NISSAN GT-R NISMO MY2020 ร่วมฉลองครบรอบ 50 ปี ตำนาน GT-R!!!

 

เรื่อง: พิทักษ์ บุญท้วม

เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE

GT-R NISMO เป็นหนึ่งรถในฝันตลอดกาลของขาซิ่งทั่วโลก ได้เปิดตัวรถโมเดลปี 2020 ออกมาพร้อมๆ กับ GT-R เวอร์ชัน “50thAnniversary Edition” เมื่องาน 2019 New York International Auto Show ที่ผ่านมา GT-R NISMO ภายใต้รหัส ‘R35’ ยังคงความพิเศษในทุกรายละเอียด โดยเฉพาะการใช้ know-how ตรงจากตัวแข่ง GT-R GT3 มาพัฒนาให้ GT-R NISMO มีสมรรถนะที่สูงขึ้น ขับสนุกขึ้น ครบสูตร โหด เร็ว และโคตรแรง แบบไม่เกรงใจซูเปอร์คาร์จากฝั่งยุโรป!!!

NISMO เป็นสำนักแต่งคู่บุญของ NISSAN สร้างสรรค์รถในสังกัดให้มีความพิเศษเหนือกว่ารถยนต์รุ่นพื้นฐาน ความแตกต่างที่เกิดขึ้น นับตั้งแต่ตัวถังภายนอก เครื่องยนต์ ละเอียดอ่อนไปจนถึงฟีลลิ่ง และแฮนด์ลิ่งของช่วงล่าง รถ NISMO ทุกรุ่นจึงเป็นตัวแรงจากโรงงาน ที่ให้ความสะดวกในการใช้งาน และการเข้ารับบริการในศูนย์ไม่แตกต่างจากรถยนต์ NISSAN ทั่วไป

สำหรับ GT-R ณ ปัจจุบัน ต้องยกให้เป็นรถสมรรถนะสูงหมายเลข 1 ที่ไม่ใช่แค่เพียงจากค่าย NISSAN แต่ยังคงเป็นหมายเลข 1 จากญี่ปุ่น ที่ซูเปอร์คาร์จากฝั่งยุโรปไม่อยากข้องเกี่ยวด้วย  ความพิเศษของ GT-R เริ่มที่ระบบแอโรไดนามิกบนตัวถัง ซึ่งวิศวกร NISSAN ให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก โดยตั้งเป้าไว้ว่า ที่ความเร็ว 300 กม./ชม. ผู้โดยสาร GT-R ยังพูดคุยกันได้ตามปกติ ไม่มีเสียงลมปะทะตัวถังมาสร้างความรำคาญเช่นซูเปอร์คาร์ทั่วไป

เส้นสายบนรูปทรงอันคมกริบของ GT-R ได้รับการขัดเกลาจนตัวเลขสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศ (Drag Coefficient; Cd.) เหลือต่ำเพียง 0.27 ใน GT-R ปี 2008 และลดลงเหลือ 0.26 ใน GT-R ปี 2014-ปัจจุบัน สำหรับ GT-R NISMO แม้บอดี้จะมาพร้อมแอโรพาร์ท ที่เน้นสร้างแรงลมกดบนตัวถังในความเร็วสูง แต่ก็ยังมีตัวเลข Cd. ต่ำ ในระดับ 0.26 ไม่เปลี่ยนแปลง

ตัวถังของ GT-R NISMO ผสมผสานวัสดุหลายประเภทเข้าไว้ด้วยกัน เช่นเดียวกับซูเปอร์คาร์ระดับพรีเมียม โครงสร้างหลักเป็นเหล็กกล้า ใช้อะลูมิเนียมหล่อขึ้นรูปกับโครงประตู โครงหลังคา ซุ้มอุโมงค์ล้อ โครงด้านหลังห้องโดยสาร ซับเฟรมที่ใช้เป็นจุดยึดระบบกันสะเทือนในด้านหลัง และซับเฟรมสำหรับอุ้มเครื่องยนต์ทั้งลูก

ส่วนที่ใช้ ‘คาร์บอนไฟเบอร์’ ได้แก่ โครงสร้างท่อนหน้าของรถ ที่ใช้เป็นจุดยึดแผงหม้อน้ำ แผ่นซีลปิดใต้ท้องรถตั้งแต่ช่วงกลางไล่ไปจนถึงชุดครีบ Diffuser ที่ตอนหลัง ส่วนแผ่นปิดใต้ท้องตอนหน้าใช้พลาสติกประเภทโพลีเอทิลีน ที่มีความเหนียว ทนทานต่อการกระแทก (ก้อนหิน) ขณะแผ่นปิดด้านล่างของเครื่องยนต์ใช้ไฟเบอร์กลาส

สำหรับ GT-R NISMO ปี 2020 มุ่งลดน้ำหนักตามสูตรพื้นฐานของตัวแข่ง GT-R GT3 ด้วยการเปลี่ยนมาใช้ชิ้นส่วน ‘คาร์บอนไฟเบอร์’ เพิ่มขึ้น อาทิ กันชนหน้าและกันชนหลัง ฝากระโปรงหน้าและหลัง แผ่นหลังคา ครีบระบายอากาศเหนือซุ้มล้อหน้า สเกิร์ตข้าง และสปอยเลอร์หลัง เฉพาะส่วนนี้หั่นน้ำหนักทิ้งไปได้ 10.5 กิโลกรัม ขณะที่ล้อ เน้นความเบาด้วย forced aluminum ขนาด 20 นิ้ว จาก RAYS ปิดท้ายด้วยออปชันเบรก BREMBO Carbon Ceramic ใช้จานเบรกเซรามิกที่เบากว่าจานเบรกเหล็กหล่อ จานหน้าใหญ่โตระดับ 410 มิลลิเมตร จานหลังขนาด 390 มิลลิเมตร เบ็ดเสร็จ GT-R NISMO ปี 2020 เบาขึ้นกว่า 20 กิโลกรัม

GT-R ใช้เครื่องยนต์รหัส VR38DETT ความจุ 3.8 ลิตร อัปพลังด้วยทวินเทอร์โบ หากเป็นเวอร์ชัน “50th Anniversary Edition” ซึ่งเป็นรถโมเดลปี 2020 จะเบ่งกล้ามออกมาได้ 565 hp เป็นรถญี่ปุ่นจากโรงงานที่ทรงพลังที่สุด (ใช้ต้นกำลัง ICE) ส่วนสำคัญที่ช่วยให้การขับขี่ GT-R ง่ายขึ้น  คือ แรงบิดในรอบต่ำ VR38DETT สร้างแรงบิดสูงสุดมาใช้งาน 633 Nm ที่ 3,300-5,800 รอบ/นาที

จากปัจจัยเรื่องการควบคุมน้ำหนัก ทำให้วิศวกรต้องสรรหากรรมวิธีที่ช่วยให้เครื่องยนต์มีขนาดกะทัดรัด มาลงเอยที่ ‘ปลอกสูบ’ (Liners) ซึ่งเปลี่ยนมาใช้การโค้ตผิวแบบใหม่ (สัมผัสกับลูกสูบ) ที่เรียกว่า Plasma Coating ทำให้ความหนาของตัวปลอกลดเหลือ 0.15 มิลลิเมตร จากเดิมที่เคยมีความหนาถึง 2.6 มิลลิเมตร นั่นทำให้กระบอกสูบแต่ละแถวสามารถเบียดชิดกันได้มากยิ่งขึ้น ความยาวรวมของเครื่องยนต์จึงลดลง ลดน้ำหนักลงไป 3 กิโลกรัม ตัวเสื้อสูบยังเป็นอะลูมินัมอัลลอยเช่นเดิม

สำหรับขุมพลัง VR38DETT ใน GT-R NISMO อัปเกรดไปใช้เทอร์โบที่โข่งไอดีมีเส้นผ่าศูนย์กลางใหญ่ขึ้น ผลลัพธ์ คือ การลำเลียงอากาศอัดเข้าห้องเผาไหม้ได้มากยิ่งขึ้น แรงม้าขยับไปแตะระดับ 600 hp แรงบิดสูงสุดเพิ่มเป็น 652 Nm ที่ 3,600-5,600 รอบ/นาที

ตัวเลขสมรรถนะจากโรงงานของ GT-R NISMO โมเดลปี 2020 ยังไม่เปิดเผยอย่างเป็นทางการ แต่จากความแรงระดับ 600 hp และสมรรถนะของ GT-R R35 โมเดลปีก่อนหน้านี้ การทำอัตราเร่งผ่าน 100 กม./ชม. ด้วยเวลาต่ำกว่า 3 วินาที ไม่ใช่เรื่องที่เกินความคาดหมาย แถมความเร็วปลายก็พร้อมทะลุหลัก 300 กม./ชม. ได้แบบไม่ต้องลุ้น ทั้งหมดจึงส่งผลให้ GT-R NISMO ยังคงเป็น Hi-performance Car ที่ดีที่สุดจากเกาะญี่ปุ่น…ไม่เปลี่ยนแปลง