เรื่อง : อินทรภูมิ์ แสงดี / ภาพ : ทวีวัฒน์ วิลารูป
NISMO R34 GT-R Z-Tune
The strongest road-going car in the world
ATP Present 2 in Thailand Only!!!
คำพาดหัวคอลัมน์ อาจจะดูชวนสงสัยหน่อย ว่ามันมีอะไรพิเศษ แต่ถ้าเป็นแฟน SKYLINE แล้ว ก็จะ “ถึง” ทันทีว่า เจ้า NISMO R34 GT-R Z-Tune นั้น เป็น R34 เวอร์ชั่นพิเศษ ที่ถูกหล่อหลอมมาให้เป็น “เส้นขอบฟ้า เหนือเส้นขอบฟ้า” ไปอีกหลายระดับ ด้วยการผ่านมือสำนัก NISMO ที่ปลุก R34 ธรรมดา ให้เป็น Super Car ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยสมรรถนะ ด้วยอุปกรณ์สุดพิเศษหลายอย่างมาก ที่ทั้งเห็นและไม่เห็น และไม่ได้ทำกันง่าย ๆ ตาม Speed Shop ทั่วไปอย่างแน่นอน ซึ่งโปรเจ็กต์นี้ ทาง NISMO ลงทุน R&D ไปมาก (ภายใต้การควบคุมของ Mr.Kozo Watanabe ที่เป็น Managing Director ของ NISMO JAPAN) ทั้งการพามันไปวิ่งทดสอบและจับเวลาในสนาม Nurburgring เยอรมนี ที่เป็นสนามแข่งรถอันเก่าแก่และท้าทายที่สุดในโลก ซึ่ง Super Car ทุกค่าย ต้องไปทดสอบที่นั่น และผ่านการทดสอบ Road Test อีกมากมาย เจตนาจะทำให้มันเป็นรถสปอร์ตที่สมบูรณ์แบบ แรง เร็ว ในเซอร์กิตและบนถนน ควบคุมง่าย แถมยังใช้งานในชีวิตประจำวัน ผนวกกับเดินทางไกลในลักษณะของ Sport Touring ที่นั่งและขับสบายอีกด้วย จะมีรถที่ “ครบเครื่อง” อย่างนี้สักกี่คันในโลก กับราคาประเดิมที่ 16,900,000 เยน แต่ถ้าคิดตามสมรรถนะแล้ว ราคานี้ถือว่าไม่แพงแน่นอน กับสิ่งที่ NISMO ให้มาทั้งหมด และเป็นรถที่คนทั่วโลกใฝ่ฝันจะครอบครองมัน หรืออย่างน้อย ได้สัมผัสมันบ้างก็ยังดี…
- Special ที่สุด กับ “สองเทพ” คันที่ 11 และ 18 จากชุดพาร์ทรอบคันผลิตจาก คาร์บอนไฟเบอร์ หรือ CFRP น้ำหนักเบา ตามคอนเซ็ปต์ Lightweight Highly Rigid Dry Carbon Part ไฟท้าย LED พร้อม Emblem ประกาศศักดา
Only Twin NISMO R34 GT-R Z-Tune in Thailand with ATP MOTORSPORT
ความใฝ่ฝันของ “พี สี่ภาค” อย่างหนึ่ง หลังจากที่ซึมซับกับแบรนด์ NISMO มาพอสมควร มีความฝังใจตั้งแต่ได้อ่านเรื่องราวของ R32 NISMO Gr.A ที่ทำเป็นรถถนน (Road going Car Version) ซึ่งหาดูได้ยาก เพราะรถแพงมาก มีแรงม้า 550 PS ล้อ Center lock แต่มีแอร์ ภายในครบ (แต่เป็นแบบลดน้ำหนัก) เรียกว่าถอดคราบรถ Gr.A มาเป็น Road going car จริง ๆ มาถึง R33 เวอร์ชั่น NISMO 400R ที่ปรับแต่งให้มีความเป็นโทนรถถนนที่ขับสบายมากขึ้น แต่ยังคงสมรรถนะที่สูงมาก และมาถึง NISMO R34 GT-R Z-Tune ที่มาเป็นเวอร์ชั่นสุดท้ายของ SKYLINE GT-R (ก่อนที่จะเหลือแต่ GT-R เฉย ๆ) ซึ่งก็คือสิ่งที่ท่านกำลังจะได้ “เสพย์” ณ ตอนนี้ เป็นรถเพียง “สองคัน” ในเมืองไทย จาก 20 คัน ทั่วโลก !!! เป็น Number 11 และ 18 และต้องยกเครดิตให้กับ ATP MOTORSPORT ที่ดูแลรถทั้งสองคันนี้ นำมาให้เราได้ถ่ายทำและยลโฉมกันเป็น ๆ ครับ…
- ฝากระโปรง ผลิตจาก CFRP สังเกตปล่องลมด้านขวามือของท่าน จะดักลมจากกระจังหน้ามาเข้าที่ปากกรองอากาศในห้องเครื่อง โดยไม่มีส่วนรั่วไหลใด ๆ ทั้งนี้ เพื่อนำอากาศเย็นจากภายนอกเข้าสู่กรองอากาศโดยตรง ไม่ให้อากาศร้อนเข้าไปจนส่งผลไม่ดีต่อเครื่องยนต์
Creating the Ultimate
“พัฒนาให้สู่ความเป็นเลิศ” จากความสำเร็จในการกลับมาของ GT-R ใน R32 ด้วย Technology อันทันสมัย เครื่อง RB26DETT ที่สมรรถนะสูง ผนวกกับระบบ ATTESA E-TS ที่ชาญฉลาด ทำให้มันออกลวดลายในเซอร์กิตได้อย่างเหนือชั้น จากความสำเร็จในการแข่งขันมานับครั้งไม่ถ้วน ไม่เฉพาะในญี่ปุ่น แต่ในยุโรป ออสเตรเลีย ก็ไปสร้างผลงานไว้มากมาย มาจนถึง R34 ที่ก้าวเข้าสู่การแข่งขันที่ดุเดือดขึ้น ไม่ว่าจะเป็น Gr.A, N1 หรือรุ่นใหญ่อย่าง GT500 รวมไปถึง Nur Spec หรือ Nurburgring Specification ที่ขายเป็นรถรุ่นพิเศษ ถึงเวลาแล้วกับ Know-how ที่สั่งสมมากว่า 15 ปี เพาะบ่มจนเป็น NISMO R34 GT-R Z-Tune ซึ่งออกมาเป็น Concept Car ในปี 2000 เปิดตัวที่งาน NISMO Festival โดยมีเจตนารมณ์ที่ว่า “The strongest road-going car in the world” หรือ “เป็นรถถนนที่มีสมรรถนะโดยรวมสูงที่สุดในโลก” ตอนนั้นยังเป็นเครื่อง RB26DETT รุ่น Z1 ที่พัฒนาออกมาแรก ๆ และก็มีการปรับให้ใช้งานทั่วไปได้ด้วย เช่น ติดแอร์ ใส่ Catalyst Converter ขจัดมลพิษ ในปี 2003 พัฒนาเครื่องยนต์อีกระดับ เป็น Z2 ใน R34 GT-R ทีม FALKEN ได้รับตำแหน่งอันดับ 5 ในรุ่น กับการแข่งขันรายการ Nurburgring 24-Hour Endurance Race 2004 ซึ่งเป็นเครื่องการันตีว่า “ผ่าน” การทดสอบอย่างหนักหน่วงมาแล้ว ก่อนจะมา “หย่อน” ใน NISMO R34 GT-R Z-Tune ที่กำลังจะออกจำหน่ายจริงในอนาคตข้างหน้า…
- กันชนหน้าและลิ้นล่าง เป็น CFRP ทั้งหมด ด้านข้างเป็นช่องลมสำหรับ Twin Oil Cooler ซึ่งช่องลมต่าง ๆ ถูกจัดทรงให้รีดลมเข้าไปเร็วและมากขึ้น ซึ่งทาง NISMO ก็ได้คิดถึงเรื่องเหล่านี้ด้วย ไม่ได้เอาสวยอย่างเดียว
20 Units only
จากการฉลองครบรอบ 20 ปี ของ NISMO เลยเป็นที่มาของการผลิต “20 คันในโลก” แล้วจะทำอย่างไรดี เพราะ R34 ก็หยุดสายพานการผลิตไปแล้วในตอนนั้น คำตอบก็คือ “จะต้องหา Used Car ที่สภาพสมบูรณ์ที่สุด” เพื่อมาผลิต NISMO R34 GT-R Z-Tune จำนวน 20 คัน ตามเป้าหมาย เกณฑ์การคัดเลือก จะต้องเป็นรถที่วิ่งมาไม่เกิน 30,000 กม. สภาพโดยรวมดี ประวัติดี ซึ่ง NISMO จะเป็นผู้คัดเลือกรถอย่างพิถีพิถัน แล้วจัดการนำมาทำใหม่หมดทั้งคัน เพิ่มความแข็งแรงให้กับตัวถัง ใส่อุปกรณ์โมดิฟายชั้นสูงเข้าไปใหม่หมด โดยทีมช่างและวิศวกรผู้เชี่ยวชาญจาก NISMO ประกอบเป็น Hand made เช่นเดียวกับรถแข่งของค่าย รับประกันได้เรื่องความละเอียดและแน่นอน ที่หาไม่ได้ในรถแบบ Mass Product ทั่วไป ตอบคำถามที่ว่า เหตุใดมันได้ชื่อว่า The strongest road-going car in the world หลายคนอาจจะค้าน ในโลกนี้ก็มีรถที่แรงกว่านี้มากมาย อวดอ้างสรรพคุณเกินจริงหรือเปล่า ใช่ครับ มันอาจจะไม่ได้แรงบ้าพลังอย่าง Super Car ระดับเทพ มันไม่ใช่รถที่แรงที่สุดในโลก แต่ NISMO R34 GT-R Z-Tune มันคือรถที่ “เร็ว” และ “เป็นมิตรกับผู้ขับ” สมรรถนะสูง แต่ก็ไม่ต้องเหนื่อยหรือลำบากกับการขับ แถมยังขับใช้งานได้โดยสะดวกอีกต่างหาก อย่างไรก็ตาม คนขับต้องมีทักษะในการขับรถที่ดีด้วยนะครับ ถึงจะเสพย์อรรถรสแห่งสมรรถนะของมันได้เต็มที่ ซึ่งรายละเอียดต่าง ๆ ขอชมใต้บรรยายภาพเลยครับ…
X-TRA Ordinary
คงไม่มีอะไรจะพูดถึง NISMO R34 GT-R Z-Tune กันอีก เพราะมัน “พิเศษที่สุด” กันไปแล้ว งั้นขอเสนอความมันส์ใน YouTube ที่เป็นการขับทดสอบโดย Mr.Tetsuya Tanaka นักขับรถแข่งมืออาชีพในสนาม Nurburgring รับประกันความเร็ว แรง ทั้งทางตรงและโค้ง และได้ชมทักษะการควบคุมรถด้วย เข้าไปที่ YouTube พิมพ์ Search ว่า Nismo Skyline R34 GTR Z-Tune on Nurburgring (ตามนี้เป๊ะเลยนะครับ) โปรดอย่าถามถึงเวลาใด ๆ ทั้งสิ้น ผมรู้แต่ว่ามัน “เร็ว” ครับ…
- สีตัวถังเป็น Special Silver ผลิตพิเศษ เรียกว่า KYO ซึ่งเป็นที่น่าแปลกใจ ดูเผิน ๆ จะเรียบเหมือน R34 ธรรมดา แต่น่าประหลาดใจถึง “พลัง” ที่แฝงอยู่ ตัวถัง Spot เพิ่ม ช่วง Door Frame ลดอาการบิดตัว
- ช่องดักลมที่จะเข้ากรองอากาศ มี Serial Plate Number ของ NISMO
- Front Blister Fender ขยาย 15 มม. จากปกติ พร้อมช่องระบายลมพิเศษ นำอากาศร้อนจากห้องเครื่องออกมาด้านนอกให้เร็วที่สุด เป็นเอกลักษณ์ของรุ่นนี้
- ล้อ NISMO LM GT4 GT500 Model ที่ RAYS ผลิตให้ ขนาด 9.5 x 18 นิ้ว ออฟเซ็ต +5 ระบบเบรก พัฒนาร่วมกับ Brembo เป็นรุ่น Monoblock 6 pot ในด้านหน้า พร้อมจานเบรก 2 ชิ้น ขนาด 365 มม. ด้านหลังเป็นจานแบบชิ้นเดียว ที่ KIRYU ผลิตให้ มีขนาด 355 มม. ยางติดรถจะเป็น BRIDGESTONE RE55S ขนาด 265/35R18 แต่คันนี้เปลี่ยนมาเป็น YOKOHAMA AD08 ขนาดเดิม
- NISMO ทำการบ้านมาเรื่องการระบายความร้อนมาอย่างดี Mounting ด้านหน้า จะมีแผ่นดักลม เป็น CFRP สามด้าน ด้านข้างสอง ด้านบนหนึ่ง เพื่อดักลมเข้าเป่าหม้อน้ำและอินเตอร์คูลเลอร์ได้อย่างเต็มเม็ด ไม่เล็ดลอด Lost ไปที่อื่น
- ภายใน สีดำ-แดง ที่ NISMO กำหนดเฉดไว้ พวงมาลัยยังมี Air Bag เหมือนเดิม ฟังก์ชันการใช้งานครบถ้วน ให้แรงแบบสุขสบาย จอมาตรวัดสีขาว ความเร็วสูงสุด 320 km/h ที่ไม่ยากจะไปถึง
- เบาะหนังแท้ สีแดงคือ Alcantara กันลื่น ปีกเบาะกระชับ รับ Lateral G Force (แรงกระทำจากด้านข้าง) เวลาเลี้ยวโค้งแรง
- จอ MFD (Multi-Function Display) NISMO เปลี่ยน Software ใหม่ เพิ่ม Data Logger และ Lap Timing Meter และฟังก์ชันการทำงานของเครื่องยนต์ที่หลากหลายกว่าของเดิม
- หัวเกียร์ NISMO เป็นยูรีเทนชนิดนิ่ม ปุ่มกดสีดำ เป็นจุด Start/Stop ของระบบ Lap Timing Meter
- แม้แผ่นปิดในฝากระโปรงท้าย ยังเป็น CFRP ให้รู้ว่า NISMO ตั้งใจทำ
- RB26DETT Z2 Spec มีกำลังถึง 500 PS แรงบิด 55 kg/m ที่ “แช่ยาวได้” เน้นการตอบสนองที่ต่อเนื่อง เร็ว แรงแบบสุขุม แม้จะใช้งานปกติก็ไม่มีปัญหากวนใจ อุปกรณ์โมดิฟาย เป็น NISMO ทั้งหมด แคมชาฟท์ถูกคำนวณแบบครอบคลุมทุกอย่าง เช่น ช่วงกำลังที่เหมาะสม การจุดระเบิดที่สมบูรณ์แบบ ซึ่งจะทำให้มีกำลังสูง และคุมค่ามลพิษได้ในที่กฎหมายกำหนดอีกด้วย ซึ่งไม่เหมือนแคมชาฟท์สำนักแต่งทั่วไป ที่เน้นความแรงอย่างเดียว ท่อนล่างพิเศษ เป็น GT500 Spec ทั้งตัว ซึ่งนำบล็อก N1 มาพัฒนาเรื่องความแข็งแรงเข้าไปอีก ลูกสูบฟอร์จพิเศษ ที่ทนบูสต์ 1.5 บาร์ ได้อย่างแน่นอน น้ำหนักเบา ปรับ Oil Cooling Channel ใหม่ ให้น้ำมันเครื่องระบายความร้อนลูกสูบได้ดีเยี่ยม ก้านสูบ ผลิตจากโลหะ SNCM439 น้ำหนักเบาและทนทาน ข้อเหวี่ยง สเป็ก GT ยืดช่วงชักเป็น 77.7 มม. เท่ากับมีความจุ 2,771 ซี.ซี. เทอร์โบ IHI ผลิตให้ เป็น Ball Bearing ที่ให้การตอบสนองตั้งแต่รอบกลางถึงสูงอย่างยอดเยี่ยม แค่นี้เพียงพอไหมครับ
- ค้ำโช้คสุดพิเศษ เป็น Titanium สำหรับ Z-TUNE เท่านั้น และพิเศษยิ่งกว่านั้น คือ ซุ้มโช้คอัพ ห่อหุ้มด้วย CFRP เน้นความแข็งแกร่งในส่วนที่ต้องรับแรงมาก ๆ แต่ก็ให้ยืดหยุ่นได้ระดับหนึ่งด้วย รถจะไม่แข็งกระด้างเกินไปจนไม่เกาะถนน ท่อ Silicone เป็น NISMO พร้อมเข็มขัดรัดท่อชั้นเยี่ยม MURRAY USA ต้องดูตัวจริงแล้วจะรู้ว่าเยี่ยมอย่างไร
- โลโก้ Z-TUNE ที่เป็น Laser Cutting
- Z2 Concept Engine Spec 2 ที่พัฒนามาจาก Z1 จนถึงขีดสุด
- Body Serial Number ของคันที่ 11 และ 18 พร้อมปีที่ผลิต คือ 2006 และ 2007 ตามลำดับ
- Engine Serial Number น่าอัศจรรย์ว่า คันที่ 11 แต่เครื่องจะเป็นเบอร์ 12 คันที่ 18 เครื่องจะเป็นเบอร์ 19 เท่าที่คาดเดาว่า สาเหตุที่มี Late มา เนื่องจากเครื่องตัวที่ 1 เป็นเครื่อง Demo ไว้ทดสอบบน Engine Dyno ก่อนจะผลิตจริงอีก 20 เครื่อง ตามออกมา ส่วนชื่อของ Omori Factory นั้น ก็เป็นชื่อโรงงานของ NISMO อยู่ที่ Shinagawa ประเทศญี่ปุ่น ที่มีทุกอย่างในนั้น ตั้งแต่ผลิตรถแข่ง รถพิเศษ รวมถึงการเซอร์วิสรถลูกค้า (ขั้นเทพ) อีกด้วย
- ด้านล่าง มันคือรถ A ชัด ๆ ด้วยอุปกรณ์ชั้นเลิศที่ NISMO บรรจงจัดให้อย่างเต็มพิกัด แผ่นปิดด้านหน้า เหมือนรถ GT500 ทำจาก CFRP เช่นกัน
- ชุดค้ำ NISMO และเห็นแผ่น CFRP ที่ห่อหุ้มช่วงคอจิ้งหรีด ลดการบิดตัวได้อย่างมาก คงไม่ต้องบอกว่าราคาขนาดไหน ส่วนพวกหัวสาย หรือสายน้ำมันต่าง ๆ เป็นของ Racing Grade โดยเฉพาะ
- ใต้ท้องเปี่ยมไปด้วยความอลังการ แผ่น CFRP ดามใต้ท้องเอาไว้ ตั้งแต่ใต้พื้นคนนั่ง จนไปถึงซุ้มเพลา ซึ่งเป็นผลดี เพราะ CFRP น้ำหนักเบา แต่ได้ความแข็งแรงเพิ่มขึ้น คงไม่เข้าท่าแน่ ถ้าจะเสริมด้วยเหล็กแผ่นอีกชั้นให้น้ำหนักมันเพิ่มเล่น เพลากลางก็เป็น CFRP เช่นกัน ท่อไอเสียเป็น Titanium ตั้งแต่หลัง Front Pipe ลงมา พร้อม Catalyst พิเศษ กรองมลพิษ แต่ไม่กรองแรงม้า
- หม้อพักท้าย NISMO Titanium เช่นกัน มีชุด Oil Cooler น้ำมันเกียร์และเฟืองท้ายด้วย สุดยอดของจริง “นี่มันรถแข่งในคราบรถบ้านเลยนะ”
- ชุดปีกนก NISMO รอบคัน โช้คอัพ NISMO ที่ร่วมมือพัฒนากับ SACHS เยอรมนี เป็นแบบ 3 Way Adjustment ที่พัฒนามาจาก GT500 ให้เลือกปรับเป็น Wide Range สำหรับการขับที่หลากหลายแบบ สปริงมีค่า 14 k บู๊ชยางต่าง ๆ ผลิตจากยูรีเทนคุณภาพสูง นิ่ม เหนียว ไม่ใช่ยูรีเทนแข็งที่จะทำให้ขับแล้วกระด้างมาก
- “เจ้าสำนัก ATP” กับ NISMO R34 GT-R Z-Tune ทั้งสองคัน