบาย และความผ่อนคลายในการเดินทาง โดยเฉพาะการเดินทางไกลได้มากกว่าฮอนด้า ซีวิค ที่เน้นให้ความสบายและความผ่อนคลายกับการใช้งานในเมืองเสียมากกว่า
ระบบช่วงล่างแบบอิสระทั้งสี่ล้อ เป็นมาตรฐานเหมือนกันทั้ง 2 คัน แต่ได้รับการปรับเซตมาตอบสนองการขับขี่ที่ค่อนข้างแตกต่าง ที่อาจจะเปรียบได้ง่ายๆ ว่า หากชื่นชอบรถที่นุ่มแน่นนั้น ซีวิคจะสามารถตอบสนองได้ดีในสไตล์นี้ เพราะการเซตอัพที่ดีในด้านการใช้งานในเมือง ให้ความนุ่มนวลในยามที่ผ่านรอยต่อหรือคอสะพาน แต่ยังคงให้ความรู้สึกที่แน่นของช่วงล่างไปพร้อมๆ กัน ซึ่งจะแตกต่างจากมาสด้า3 ที่ปรับเซตช่วงล่างมาให้ค่อนข้างกระชับ ให้ความมั่นใจได้ดีในการปรับเปลี่ยนเลนแม้บนความเร็วเดินทาง ช่วยให้ผู้ขับสามารถบังคับควบคุมได้ง่าย กระชับ และสนุกไปพร้อมๆ กัน แต่ก็ต้องแลกมาด้วยความรู้สึกกระด้างบ้างในยามที่เคลื่อนผ่านรอยต่อหรือฝาท่อที่มีพบเจอได้บ่อยๆ บนท้องถนนบ้านเรา
อีกหนึ่งเรื่องสำคัญที่จะไม่พูดถึงก็คงไม่ได้ กับเรื่องของอัตราสิ้นเปลือง นับได้ว่าเป็นการแข่งขันกันระหว่างฝั่งเครื่อง NA ความจุที่มากกว่า กับเครื่องยนต์ความจุน้อยแต่ปลุกพลังด้วยเทอร์โบ ในครั้งนี้ผลที่ออกมานับว่าสูสีกันมาก เฉือนชนะกับไปแบบตัวเลขหลังจุดทศนิยม โดยตำแหน่งของผู้ที่ประหยัดกว่าตกเป็นของฮอนด้า ซีวิค แฮตช์แบ็ก ที่สามารถทำตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองทั้งในเมืองและนอกเมืองได้ในระดับ 10.3 และ 13.67 กม./ลิตร ในขณะที่มาสด้า3 แฮตช์แบ็ก นั้นก็ตามมาติดๆ ด้วยตัวเลขแบบหายใจรดต้นคออยู่ที่ 10.17 และ 13.53 กม./ลิตร ทำให้เห็นถึงความสามารถในด้านเทคโนโลยีที่ทันสมัย สามารถพัฒนาให้เครื่องยนต์ที่มีขนาดเล็กกว่านั้นสามารถให้พละกำลังที่เทียบเท่าเครื่องยนต์ที่มี ซี.ซี.มากกว่า พร้อมๆ กับความประหยัดที่ดีขึ้นจากการนำระบบเทอร์โบเข้ามาทำงานผสานกัน
คอมเมนต์จากผู้ทดสอบที่หนึ่ง
จากการทดสอบใช้งานรถทั้งสองรุ่นนั้น จะเห็นได้ว่าฮอนด้าให้ความสะดวกสบายได้มาก จากห้องโดยสารที่กว้างขวาง สะดวกสบาย ไปจนถึงอุปกรณ์อำนวยความสะดวกอย่างเบาะคู่หน้าปรับไฟฟ้า ที่อาจจะดูเป็นออปชันที่ไม่ได้โดดเด่นมากนัก แต่กลับให้ความสะดวกสบายในการใช้งานในชีวิตประจำวันได้ค่อนข้างมาก (ในขณะที่มาสด้า3 ใหม่ กลับดูหลงลืมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกอย่างเบาะคู่หน้าปรับไฟฟ้าไปเสียดื้อๆ ทั้งๆ ที่ใส่ระบบอื่นๆ มาให้ซะครบครัน) ห้องโดยสารที่กว้างขวางของซีวิค แฮตช์แบ็กใหม่ สามารถตอบสนองความสะดวกสบายได้ดีกว่ามาสด้า3 อย่างโดดเด่น โดยเฉพาะพื้นที่เหนือศีรษะของเวอร์ชันแฮตช์แบ็กที่มีพื้นที่เพิ่มมากกว่าซีวิคในเวอร์ชันซีดานนั้น ยิ่งช่วยเติมความโปร่งโล่งสบายให้กับผู้โดยสารแถวหลังได้ดียิ่งขึ้น แต่ถ้ามองถึงการขับขี่เดินทางโดยเฉพาะบนไฮเวย์หรือเดินทางไกลนั้น ดูเหมือนว่าฮอนด้าจะตกเป็นรองมาสด้าอย่างเห็นได้ชัด เพราะมาสด้า3 ใหม่นั้น รวมอุปกรณ์เสริมด้านความปลอดภัยมาให้ใช้งานเพียบ ในขณะที่ฮอนด้า ซีวิค แฮตช์แบ็กใหม่ กลับลดอุปกรณ์ไฮไลต์ของค่ายอย่าง Honda Lane watch ที่เคยมีในซีวิค ซีดาน รุ่นท็อป ออกไป รวมไปถึงระบบเนวิเกเตอร์ก็ยังถูกตัดออกไปด้วยอีกเช่นกัน
คอมเมนต์จากผู้ทดสอบที่สอง
ในการทดสอบครั้งนี้นับว่าเป็นคู่ทดสอบที่กำลังมาแรงในขณะนี้เลยทีเดียว ด้วยพิกัดที่ยังคงเป็นที่นิยมของผู้ใช้และการแลกกันในแต่ละด้านแบบหมัดต่อหมัด ตั้งแต่ ความสะดวกสบาย อุปกรณ์อำนวยความสะดวก ไปจนถึงสมรรถนะอันเป็นอีกเรื่องไฮไลต์สำคัญที่ผู้ใช้มักคำนึงถึงการตัดสินใจเลือกพาหนะคู่ใจ งานนี้ต้องว่ากันตามบุคลิกของผู้ใช้เป็นหลัก เพราะหากเป็นคนที่ชื่นชอบรถที่มีสไตล์การตอบสนองที่รวดเร็ว โดยเฉพาะในรอบเครื่องยนต์ที่ต่ำเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร เทอร์โบนั้น สามารถตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะความนุ่มนวลในการทำงานของเจ้าเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT ที่ออกมาในแนวนุ่มนวลจนดูจะขาดสีสัน หรือฟีลลิ่งสปอร์ตไปมาก ถ้าหากผู้ใช้เป็นคนที่เท้าหนักอยู่แล้วและชอบฟีลลิ่งสนุกในการขับขี่ รอบนี้มาสด้า3 สามารถตอบโจทย์ได้อย่างลงตัว ด้วยชุดเกียร์อัตโนมัติแบบ 6 สปีด ที่ทำงานได้อย่างรวดเร็ว เรียนรู้ความต้องการของผู้ขับได้ดี ไปจนถึงเสียงรอบเครื่องยนต์ที่กวาดขึ้นไปนั้น ช่วยเพิ่มอรรถรสในการขับได้มากขึ้น อีกทั้งระบบช่วงล่างอิสระทั้งสี่ล้อที่ได้รับการเซตอัพมาให้สามารถตอบสนองการขับในสไตล์สปอร์ตได้อย่างลงตัว สามารถเพิ่มความมั่นใจและความคล่องตัวในการบังคับควบคุมได้เป็นอย่างดี ทั้งเส้นทางตรงไปจนถึงเส้นทางที่คดเคี้ยว
ยี่ห้อและรุ่นรถ MAZDA3 HATCHBACK 2.0SP
ประเทศผู้ผลิต และรุ่นปี ประเทศไทย รุ่นปี 2017
แบบเครื่องยนต์ 4 สูบ แถวเรียง DOHC 16 วาล์ว
ปริมาตรความจุ (ซี.ซี.) 1,997
กระบอกสูบ x ระยะชัก (มม.) 83.5 x 91.2
อัตราส่วนกำลังอัด 14.0 : 1
ระบบควบคุมเครื่องยนต์ หัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์ มัลติพอยต์
กำลังสูงสุด (แรงม้า/รอบ/นาที) 165/6,000
แรงบิดสูงสุด (กก.-ม./รอบ/นาที) 21.4/4,000
ถังเชื้อเพลิงจุ (ลิตร) 51
ระบบขับเคลื่อน ล้อหน้า
ระบบเกียร์ อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อมแมนวลโหมด (Activematic)
ระบบพวงมาลัย แร็คแอนด์พิเนียน พร้อมเพาเวอร์ช่วยแบบไฟฟ้า
ระบบกันสะเทือนหน้า อิสระ แบบแม็คเฟอร์สันสตรัท โช้คอัพ คอยล์สปริง พร้อมเหล็กกันโคลง
ระบบกันสะเทือนหลัง อิสระ แบบมัลติลิงค์ คอยล์สปริง พร้อมเหล็กกันโคลง
ระบบเบรก หน้า/หลัง ดิสก์เบรก/ดิสก์เบรก
มิติ กว้าง x ยาว x สูง (มม.) 1,795 x 4,580 x 1,450
ฐานล้อยาว (มม.) 2,700
ความกว้างของล้อหน้า (มม.) 1,555
ความกว้างของล้อหลัง (มม.) 1,560
น้ำหนักรถ (กก.) 1,385
ล้อ อัลลอย ขนาด 18”
ยาง 215/45R18
อัตราความสิ้นเปลือง (กม./ลิตร)
ในเมือง 10.17
นอกเมือง 13.53
ราคาจำหน่าย (บาท) 1,119,000
ข้อมูลทางเทคนิค
ยี่ห้อและรุ่นรถ HONDA CIVIC HATCHBACK
ประเทศผู้ผลิต และรุ่นปี ประเทศไทย รุ่นปี 2017
แบบเครื่องยนต์ 4 สูบ แถวเรียง DOHC 16 วาล์ว VTEC TURBO
ปริมาตรความจุ (ซี.ซี.) 1,498
กระบอกสูบ x ระยะชัก (มม.) 73.0 x 89.5
อัตราส่วนกำลังอัด 10.6 : 1
ระบบควบคุมเครื่องยนต์ หัวฉีดมัลติพอยต์ PGM-FI
กำลังสูงสุด (แรงม้า/รอบ/นาที) 173/5,500
แรงบิดสูงสุด (กก.-ม./รอบ/นาที) 22.4/1,700-5,500
ถังเชื้อเพลิงจุ (ลิตร) 47
ระบบขับเคลื่อน ล้อหน้า
ระบบเกียร์ อัตโนมัติ CVT
ระบบพวงมาลัย แร็คแอนด์พิเนียน พร้อมเพาเวอร์ช่วยแบบไฟฟ้า (DP-EPS)
ระบบกันสะเทือนหน้า อิสระ แบบแม็คเฟอร์สันสตรัท คอยล์สปริง พร้อมเหล็กกันโคลง
ระบบกันสะเทือนหลัง อิสระ แบบมัลติลิงค์ พร้อมเหล็กกันโคลง
ระบบเบรก หน้า/หลัง ดิสก์เบรก/ดิสก์เบรก
มิติ กว้าง x ยาว x สูง (มม.) 1,799 x 4,501 x 1,421
ฐานล้อยาว (มม.) 2,697
ความกว้างของล้อหน้า (มม.) 1,547
ความกว้างของล้อหลัง (มม.) 1,563
น้ำหนักรถ (กก.) 1,316
ล้อ อัลลอย ขนาด 17”
ยาง 215/50R17
อัตราความสิ้นเปลือง (กม./ลิตร)
ในเมือง 10.3
นอกเมือง 13.67
ราคาจำหน่าย (บาท) 1,169,000