a
เรื่อง : พงศ์พันธ์ รัมมะเกตุ
ภาพ : ธัญญนนท์ แสงภู่
เพราะเรื่องราวของการแต่งรถ มันคือส่วนหนึ่งของชีวิตกันไปแล้ว แม้กระทั่งรถที่ขับใช้งานวิ่งอะไหล่ ยังแต่งกันซะแทบจะไม่แตกต่างกับรถแข่งในสนามกันเลยทีเดียว แน่นอนที่สุดครับ สำหรับในคอลัมน์นี้เป็นการนำเสนอรูปแบบในการปรับแต่งรถที่เน้นเรื่องของความสวยงาม มันก็ต้องตามยุคตามสมัยตามกระแสกันหน่อย ในเมื่อรถรุ่นใหม่ออกมากันจนขาซิ่งปั่นเงินกันไม่ทัน นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาแต่อย่างใดครับ ในเมื่อค่ายรถขยันออกรุ่นใหม่ไวเหลือเกิน คนใช้รุ่นเก่าก็ต้องขยับกันบ้างเป็นธรรมดา และนี่ก็เป็นที่มาของการแปลงหน้าของเหล่าบรรดารถกระบะซิ่งนั่นเองครับ ถือว่าเป็นอีกหนึ่งการผสมผสานกันออกมาได้อย่างลงตัวโดยที่ตัวรถไม่เสียหายแต่อย่างใด เป็นอีกหนึ่งผลงานจากร้าน ARM SHOP ย่านบางนา และรถสองคันที่นำมาให้ได้ชมกันนี้ เป็นรถของทางร้านที่ถูกปรับแต่งออกมาได้อย่างลงตัว เรียกได้ว่าแต่งรถคันเดียว สามารถตอบโจทย์ได้ทุกอย่าง ไม่ว่าจะขับใช้งาน ขับเที่ยว ขับแข่งในสนาม สเต็ปนี้เค้าแต่งกันยังไง ไปติดตามดูกันครับ
EURO 4 แปลงหน้า 1.9 สวยซิ่งวิ่งหลังถนน TURBO ปาก 44
พกพาความสวยงามมากันแบบเต็มคัน กับผลงานการปรับแต่งจากร้าน ARM SHOP เป็นอีกหนึ่งคันที่ถูกจัดทรงใหม่ ทำออกมาได้อย่างสวยงามลงตัว ทั้งเรื่องของภายนอกที่จัดการสาดสีใหม่ มากันแบบเด่นๆ เลย ทีเด็ดอยู่ที่ด้านหน้า มีการจัดทรงใหม่กับชุดแปลงหน้า 1.9 BLUE POWER และการแต่งแบบโหดๆ ของภายใน มากับเบาะ KIRKEY ROAD RACE ถึง 4 ตัวกันเลยทีเดียว ส่วนเรื่องของเครื่องยนต์ จัดว่าวิ่งได้ไม่อายใครครับ เครื่องซิ่ง ลูก ก้าน ข้อ มากันแบบครบๆ ในการปรับแต่งของรถคันนี้ก็ไม่ได้เน้นว่าต้องให้สุดทุกอย่าง แต่เน้นกันที่แต่งแล้วสามารถตอบโจทย์ได้ทุกการใช้งาน เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งรูปแบบการแต่งรถที่หลายคนสามารถดูไว้เป็นแนวทางกันได้ ว่าแล้วเราก็เข้าไปเจาะรายละเอียดกันเลยดีกว่าครับ ว่าทางคุณอาร์ม เจ้าของรถ เค้าจับอะไรใส่เข้าไปบ้างสำหรับรถคันนี้
- 4JK1 UP STEP เครื่องซิ่ง 3,000 c.c. ไส้ MRX
- TURBO ปาก 44 โมดิฟาย
- หัวฉีด BOSCH 901
- หม้อน้ำอะลูมิเนียม + พัดลมไฟฟ้า
- สวิตช์เบิร์นยาง JEGS
ภายนอกจัดทรงด้านหน้ายกชุดจากตัวสูง
เมื่อรูปลักษณ์ภายนอกคือประตูด่านแรกของการมองเห็น ก็คงไม่แปลกอะไรที่จะต้องการความสวยงามโดดเด่นกันบ้าง ด้วยพื้นฐานตัวรถคันนี้เป็น ISUZU ALL NEW D-MAX สี่ประตู ปี2012 ผ่านร้อนผ่านหนาวมาถึงปี 18 แล้ว มันก็ต้องมีการจัดทรงกันใหม่บ้าง เดี๋ยวเด็กรุ่นใหม่จะไม่เข้าใจ อันดับแรกมาดูกันที่สีของตัวรถกันก่อนเลยครับ กับตัวของสีก็ไม่ได้มีแพตเทิร์นหรือมีการวางแผนไว้แต่อย่างใด เพียงแค่ว่าอยากจะได้สีเขียว ก็ลองเลือกๆ ดู สุดท้ายก็มาจบตรงที่เขียวแบบนี้ที่ต้องการ จึงได้ทำการสาดเข้าไปทั้งคัน จึงออกมาสวยงามลงตัวใช้ได้เลย จากนั้นมาจัดทรงที่ด้านหน้ากันใหม่ เพราะหน้าเก่ามันดูแตกต่างจากเพื่อนฝูงไปหน่อย เลยจบตรงที่การแปลงเอาชุดหน้าของตัว 1.9 Hi-Lander มาใส่ เริ่มตั้งแต่งโคมไฟหน้าที่มาพร้อมกับชุดไฟเดย์ไลต์ในตัว ตามด้วยกระจังหน้าแบบโครเมียม ปิดท้ายด้วยกันชนหน้าแบบมีไฟตัดหมอก มาดูกันที่ฝากระโปรงหน้ากันบ้าง ของเดิมมันหนัก กลัวว่ารถจะวิ่งไม่พลิ้ว ก็เลยเปลี่ยนฝากระโปรงมาเป็นคาร์บอนลาย F1 จาก MONZA SHOP กระจกมองข้างเปลี่ยนมาเป็นของ CRAFT SQUARE แป้นกระจกเป็นไทเทเนียม ดูสวยงามไปอีกแบบ ส่วนทางด้านของประตูทั้งสี่บาน ได้ทำการหุ้มคาร์บอนลาย F1 ทั้งหมดจาก MONZA SHOP เหตุผลที่เลือกใช้วิธีหุ้มก็เพราะยังคงต้องใช้งานในชีวิตประจำวันอยู่ ไปต่อกันที่ด้านท้ายรถ เพิ่มความแข็งแรงให้กับตัวกระบะด้วยการติดตั้งตัวค้ำฝาท้ายรูปทรงสวยงาม จาก เม้งซัง ชิ้นงานเป็นไทเทเนียม สวยงามลงตัวครับ สำหรับภายนอกของคันนี้
- เบาะคู่หน้า KIRKEY ROAD RACE
- เบาะคู่หลัง KIRKEY ROAD RACE
- ตรงกลางเป็นที่ตั้งของถังไนตรัส
- ค้ำกระบะหลัง TITANIUM BY เม้งซัง
ภายในนั่งกันแบบอุ่นใจกับ KIRKEY ROAD RACE 4 ตัว
เปิดประตูเข้าไปดูภายในห้องโดยสารกันบ้าง จัดว่าเป็นอีกหนึ่งคันครับ ที่เมื่อเห็นภายในแล้ว ถึงกับต้องอ้าปากค้างกันไปพักหนึ่งเลยทีเดียว ด้วยความใจถึงของคุณอาร์ม เลือกใช้เบาะทั้งสี่ตัวเป็น KIRKEY ROAD RACE ถูกติดตั้งไว้ได้อย่างลงตัวทั้งทางด้านหน้าและด้านหลัง มาพร้อมกับชุดเข็มขัดนิรภัยจาก SIMPSON ลายทหาร และที่ระหว่างกลางของเบาะคู่หลังเป็นที่อยู่ของถังไนตรัส ถูกจัดวางเอาไว้ได้อย่างลงตัว ควบคุมการขับขี่ได้อย่างมั่นใจด้วยพวงมาลัยก้านยกจาก NARDI จับคู่กับชุดคอพวงมาลัยแบบพับได้จาก WORK BELL ย้ายขึ้นไปกันต่อที่ด้านบนคอนโซล เป็นที่อยู่ของเหล่าบรรดาชุดเกจ์วัดการทำงานของเครื่องยนต์ DEFI BF ติดกันเป็นจอแสดงผล ZD สองตัวด้วยกัน เลื่อนมาที่ด้านขวามือติดกับเสา A ติดตั้งเกจ์วัดรอบเครื่องยนต์พร้อมชิฟต์ไลต์จาก DEFI ติดกันเป็นวัดบูสต์ AUTOMETER หน้าน้ำมัน ซึ่งก็เป็นอีกหนึ่งของแต่งประจำกายสายดีเซลครับ
- เบรกหน้า D2 8 pot
- VOLK RACING SE37 ขอบ 18 นิ้ว
วิ่งหลังถนนจัดเครื่องซิ่ง + TURBO ปาก 44 ก็จี๊ดแล้ว
ได้เวลาเรื่องราวความแรงกันแล้ว กับเครื่องยนต์รหัส 4JK1 ขนาดความจุ 2,500 c.c. สเต็ปนี้นอกจากจะแรงแล้ว เปิดฝากระโปรงมาต้องหล่อด้วย แน่นอนที่สุดครับ เทรนด์ในการปรับแต่งห้องเครื่องของรถกระบะในยุคนี้มันก็จะโล่งๆ กันหน่อย เรียกได้ว่าเก็บสายไฟกันเหมือนอย่างกะถอดเอาไปทิ้งกันเลย ไม่รู้ไปซ่อนไว้ไหนหมด ห้องเครื่องดูสะอาดซะเหลือเกิน เอาละครับ มาเจาะเรื่องของการปรับแต่งตัวเครื่องยนต์กันบ้าง สำหรับในเรื่องของการโมดิฟายคันนี้ รับหน้าที่โดย BEER GARAGE ย่านบางใหญ่ ช่างเบียร์ได้ทำการอัปสเต็ปเครื่องยนต์ให้อยู่ในพิกัด 3,000 c.c. เริ่มต้นกันที่ลูกสูบเลือกใช้ของ MRX ตามด้วยการเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตัวเครื่องยนต์สามารถทนต่อแรงบูสต์แบบหนักหน่วงได้อย่างสบายๆ ด้วยชุดก้านสูบจาก MRX จากนั้นเปลี่ยนข้อเหวี่ยงมาเป็นของเครื่อง 3000 ตัวนอก ส่วนทางด้านของแคมชาฟต์เป็นสูตรของช่างเบียร์ เพื่อควบคุมการเปิด-ปิด ของระบบวาล์วไอดีและไอเสียได้อย่างสมบูรณ์ยิ่งขึ้น ส่วนในเรื่องของการปรับแต่งเสื้อสูบนั้น ก็เป็นเทคนิคส่วนตัวของทางช่างเบียร์เค้านั่นแหละครับ ไม่รู้แยงกันยังไง ถึงได้วิ่งลื่นดีจัง มาดูกันต่อเรื่องของระบบอัดอากาศกันบ้าง ก็อย่างที่บอกกันไว้ว่าคันนี้เน้นขับแบบหลังถนน มันก็ต้องจี๊ดจ๊าดจัดจ้านเป็นธรรมดา กดเป็นมา กดเป็นมา ติดบูสต์ไว ขับสนุก แน่นอนที่สุดครับ ฟิวนี้ต้องยกให้เทอร์โบปาก 44 เลย ระบบกรองอากาศเป็นกรองเปลือยแบบดูดสด ต่อท่อไทเทเนียมออกไปรับอากาศเย็นที่ด้านหน้า ส่วนทางด้านของชุดท่อทางเดินอากาศ เดินใหม่ทั้งหมด สวยงามตามสมัยนิยม เป็นไทเทเนียม ระบายความร้อนของอากาศด้วยอินเตอร์คูลเลอร์หนา 3 นิ้ว จาก GReddy ลดอาการตัวร้อนของเครื่องยนต์ด้วยการเปลี่ยนหม้อน้ำมาเป็นอะลูมิเนียมขนาดกำลังดี ไม่เล็กไม่ใหญ่เกินไป มาพร้อมกับชุดพัดลมไฟฟ้า มาดูเรื่องของระบบน้ำมันเชื้อเพลิงกันบ้าง อีกหนึ่งหัวใจสำคัญของเครื่องยนต์คอมมอนเรล สำหรับคันนี้ได้ทำการโมดิฟายปั๊มคอมมอนเรลเพิ่มเติมตามสูตรของทางช่างเบียร์ เพื่อให้สามารถสร้างแรงดันได้ตามต้องการ ส่วนทางด้านของระบบการจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิง เลือกใช้เป็นหัวฉีดจาก BOSCH 901 ส่วนทางด้านของรางหัวฉีด เปลี่ยนเป็นรางใหญ่ เพื่อให้สามารถรองรับกับแรงดันที่เพิ่มมากขึ้น ส่งน้ำมันด้วยปั๊มติ๊ก BOSCH 910 ควบคุมแรงดันน้ำมันเชื้อเพลิงด้วยเร็กกูเรต AEROMOTIVE ถ่ายทอดกำลังจากเครื่องยนต์ด้วยชุดคลัตช์จาก BRC ส่งกำลังผ่านชุดเกียร์ VGS ควบคุมการทำงานของเครื่องยนต์ด้วยการพ่วงกล่อง MONSTER MAX จาก ECU=SHOP สามารถปรับจูนได้อย่างละเอียด ช่วยให้เครื่องยนต์ทำงานได้อย่างสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น
ช่วงล่างหลังถนนยังคงต้องมองหา 60 ฟุต
ตามลงมาดูเรื่องของระบบช่วงล่างกันบ้าง เพื่อการกระโจนไปข้างหน้าได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ มันก็ต้องมีตัวช่วยกันหน่อย กับช่วงล่างดีๆ จากแซมช่วงล่างซิ่ง สำหรับรถคันนี้ได้ทำการติดตั้งชุด A-ARM แบบแขนเดียวเข้าไปช่วยให้การออกตัวมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น จากนั้นได้ทำการเลื่อนตำแหน่งของโช้คอัพให้ตั้งขนานกับพื้น เพื่อการทำงานที่สมบูรณ์ที่สุด โดยเลือกใช้โช้คอัพจาก RACETRACK ส่วนทางด้านของระบบเบรก ด้านหน้าเลือกใช้เบรกของ D2 แบบ 8 pot กับจานเบรกขนาด 355 mm. ล้อแม็กจาก VOLK RACING SE37 ขอบ 18 นิ้ว รัดด้วยยาง TOYO R1R ทั้ง 4 ล้อ
EURO 4 แปลงหน้า MU-X F55 DRAG RADIAL ยีราฟซิ่ง
ไม่ว่าจะรถสูงหรือรถเตี้ยก็ไม่ใช่ปัญหา ถ้าใจรักจะแต่ง สำหรับสเต็ปยีราฟแคระ จัดว่าเป็นอีกหนึ่งสเต็ปที่ยังคงได้รับความนิยมอยู่อย่างต่อเนื่อง ด้วยรูปร่างหน้าตาของภายนอก ที่นอกจากความสูงแล้ว สำหรับตัว Hi-Lander จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่ามีโป่งด้านหน้าและด้านหลังที่ใหญ่กว่าตัวเตี้ย จึงทำให้มิติโดยรวมของตัวรถดูอวบอิ่มมากยิ่งขึ้น รูปแบบในการลดระดับความสูงที่นิยมทำกันอย่างแพร่หลาย ก็คงจะหนีไม่พ้นในสเต็ปของยางขนาด 255/55R18 ตามด้วยการย้ายแหนบลงมาใต้เพลา พร้อมกับการเปลี่ยนโช้คตัวเตี้ยมาใส่เข้าไป ซึ่งมิติรถโดยรวมก็จะไม่ได้ดูเตี้ยมากมาย เรียกได้ว่ากำลังขับสบายเลยครับ รูดได้ไม่ต้องหยอด ไม่ต้องระวัง ที่สำคัญ วิ่งแข่งในสนามได้อีกด้วย ว่าแล้วเราเข้าไปเจาะรายละเอียดของคันนี้กันเลยดีกว่าครับ ว่าสเต็ปนี้เค้าทำอะไรไปบ้าง
- 4JK1 UP STEP เครื่องซิ่ง 3,000 c.c. ไส้ MRX
- ค้ำกระบะ TITANIUM
- ค้ำเสา C TITANIUM ลายสายฟ้า
- TURBO IHI F55V บูสต์ 60 psi
- ควบคุมแรงดันน้ำมันด้วยเร็กกูเรต AEROMOTIVE
- หัวฉีด BOSCH 901
- หม้อน้ำอะลูมิเนียม + พัดลมไฟฟ้า
ภายนอกจัดทรงกันใหม่ ไฉไลกว่าเดิม
เพื่อรูปลักษณ์ภายนอกที่ดูสดใสอ่อนเยาว์ขึ้น จึงต้องนำมาจัดทรงกันซะใหม่กับ ISUZU ALL NEW D-MAX Hi-Lander ปี 12 เริ่มต้นกันด้วยสีผิวกันก่อนเลย เพราะต้องการความสวยงามโดดเด่นไม่เหมือนใคร จึงได้ทำการสาดสีใหม่หมดทั้งคัน ด้วยการผสมสีขึ้นมาเอง เอาแบบที่ผสมไปเรื่อยๆ ถูกใจตรงไหน ก็พอตรงนั้น มันต้องแบบนี้แหละครับ ถึงจะไม่ซ้ำใคร สุดท้ายก็จบกันตรงที่สีเขียวประมาณนี้แหละครับ พอดูรวมๆ แล้ว ก็สวยงามไปอีกแบบหนึ่งสำหรับสีนี้ ก็จบกันไปในเรื่องของสีสันภายนอก มาดูที่หน้าตากันบ้าง จัดเต็มกันไปทั้งโบท็อกซ์ ฟิลเลอร์ เสริมดั้ง กรีดตา เฮ้ยยยย…ไปกันใหญ่และไม่ใช่หน้าคน หน้าตาที่ว่านี้ คือหน้าตาของรถที่ถูกจัดทรงใหม่ ด้วยการแปลงหน้าจากออลนิว ตัวปี 12 มาเป็น MU-X ตัวล่าสุด เริ่มต้นจากไฟหน้า ที่เป็นโคมไฟแบบโปรเจ็กเตอร์ มาพร้อมกับไฟเดย์ไลต์ในตัว ตามด้วยชุดกันชนหน้า ซึ่งคันนี้ใช้เป็นรถแข่งด้วย จึงได้ทำการโป๊ปิดในส่วนของไฟตัดหมอก มุมมองด้านหน้าของคันนี้เลยดูเรียบๆ โล่งๆ ก็สวยงามไปอีกแบบ จากนั้นได้ทำการเปลี่ยนฝากระโปรงหน้ามาเป็นงานคาร์บอนจาก PREAM CARBON ช่วยลดน้ำหนักไปได้หลายกิโลกันเลยทีเดียว มาดูที่กระจกมองข้าง เพิ่มความโฉบเฉี่ยวด้วยการเปลี่ยนมาใช้กระจก CRAFT SQUARE แต่สเต็ปของรถแข่งก็ยังคงต้องการให้น้ำหนักโดยรวมหายไปมากกว่านี้ แน่นอนที่สุดครับ ประตูทั้งสี่บานคือภาระอันใหญ่หลวง ท้ายที่สุดจึงต้องอัญเชิญออกไปทั้งสี่บาน แล้วเลือกใช้เป็นประตูแบบ PURE CARBON ทั้งสี่บาน ตามด้วยกระจกอะคริลิก ทั้งหมดนี้เป็นผลงานจาก PREAM CARBON ส่วนทางด้านของฝาท้ายก็เปลี่ยนมาเป็นคาร์บอนอีกเช่นกัน และเพื่อความแข็งแรงของกระบะ ได้ทำการติดตั้งตัวค้ำกระบะเป็นไทเทเนียมจากเม้งซัง ทั้งหมดนี้ช่วยให้หน้าตาดูหล่อเหลาเอาการขึ้นเยอะเลย
- เบาะ KIRKEY ผ้าดำ
- พ่วงกล่องดันราง + กล่องยกหัวฉีด BY ALPHATECH
ภายในยังคงคอนเซปต์สเต็ปรถบ้าน แอร์เย็น เพลงเพราะ
เปิดประตูเข้ามาส่องดูกันที่ภายในห้องโดยสารกันบ้าง ผิดคาดจากที่คิดเอาไว้ คิดว่าภายในคงจะไม่เหลืออะไรซะแล้ว แต่พอเปิดมา โอ้โห…อยู่ครบเลย ที่ถอดออกก็คงจะมีแค่เบาะหลังนั่นแหละครับ ในส่วนของพื้น พรมยังคงอยู่เหมือนเดิม ก็อย่างว่าแหละครับ ทางเจ้าของรถยังอยากจะมีฟิวเอาออกไปขับเล่นอยู่บ้าง ถ้าไปเลาะพรมออก เหลือแต่พื้นเหล็กเพียวๆ ขับถึงบ้านต้องมีหูดับกันบ้างแหละครับ และเพื่อความกระชับและมั่นใจในยามขับขี่ จึงได้ทำการเปลี่ยนเบาะคู่หน้าใหม่ โดยเลือกใช้เบาะที่เป็นสไตล์ของรถแข่งเป็นของ KIRKEY ผ้าดำ ทั้งสองตัว และเพื่อการควบคุมรถได้อย่างเฉียบคมและมั่นใจยิ่งขึ้น เปลี่ยนพวงมาลัยมาเป็นของ VERTEX เลื่อนขึ้นไปดูที่ด้านบนคอนโซลกันบ้าง เป็นที่อยู่ของชุดเกจ์วัดค่าการทำงานของเครื่องยนต์ มากันแบบเป็นเซต ครบๆ กันเลยทีเดียวจาก DEFI BF และจอแสดงผล ZD ถูกจัดว่ากันไว้ได้อย่างสวยงามลงตัว เลื่อนมาทางด้านขวามือติดกับเสา A ติดตั้งเกจ์วัดบูสต์จาก AUTOMETER หน้าน้ำมัน สามารถวัดค่าได้ถึง 60 psi เมื่อจัดวางอุปกรณ์ต่างๆ ภายในได้อย่างลงตัวแล้ว ก็ไม่มองข้ามเรื่องของความปลอดภัย เพิ่มความแข็งแรงให้กับห้องโดยสารด้วยการติดตั้งตัวค้ำเสา C เป็นไทเทเนียมจากเม้งซัง
เครื่องซิ่งก็วิ่งถนนได้กับสเต็ป F55
ก็อย่างที่บอกกันไว้ตั้งแต่ตอนต้นนั่นแหละครับ ว่ารถคันนี้สามารถทำได้ทุกอย่าง ไม่ว่าจะใช้งาน ขับเล่นหรือแข่งในสนาม สเต็ปกลางๆ ใช้งานได้ทุกที่ ว่าแล้วก็เข้าไปเจาะกันทีละจุดเลยดีกว่าครับ ว่ามีการปรับแต่งอะไรเพิ่มเติมบ้าง มาดูกันที่ตัวเครื่องยนต์ก่อนเลย กับพื้นฐานเดิมของเครื่องยนต์ที่ติดรถมาเป็นรหัส 4JK1 ขนาดความจุ 2,500 c.c. แต่เมื่อต้องการปริมาตรความจุที่เพิ่มมากขึ้น เพื่อต้องการแรงม้าและแรงบิด มันก็ต้องมีการปรับเปลี่ยนชิ้นส่วนภายในกันซะหน่อย ไม่เพียงแต่ขยายความจุเท่านั้น ความคงทนแข็งแรงที่จะสามารถทดต่อแรงบูสต์ก็เป็นอีกหนึ่งอย่างที่สำคัญยิ่งนัก ลูกสูบและก้านสูบจึงเปลี่ยนมาเป็นของ MRX ทั้งชุด เมื่อเราเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ดีมีคุณภาพ เรื่องของความทนทานไม่ต้องพูดถึงครับ บูสต์กันได้สบายๆ หายห่วง ต่อกันด้วยเรื่องของข้อเหวี่ยงก็ได้ทำการเปลี่ยนมาเป็นข้อเหวี่ยงของเครื่องยนต์ 3000 ตัวนอก ก็จบกันไปในเรื่องของภายในตัวเครื่องยนต์ มาดูกันต่อในเรื่องของระบบอัดอากาศกันบ้าง สำหรับคันนี้หันมาคบหากับเทอร์โบ IHI F55V มีการปรับแต่งโมดิฟายกันแบบเต็มระบบตามสูตร ใช้บูสต์อยู่ที่ 60 psi ระบบกรองอากาศเป็นกรองเปลือยแบบดูดสด ส่วนทางด้านของท่อทางเดินอากาศนั้น ได้ทำการเดินใหม่ทั้งหมด เป็นอะลูมิเนียมแบบโชว์รอยเชื่อมจากนอตท่อไอเสีย จากนั้นระบายความร้อนของอากาศด้วยอินเตอร์คูลเลอร์หลอดเหลี่ยมใบใหญ่หนา 3 นิ้ว ถูกเลื่อนตำแหน่งให้สูงขึ้น เพื่อที่จะสามารถรับลมจากด้านหน้าได้อย่างเต็มที่ มาดูในเรื่องของระบบน้ำมันเชื้อเพลิงกันบ้าง เนื่องจากเครื่องยนต์ดีเซลเป็นเครื่องยนต์ที่ต้องใส่ใจในเรื่องของแรงดันน้ำมันเป็นพิเศษ รถจะวิ่งดี วิ่งเนียน สามารถเรียกบูสต์ได้ตามต้องการก็ขึ้นอยู่ที่แรงดันน้ำมันเชื้อเพลิงด้วย ทางด้านของปั๊มคอมมอนเรลของคันนี้ถูกโมดิฟายกันใหม่ทั้งลูกตามสูตรของทางร้าน BPT จ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงด้วยหัวฉีด BOSCH 901 ส่งผ่านน้ำมันเชื้อเพลิงด้วยปั๊มติ๊ก BOSCH 910X1 ควบคุมแรงดันน้ำมันเชื้อเพลิงด้วยเร็กกูเรต AEROMOTIVE เมื่อระบบเครื่องยนต์ปรับแต่งโมดิฟายออกมาได้สมบูรณ์แบบแล้ว มันก็ต้องพาแรงม้าลงสู่พื้นกันด้วยชุดคลัตช์จากทาง BK CLUTCH ส่งกำลังผ่านชุดเกียร์ไส้ OS กระจายกำลังลงสู่พื้นด้วยเฟืองท้ายแบบ LSD อัตราทด 3.3 ในส่วนของระบบ ECU ของคันนี้ก็ไม่น้อยหน้าเหมือนกัน มากันแบบครบๆ เริ่มต้นด้วยการ REMAP กล่องหลัก เพื่อเปิดรอบเครื่องยนต์และลดอาการดรอปหัวเกียร์ ตามด้วยการพ่วงกล่องดันรางและกล่องยกหัวฉีดจาก ALPHATECH ปรับจูนโดยแชมป์ ALPHATECH สเต็ปนี้ขับวิ่งก็สนุก ขับแข่งก็มีความสุขเหลือเกิน
- VOLK RACING TE37 ก้านตรง ขอบ 18”
- ยาง MICKEY THOMPSON 275/60R15
ช่วงล่างซิ่งวิ่งได้ทุกที่ BY แซมช่วงล่างซิ่ง
ตามลงมาดูเรื่องของระบบช่วงล่างกันบ้าง ว่ามันสำคัญไฉน ทำไมถึงต้องใส่ใจรายละเอียดกันมากเหลือเกิน สำหรับคันนี้ก็ได้ทำการปรับแต่งช่วงล่างกันในสเต็ปต้นๆ สำหรับรถที่ถูกปรับแต่งเครื่องยนต์ให้มีกำลังที่เพิ่มมากขึ้น แน่นอนที่สุดครับ แรงกระทำที่ออกมาจากเครื่องยนต์มันค่อนข้างที่จะรุนแรงกว่ารถเดิมๆ อย่างแน่นอน เมื่อทุกอย่างมันมีความแรงเพิ่มมากขึ้น ช่วงล่างจึงมีหน้าที่ทำให้แรงม้าลงสู่พื้นได้อย่างสมบูรณ์มากที่สุด จึงได้ทำการติดตั้ง A-ARM แบบแขนเดี่ยวเข้าไป เพื่อช่วยยึดเพลาให้มีความนิ่งได้มากที่สุด รถจะได้ไม่เสียอาการในขณะที่มีการถ่ายทอดกำลัง และในส่วนของระบบโช้คอัพก็ได้เปลี่ยนมาเป็นของ RACE TRACK และตำแหน่งของตัวโช้คอัพก็ได้ทำการปรับเปลี่ยนใหม่ให้มีองศาของโช้คตั้งขึ้นกว่าเดิม เพื่อการทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ล้อแม็กด้านหน้าจาก VOLK RACING TE37 ก้านตรง ส่วนล้อหลังเป็น VOLK RACING TE37 OFF 0 รัดด้วยยาง MICKEY THOMPSON
เป็นยังไงกันบ้างครับ สำหรับรถทั้งสองคันที่นำมาให้ได้ชมกัน กับพื้นฐานตัวรถที่แตกต่างกันในรูปแบบของตัวเตี้ยและตัวสูง มีการจัดทรงแปลงหน้าออกมาได้อย่างสวยงามลงตัว รวมไปถึงเรื่องของการปรับแต่งโมดิฟายเรื่องของความแรงก็มีให้ได้ดูกันถึงสองแบบสองสไตล์ ใครชอบแบบไหนก็ดูไว้เป็นแนวทางในการปรับแต่งกันได้เลยครับ ฉบับหน้าจะมีสเต็ปไหนมาให้ได้ดูได้ชมกัน ต้องคอยติดตามกันต่อไปครับ กับคอลัมน์ TRENDY TRUCK