NaRaKa Org. Kenzen Present : Full Steam 215 SX – SR20 600 PS + Ikeya Suspension

 

เรื่อง : อินทรภูมิ์ แสงดี / ภาพ : GPI PHOTO   

            NaRaKa Org. Kenzen Present

            Full Steam 215 SX

            SR20 600 PS + Ikeya Suspension

           จัดหนัก จัดเต็ม สุดในรุ่น

ยังคงฮิตกันไม่เลิก สำหรับรถสปอร์ตสุดโฉบเฉี่ยวในยุค “ไนน์ตี้” อย่าง NISSAN 200 SX ที่ถูกนำมาตกแต่งกันอย่างหลากหลายสไตล์ จะมีอะไรบ้างคงไม่ต้องบอก ไม่ใช่เฉพาะในเมืองไทยเท่านั้น แต่นิยมกันทั่วโลกเลยก็ว่าได้ ฉบับนี้ก็จะพาไปชมอีกคันหนึ่ง ที่รถอาจจะซ้ำ ๆ กันบ้าง แต่สไตล์การตกแต่งก็ถือว่า “สุด” อีกคัน เพราะทำเยอะมาก ๆ ทุกอย่างที่ทำได้ “จัดหนัก” หมดทุกชิ้น รูปลักษณ์ภายนอกออกจะเรียบ ๆ แต่มันก็ดูสวยระยะยาว (ไม่รู้สิ ส่วนตัวคิดว่าทำแบบนี้มัน “เนียนตา” ดีน่ะ) แต่ใครจะรู้ว่าจะซ่อนพลัง 600 แรงม้า จากเครื่อง SR งานนี้ไม่ใช่ของง่าย  ถ้าไม่ทุ่มจริง ๆ ก็คงไม่ได้อย่างนี้  จัดให้โดย “ตั้ม” จาก NaRaKa Original Kenzen ที่ผ่านฝีมือของ 3 สำนัก เช่น WINS Tuning Shop บรรเลงในส่วนของเครื่องยนต์, K-Shop บางแสน ของแต่งรอบคัน, TJ Garage งานตัวถังและงานสี จัดเต็มขนาดนี้ ไม่ต้องคิดมาก จัดให้ชมเลยดีกว่า…

 

ทำองศาบ่าวาล์วใหม่ เพิ่ม Flow Rate ให้เครื่องยนต์

การทำให้เรื่องมีแรงม้ามากขึ้น ก็ต้องมีการโมดิฟายฝาสูบใหม่ ซึ่งการกำหนดแรงม้าและแรงบิดจะอยู่ที่ฝาสูบที่แหละ เพราะเป็นส่วนที่อากาศและเชื้อเพลิงจะต้องไหลผ่าน เพื่อเข้าไปสันดาปภายในกระบอกสูบ ทำให้เกิดกำลัง ถ้าต้องการกำลังมาก ๆ ต้องทำฝาสูบให้มี Flow Rate ที่ดี เพื่อประจุอากาศเข้าไปให้เยอะในรอบสูง จะแรงไม่แรงอยู่ตรงนี้แหละครับ สำหรับการโมดิฟายฝาสูบของคันนี้ ก็จะ “ทำองศาบ่าวาล์ว” ขึ้นใหม่ สำหรับบ่าวาล์ว หรือ Valve Seat นั้น จะอยู่ที่ฝาสูบ ลักษณะของมันก็ดูตามภาพได้เลย (ไม่รู้จะบรรยายยังไง) เวลาวาล์วปิด ขอบวาล์วก็ต้องกดกับบ่าวาล์ว เพื่อกันแรงอัดรั่วออกเวลาจุดระเบิด ซึ่งจะมีแรงดันสูงมาก ถ้าสองอย่างนี้มัน “แนบไม่สนิท” กำลังอัดก็จะรั่ว ทำให้เกิดปัญหา เมื่อรู้หน้าที่ของบ่าวาล์วแล้ว แล้วทำไมต้องเปลี่ยนองศาบ่าวาล์ว ก็ลองดูบ่าปกติ มันจะเป็นมุมประมาณ 45 องศา ค่อนข้างชัน แต่พอปรับองศาใหม่ ก็จะนิยมทำให้มุมมัน “ชันน้อยลง” อาจจะเหลือ 35 องศา ก็ต้องทำที่วาล์วให้ได้ 35 องศา เท่ากันกับบ่าวาล์ว จึงจะปิดได้สนิท ก็เท่ากับได้พื้นที่หน้าพอร์ตเพิ่มขึ้นมาอีกหน่อย (ทำแบบนี้ก็ต้องแต่งพอร์ตเพิ่มด้วย) ก็เพิ่ม Flow Rate ได้อีก แต่หน้าสัมผัสของบ่าวาล์วก็จะน้อยลงนิดหน่อย ก็คล้าย ๆ กับการขยายวาล์ว แต่การทำแบบนี้ต้องอาศัยผู้ที่เชี่ยวชาญ และ “มือนิ่ง” นะครับ ซี้ซั้วทำไม่ได้เด็ดขาด ทุกอย่างต้องได้ตามกำหนด ซึ่งช่างที่ทำฝาสูบเก่ง ๆ ในเมืองไทยมีไม่เยอะ เพราะ “ค่าฝีมือ” ไม่ใช่ใครก็ทำได้ดีทุกคน ถ้าผิดพลาดไป นอกจากจะไม่แรงแล้ว อาจจะเสี่ยงพังด้วย…

แพหลัง JUN เปลี่ยนจุดยึดช่วงล่าง ลดการเปลี่ยนแปลงของมุมล้อ

         ช่วงล่างหลัง เปลี่ยนยกแพเป็นของ JUN ที่มีการแก้มุมล้อหลังมาแล้ว สำหรับการแข่งขัน หรือเน้นการขับขี่ที่ดีขึ้น ซึ่งจุดประสงค์ของการทำแพหลังนี้ขึ้นมา เพื่อ “ให้ล้อเปลี่ยนมุมไม่มากเกินไป” เท่าที่ลองสอบถามดู ก็จะให้ข้อมูลว่า จะมีการย้ายจุดยึดที่ Control Arm ต่าง ๆ ตัวเมนหลักอย่างปีกนกบนไม่ได้ยุ่ง แต่จะไปย้ายจุดยึดตรงปีกนกล่างด้านหลัง และพวกที่ยึดมุมแคมเบอร์และมุมโท คำนวณให้เวลารถยุบตัว ไม่ว่าจะออกตัว หรือเข้าโค้ง ให้ล้อหลังไม่เปลี่ยนมุมเยอะจากที่ตั้งไว้ ก็จะช่วยเรื่องการทรงตัว ในจุดยึดปีกนกตัวล่าง ก็ขยับให้ต่ำลง เพื่อให้ปีกนกตัวหลังขนานกับพื้นในตอนรถยุบตัว ส่วนตัวคุมมุมแคมเบอร์และโท ก็ขยับจุดยึดต่ำลงมา เพื่อให้แคมเบอร์เปลี่ยนน้อย ตรงนี้ผมไม่รู้ลึกขนาดว่ามันจะเปลี่ยนแปลงยังไง เพราะไม่เคยดูของจริงเทียบกัน เอาเป็นว่า ผมจะบอกข้อมูลเท่าที่ผม “ได้ยินมา” จากผู้รู้ เขาว่ามันดีก็ต้องเขาแหละครับ ถ้าไม่ดีก็คงไม่มีการเอามาใช้อย่างแน่นอน…

MAX POWER : 634 hp @ 7,300 rpm

MAX TORQUE : 747 Nm @ 5,500 rpm

DYNAMOMETER : 1000 Speed 24 Racing

         ทางเจ้าของรถได้นำรถคันนี้ไปปั่นแรงม้า ณ 1000 Speed 24 Racing ของ “พี่พัน” ที่เปิดใหม่ซิง ๆ เท่าที่ดูตัวเลขแรงม้า ระดับ 634 hp กับแรงบิดกว่า 70 kg-m. นับว่าไม่ธรรมดาสำหรับเครื่อง SR ที่ไม่ได้ขยายความจุเป็น 2.2 ลิตร ผมขออธิบายแบบกระชับแล้วกัน กราฟแรงม้า (เส้นสีแดง) ก็จะเป็นสไตล์ “โดดดึ๋ง” ตั้งแต่ 4,000 รอบ ขึ้นไป ก็จะขึ้นแบบพรวดพราด ก็ถือว่าไม่รอรอบมาก ยังไม่ทัน 5,000 รอบ ก็ออกมา 400 hp แล้ว ช่วง 5,200 รอบ ได้แรงม้าถึง 520 hp หลังจากนี้กราฟก็จะนอนลง ค่อยๆ ขึ้น จะมีจังหวะแตะ Peak Power อยู่ที่ 634 hp หลังจากนั้นก็โรยลงนิด ๆ ตรงนี้ผมว่าแรงม้าสูงสุดจริง ๆ จะเฉลี่ยอยู่ราว ๆ 600 hp ในช่วง 5,700-7,600 รอบ ก็หยุดการทดสอบ ซึ่งเป็นช่วงรอบที่ใช้ได้ ไม่ใช้รอบสูงมากเกินไปจนเสียว เพราะข้อเหวี่ยงยังเดิมอยู่  ส่วนกราฟแรงบิดจะอยู่ในลักษณะเดียวกัน แต่จะทะยานนำมาก่อน ช่วง  Range แรงบิดสูงสุด อยู่ช่วง 5,000-6,000 รอบ ช่วงนี้แรงบิดได้เกิน 700 Nm  (อยากรู้ว่าเท่าไหร่ คร่าว ๆ ก็เอา 10 หาร เป็น kg-m) เป็นค่าที่สูงมากสำหรับเครื่อง 2 ลิตร หลังจากนั้นแรงบิดก็ค่อย ๆ โรยตัวลง แต่ยังอยู่ในค่าระดับ 600 Nm ก็เหลือเฟือแล้ว…

X-TRA Ordinary

สำหรับ 200 SX (RPS13) นั้น จะเป็นรถที่มีอายุการขายยืนยาวพอสมควร ตั้งแต่ช่วงปี 1991 มา จนมาถึงปี 1996 ก็เป็น “ไมเนอร์เชนจ์ครั้งสุดท้าย” โดยมี 3 รุ่น คือ Type R, Type X และ Type S สองอันแรก จะเป็นเครื่อง SR20DET ฝาดำหลังเรียบ 205 แรงม้า รุ่น R จะมีของตกแต่งเยอะกว่ารุ่น X ส่วนรุ่น S จะเป็นเครื่อง SR20DE ฝาขาวหลังเรียบ 140 แรงม้า ภายนอกจะตกแต่งเหมือนรุ่น X สิ่งที่น่าแปลกใจคือ มันขายคู่ไปกับ SILVIA S14 ที่ถือว่าเป็น Model Change ออกมาตั้งแต่ปี 1993 (ช่วงนั้น SILVIA S13 ก็หมดรุ่นไปแล้ว) 200 SX ไมเนอร์เชนจ์ จะขายไปจนถึงปี 1999 เป็นครั้งสุดท้าย ถือว่าเป็นรถที่มีการขายยาวนานถึง 10 ปี ซึ่งจัดว่านานที่สุดรุ่นหนึ่งในโลกเลยทีเดียว…

เจ้าของรถ ขอขอบคุณ : โจ TJ GARAGE Paint & Body (08-7999-3980), โอ K-SHOP (08-1907-5095), อ๊อด WINS Tuning Shop (08-4545-4914)

ผู้เขียน ขอขอบคุณ : “เจ้าของรถ” ไม่ประสงค์ออกนาม, โอ K-Shop บางแสน ช่วยประสานงาน และ Barai Bar สำหรับสถานที่ถ่ายทำ 

กระจกมองหลัง ZOOM ENGINEERING