MILLIONARE SUPRA Full Carbon Body & Full Step 2JZ 3.4 L by OVERDRIVE

 

XO เล่ม 155 เดือน .. 2552

เรื่อง : อินทรภูมิ์ แสงดี / ภาพ : ทวีวัฒน์ วิลารูป, วิวัฒน์ ภัยวิมุติ

MILLIONARE SUPRA

Full Carbon Body & Full Step 2JZ 3.4 L

NAPREC CYL. HEAD Over Half of Million, Ikeya Formula Suspension 

Big Project by OVERDRIVE

         เป็นปกติของคอลัมน์นี้ ที่จะต้องหาอะไรพิเศษมาให้ท่านชมกัน เป็นความโชคดีที่นักดริฟต์หน้าหยกนนท์สรานนท์ พรพัฒนารักษ์ ได้ออนไลน์สายตรงมาให้ช่วยจัดรถคันนี้ให้หน่อย ซึ่งเป็น SUPRA ที่มีความพิเศษแบบอลังการ ซึ่งความพิเศษนี้ หมายถึงมีสไตล์ที่โดดเด่นเป็นที่น่าสนใจ ในฉบับนี้ก็จะพานายแบบหล่อ เป็นสปอร์ตยอดนิยมเหลือเกิน เห็นท่าก็บอกได้เลยว่าคือ “SUPRA JZA80” ที่ลงมือทำกันแบบครบถ้วนตั้งแต่เส้นผมจดปลายเท้า ภูมิใจนำเสนอโดยทีม OVERDRIVE + HKS THAILAND + YOKOHAMA ซึ่งเป็นทีมดริฟต์ที่กำลังมาแรงในขณะนี้ คันนี้ก็เป็นของคุณโอ๊ตหัวหน้าทีม ที่ทำขึ้นมาเพื่อขับเล่นเป็นบางครั้ง แต่เหตุที่ทำจริง ก็เพราะชอบและความสุขทางใจซะมากกว่า สำหรับรายละเอียดของรถคันนี้ ก็มีการทำกันแบบถึงใจจริง เน้นกันทุกจุด ตั้งแต่ตัวถังก็จะเป็นคาร์บอนไฟเบอร์ทั้งคัน เครื่องยนต์ 2JZ-GTE ขยายความจุเป็น 3.4 ลิตร ทีเด็ดอยู่ที่ฝาสูบทำจากเจ้าสุดยอดในญี่ปุ่น ด้วยงบประมาณเกินครึ่งล้านแต่ก็สมกับงานที่ได้มา ไล่ไปยันช่วงล่าง เปลี่ยนของซิ่งครบชุด สาธยายตรงนี้คงไม่หมด ตามมาดูกันดีกว่าว่ามีอะไรบ้าง รับรองสะใจแน่นอน

ตัวถังแบบ All Carbon By YATT

         สำหรับตัวถัง ก็จะเป็นจุดเด่นเตะตามาก่อน เพราะเล่นเป็น Full Carbon ทั้งคันกันเลยทีเดียว จัดว่าเป็นคันแรกของไทยที่ทำแบบนี้ งานคาร์บอนไฟเบอร์ทั้งหมด จะเป็นฝีมือของ YATT เจ้าดังที่รู้จักกันดี แต่ยังไม่ได้เป็นคาร์บอนไฟเบอร์เพียว อันนี้จะห่อ (Wrap) ทับชุดบอดี้พาร์ทของ TOP SECRET อีกที เลยทำให้ดูสวยแปลกตาไปกว่าที่เคยเป็น สำหรับด้านในสุด ก็ยังเป็นบอดี้เหล็กอยู่เช่นเดิม ก็เพราะยังต้องการความปลอดภัยอยู่ ตอนนี้ก็เลยแบกน้ำหนักตัวรถเยอะไปหน่อย เพราะมีเปลือกถึง 3 ชั้น (เหล็ก + พาร์ท + คาร์บอน) แต่ในอนาคต หากจะเกิดทำไว้ Drift เล่น เพื่อโชว์ ก็ต้องลดน้ำหนักลง โดยการรื้อโครงเหล็กออก ส่วนเปลือกไม่แน่ว่าอาจจะทำเป็น Full Carbon Shell ก็คือ เป็นตัวถังแบบคาร์บอนเพียว ก็จะได้น้ำหนักที่เบาลงมาอีก ก็เป็นสเต็ปต่อไปที่เจ้าของรถกำลังพิจารณาอยู่… 

Short Story of Carbonfiber

         ไหน ก็พูดถึงเรื่องคาร์บอนไฟเบอร์แล้ว ก็ขอแนะนำเกี่ยวกับที่มาที่ไปของแร่ใยชนิดนี้นิดนึง ก็ขอแบบคร่าว พอให้รู้จักบ้างละกัน สำหรับ Carbonfiber ก็จะเรียกได้หลายอย่าง เช่น Graphite Fiber หรือ Carbon Graphite ก็ได้ ก็จะเป็นเส้นใยไฟเบอร์ที่มีความเล็กมาก เส้นผ่าศูนย์กลางมันแค่ 0.005-0.010 มิลลิเมตร เล็กกว่าเส้นผมของคนเราอีก โดยมีส่วนผสมของคาร์บอนซึ่งตัวมันเองก็จะมีผลึกเล็ก อยู่มากมาย มีโมเลกุลแน่นหนา ทำให้เกิดความแข็ง ทนทาน เส้นใยคาร์บอนไฟเบอร์เล็ก ที่ว่ามา ก็จะนำหลาย เส้นมาถักทอเป็นเส้นใยมัดเกลียวเหมือนด้ายดิบ ก็จะได้เส้นใยที่มีความแข็งแรง เหนียวแน่น แล้วก็นำมาสานต่อกันเป็นแผ่น (ลายที่สานก็จะเป็นลายที่เราคุ้น ตอนเรียนวิชาการฝีมือตอนเด็ก) แล้วก็นำมาทำเป็นชิ้นงานที่เราต้องการ

         สำหรับข้อดีของคาร์บอนไฟเบอร์ นอกจากความแข็งแรงแล้ว ยังได้เรื่องน้ำหนักเบาและทนต่อแรงดึงได้สูงอีกข้อหนึ่งก็คือสามารถทนความร้อนได้สูง โดยไม่เปลี่ยนสถานะพูดง่าย ก็คือ พอเจอความร้อนสูง ก็ไม่ขยายมาก จึงนิยมใช้ในการผลิตชิ้นส่วนของอากาศยาน” (Aerospace) ชนิดต่าง ตัวอากาศยานเอง ดูเผิน ว่ามันก็ลอยไปมาอยู่บนฟ้า ไม่น่าจะทำให้ร้อน แต่ในการเสียดสีกับอากาศด้วยความเร็วสูงจัดบางครั้งก็เร็วเหนือเสียง (เครื่องบินรบต่าง ) จึงเกิดความร้อนสูงมาก วัสดุที่ใช้จะต้องทนได้ ไม่อมความร้อน และไม่เปลี่ยนสถานะ ส่วนที่นิยมใช้อื่น ก็มีมากมาย แต่ที่เราจะเห็นได้มากก็คือ ใช้ในวงการมอเตอร์สปอร์ตที่ต้องการวัสดุที่มีคุณสมบัติตามนี้ เราจะเห็นคาร์บอนไฟเบอร์มีบทบาทตรงนี้มากทีเดียว และเป็นที่นิยมสูงในปัจจุบัน แต่ข้อเสียของมันก็มี อันดับแรกแพงอันดับสอง ตัวมันเองจะเป็นวัสดุที่เหนียว แต่เปราะกล่าวคือ สามารถทนแรงบิด แรงดึงได้สูงมาก แต่ไม่ทนเมื่อมีแรง Shock หรือแรงกระแทกหนัก เช่น เจอของแข็งทุบ หรือขับชน ตัวมันจะแตกกระจายเป็นเสี่ยง ทันที ที่ต้องระวังอีกหน่อยก็คือ ตัวใยมันมีความแหลมคมสูง ถ้าเจอมันทิ่มจะซี้ดซ้าดเป็นพิเศษ ถ้าหักในคาในเนื้อเราก็ไม่เป็นผลดี เอาออกยาก ก็ต้องระวังตรงจุดนี้ด้วย อย่าเอามือไปสัมผัสใยที่แตกหักแบบ On The Rock ถ้าจำเป็นต้องสัมผัส ก็ใส่ถุงมือผ้าหนา ป้องกันจะดีที่สุด

2JZ-GTE ชุดใหญ่ รอวันปลดปล่อย

          สำหรับขุมพลังของคันนี้ ตอนที่ถ่ายทำก็ยังเป็นเครื่อง 2JZ-GTE ธรรมดาอยู่ ยังไม่ได้โมดิฟายเต็มชุด เนื่องจากอยู่ในช่วงปรับเซ็ตรถเบื้องต้นก่อน เลยยังไม่ได้ทำเครื่องตัวสุดยอดนี้ขึ้นมา แต่ของที่สั่งนั้นมาครบแล้ว รอวันประกอบ ไว้ทำเสร็จครบถ้วน จะได้สำแดงพลัง แล้วเอากราฟแรงม้ามาฝากกันภายหลัง สำหรับคันนี้ ก็จะเอาสเต็ปสุดก็คือขยายเป็น “3.4 ลิตรเพื่อเพิ่มแรงม้าและแรงบิดให้สุดขั้วหัวใจ เผื่อจะเอาไว้ปั่นสโมคด้วยแรงบิดอันมหาศาล คันนี้ก็ไม่พลาดที่จะเล่นกับสเต็ปสูงสุด ด้วยการขยายความจุด้วยชุดคิตของ HKS Stroker Kit ที่มีความจุรวม “3,352.3 ซี.ซี.” จากความกว้างกระบอกสูบ 87.0 มม. เจอกับช่วงชัก 94.0 มม. (ยาวกว่าเดิมถึง 8 มม.) นอกจากนี้ ยังเปลี่ยนแคร็งค์น้ำมันเครื่องเป็นของ GReddy ที่ด้านในออกแบบใหม่ กันน้ำมันเครื่องกระฉอก ควรจะมีในรถแรงม้ามาก อย่างนี้

NAPREC สุดยอดแห่งฝาสูบ

         ส่วนที่เป็นสุดยอดของคันนี้ ก็จะอยู่ที่ฝาสูบมีการปรับแต่งโมดิฟายกันอย่างเต็มที่ เพราะเป็นส่วนสำคัญที่จะทำแรงม้าได้  เป็นฝีมือของสำนัก NAPREC หรือ NAGOYA PRECISION เจ้าดังแห่งญี่ปุ่น ที่มีชื่อเสียงในการทำฝาสูบชั้นเลิศมานาน ซึ่งบอกด้วยปากไม่ได้ว่าดียังไง ต้องดูด้วยตาถึงจะรู้สึกถึงความเจ๋งของมัน ด้วยสนนราคาการโมดิฟายฝาสูบกว่าหกแสนบาทเกินครึ่งล้านเข้าไปแล้ว ไม่ดีจริงคงไม่แพงขนาดนี้ ดูเผิน อาจจะคิดว่ามันแพงตรงไหน แค่ขัด แยง แต่การทำฝาสูบโดยแท้จริงแล้ว จะต้องมีการวัดและคำนวณให้เหมาะสมในการ Flow ของอากาศ จะต้องสมบูรณ์ที่สุด ทุกสูบจะต้องเท่ากัน คนทำจะต้องรู้สเป็กเครื่อง ลักษณะโค้งของช่องพอร์ต ว่าจะทำอย่างไรให้ดีที่สุด รวมถึงนิสัยเครื่องที่เราต้องการด้วย เพราะการทำฝาสูบจะกำหนดเรื่องนี้ได้อย่างชัดเจน ทุกอย่างต้องผ่านการคำนวณหมด หากจะหวังผลเลิศ รถคันนี้ทำสเต็ปแบบ Full Race จึงใส่เต็มที่ สปริงวาล์ว และตัววาล์ว Over Size ก็เป็นของ NAPREC ส่วนแคมชาฟท์เป็นของ HKS 264 องศา ในด้านไอดี และ 272 องศา ในด้านไอเสีย เพราะต้องการให้ขับง่ายบนถนนด้วย และใส่ระบบ “V-CAM” ที่ปรับจังหวะการเปิดปิดของแคมชาฟท์ด้านไอดีได้อีกด้วย คันนี้ใช้เครื่องยนต์ 2JZ-GTE รุ่น VVT-i ก็สามารถใส่ระบบ V-CAM ได้เลย ที่ต้องปรับเพิ่มเพราะองศาแคม และเครื่องยนต์เปลี่ยนสเต็ปไปมาก จึงต้องปรับเพิ่มเพื่อให้ได้จังหวะที่เหมาะสมที่สุด และยังมีแรงในรอบต่ำอีกด้วย

Comment : ณัฏฐะวุฒิ เครือประดับ (โอ๊ต OVERDRIVE)

         เจตนาของผมที่ทำคันนี้ขึ้นมา ก็อยากจะให้มันเป็นตำนาน  SUPRA ในเมืองไทย ที่ตกแต่งกันแบบครบ ทุกชิ้น โดยใช้ของที่มีคุณภาพ เพื่อเพิ่มสมรรถนะและความสวยงามไปพร้อม กัน รถคันนี้ก็ผ่านมาหลายคน ซึ่งแต่ละคนก็ทำแบบสุด ทั้งนั้น ผมเองพอซื้อมาแล้วก็อยากจะให้มันสุด บ้าง ก็เริ่มตั้งแต่ตัวถัง เดิมทีเป็นชุด TOP SECRET อยู่แล้ว ก็อยากจะเอาไว้ เลยคิดว่าน่าจะหุ้มด้วยคาร์บอนไฟเบอร์ทั้งคัน เพื่อให้เป็นคันแรกในเมืองไทยที่ใช้ตัวถังแบบ Full Carbon ส่วนเครื่องยนต์ ก็จะทำให้แรงที่สุดเท่าที่จะทำได้ ก็หวังไว้ประมาณ 1,200 แรงม้า ส่วนภายใน ก็จะทำให้ครบครัน เรียบร้อย และช่วงล่าง ก็เปลี่ยนใช้ของ Ikeya Formula ทั้งหมด ซึ่งเป็นคันแรกที่ใส่เหมือนกัน จุดประสงค์ก็คือ ทำไว้เพื่อเป็นความสุขส่วนตัว และนำมาขับสนุก บ้างบางครั้ง ทั้งบนถนน และ Drift แบบ Entertain ตอนนี้ก็ได้แต่รอให้เครื่องตัว 3.4 ลิตร เสร็จเรียบร้อยก่อน ก็จะได้ทราบถึงสมรรถนะมันจริง ว่าเป็นอย่างไรบ้าง ท้ายสุดก็ขอขอบคุณ “HKS THAILAND” สำหรับการโมดิฟาย และการสนับสนุน, “นนท์สรานนท์ ที่ช่วยเหลือในการ Support ด้านต่าง ให้, “พี่ใหม่ P&C” สำหรับการวางระบบสายไฟ และเบ็ดเตล็ดต่าง , “Wash’s Happen” สำหรับการดูแลเรื่องความสวยงาม และความสะอาด, “YOKOHAMA” สนับสนุนยางให้กับทีม และ “YATT” สำหรับงานคาร์บอนไฟเบอร์ครับ

Comment : อินทรภูมิ์ แสงดี

         ต้องบอกว่าเป็น SUPRA ที่อลังการจริง ในด้านของซิ่งที่ใส่เข้าไป ก็อยู่ในระดับแนวหน้าทุกชิ้น แต่สิ่งที่พิจารณาไม่ใช่แค่ Detail หรือความหรูหรา หรือความแพงในของที่ใส่ แต่ชื่นชอบตรงที่ว่า ของที่ใส่ไปเพิ่มสมรรถนะให้กับตัวรถได้อย่างดี ซึ่งบางอย่างแพง แต่จำเป็นก็ต้องยอมซื้อ ทั้งนี้ ก็อยู่ที่ผู้ทำจะต้องการสเต็ปไหน มีงบประมาณเท่าไหร่ สำหรับเรื่องความแรงบนไดโนเทสต์ บอกตรง ว่าเสียดายมากที่ครั้งนี้ไม่มีมาฝากกัน เพราะรีบเอารถมาลงให้ดูกันก่อน (เห็นแล้วอดใจไม่ไหว) เรื่องแรงม้าที่ได้ ก็ต้องรอเครื่องประกอบเสร็จเมื่อไหร่คงได้ปั่น แต่คาดเดาได้ว่าไม่ยากที่จะได้ตามที่เจ้าของต้องการ เพราะดูจาก Detail แล้วก็ไม่ยาก ท้ายสุดก็ขอขอบคุณพี่โอ๊ต OVERDRIVE” เจ้าของรถ, “นนท์สรานนท์ พรพัฒนารักษ์ สำหรับการประสานงาน และช่วยงานเรากลางแดดทั้งวัน, “HKS THAILAND” สำหรับข้อมูลตัวรถต่าง และ “Wash’s Happen” พระราม 9 สำหรับสถานที่ถ่ายทำ

X-TRA ORDINARY

         สำหรับคำแปลของ SUPRA ก็แปลว่า เหนือกว่า, ใหญ่กว่า ฟังดูแล้วก็ขลังดีเหมือนกัน จุดกำเนิดของ TOYOTA SUPRA จริง แล้ว ก็แตกหน่อมาจากตระกูล CELICA นั่นเอง เพื่อให้เป็นรถสปอร์ตที่เหนือชั้น โดยเรียกรวมกันไปว่า “CELICA SUPRA” ชื่อของเจ้า SUPRA จริง แล้วจะเกิดขึ้นมาในช่วงปี 1979 โดยเป็นรุ่น CELICA SUPRA MKI ถือเป็นรุ่น Top ของรถสปอร์ตจากค่าย TOYOTA ในขณะนั้น คือ ทำให้เหนือกว่า CELICA ปกติ ทั้งในด้านเครื่องยนต์ ช่วงล่าง และของตกแต่งต่าง ให้ดูมีราคา ในญี่ปุ่นจะรู้จักกันดีในชื่อ CELICA XX ใช้เครื่อง M-EU 110 แรงม้า (ส่วนสเป็กอเมริกา จะใช้เครื่อง 5M-EU 2.6 ลิตร) รหัสตัวถัง MA4… รุ่นที่สอง จะออกในปี 1982 เป็นไฟ Pop up รหัสตัวถัง GA/MA6… (ตัวหลังแล้วแต่ปีและรุ่นย่อยไปอีก) รุ่นที่สาม ก็จะแยกไลน์ SUPRA ออกมาต่างหากจาก CELICA (ที่ผันไปทำสปอร์ตแบบขับหน้า) ก็คือรุ่น “MA/GA70” ที่เราคุ้นเคยกันดีนั่นเอง ออกจำหน่ายช่วงปี 1986 ซึ่งเป็นสปอร์ตขนาดใหญ่ เครื่องแรง ก็เป็นการแจ้งเกิดได้อย่างสวยงาม