เรื่อง : อินทรภูมิ์ แสงดี
ในอดีต เหล่า Super Car หรือ Exotic Car จากยุโรป โดยเฉพาะฝั่ง “อิตาลี” ก็จะนิยมเครื่องยนต์ “วางกลางลำ” หรือ Mid-Ship Engine + Rear Wheel Drive หรือ “MR” กันจนเป็น “เอกลักษณ์” เนื่องจากต้องการ “ความสมดุลย์สูงสุด” ให้น้ำหนักเครื่องไปกดอยู่ตรงกลางรถ สำหรับรถ “ค่ายญี่ปุ่น” ที่เป็น MR เรารู้จักกันดี ก็คือ HONDA NSX และ TOYOTA MR2 แต่ !!! ก่อนหน้านั้น มีรถสปอร์ตจาก NISSAN ที่ทำรถแบบ MR ออกมาด้วย !!! ก็คือ “NISSAN MID 4” หรือ Mid- Engine 4 Wheels Drive ตัดสายสะดือตั้งแต่ปี 1985 นู่น แถมเหนือชั้นด้วยระบบ “ขับสี่” โดยตั้งมั่นว่าจะโชว์เทคโนโลยีไฮเทคในยุคนั้น แต่ว่า “รถดี” อาจจะ “ไม่โดน” ก็เป็นได้ เพราะอะไรล่ะ ???
- หน้าตานี่ 200 SX RPS13 ชัดๆ แต่ทรวดทรงโดยรวม LOTUS ESPRIT สปอร์ตจากอังกฤษแน่นอน
การผสานเทคโนโลยี และ จินตนาการ
NISSAN MID 4 ต้องการ “โชว์เหนือ” ด้วยรูปทรงที่ได้แรงบันดาลใจจาก Gundam และการ “ผสาน” ระหว่าง FERRARI บวกกับ LOTUS ESPRIT ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ NISSAN ได้ระดมสมอง เพื่อที่จะผลิตรถในรูปแบบ “พิเศษๆ” ขึ้นมาสักคัน หวังว่าจะดึงตลาดจากยุโรปได้บ้าง หรือขอเพียง “เรียกกระแส” ว่า “กูทำเป็นนะรถแบบนี้” ก็คิดกันไปได้ต่างๆ นาๆ แต่ที่แน่ๆ “ออกมาเป็นตัวตนได้ก็แล้วกัน” เริ่มออกโชว์ครั้งแรกในงาน Frankfurt Motor Show ปี 1985 โดยเป็นรถสีขาว Pearl White พวงมาลัยซ้าย ซึ่งเป็น “คันแรก” ที่ออกจากสายการผลิต แต่ดูไม่ค่อยจะเตะตาสักเท่าไรนัก ตอนหลังก็เลยต้องผลิตมาอีกคัน “สีแดงแรงฤทธิ์” สไตล์ “อิตาเลียน” ออกมาเรียกสายตาในงานโชว์ต่างๆ โดยเป็นรถพวงมาลัยขวา โชว์ใน TOKYO MOTOR SHOW ปี 1985…
- ยอมรับว่า Type I ดูลงตัวและมีเอกลักษณ์ที่ “ล้ำยุค” สุดๆ แต่ก็ยังมีความ Classic แฝงอยู่
ATTESSA + HICAS ไม่ได้เริ่มที่ R32 นะ
สำหรับ “สารตั้งต้น” ของ MID 4 ก็จะเป็นสิ่งที่ “รุ่นน้อง” ได้เอาไปใช้ แต่จริงๆ มันเริ่มตั้งแต่ตัวนี้ เริ่มกันจาก “ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ” ที่แบ่งกำลังด้วยระบบ “ATTESSA” เฉลี่ยกำลังขับเคลื่อนตามความเป็นจริง ซึ่งระบบนี้ มาจาก “สายเยอรมัน” ที่ชัดเจนก็คือ PORSCHE 959 ตัว “ตำนาน” ที่ขึ้นชื่อในด้านการยึดเกาะอย่างร้ายกาจ แต่ยังใช้ “กลไก” ในการควบคุมอยู่ จริงๆ ในยุคนั้นอาจจะยังไม่ได้เรียกว่า ATTESSA นะครับ คือ มันเป็นระบบที่ “ยุโรป” ได้ออกแบบมาให้ พัฒนาโดย Steyr-Daimler-Puch จาก “ออสเตรีย” (ไม่ใช่ “ออสเตรเลีย” นะครับ) ซึ่งเป็นแนวคิดต่อยอดมาถึงระบบ ATTESSA ที่เราคุ้นเคย นับว่า NISSAN ก็ยังลงทุนไปใช้ระบบนี้ ซึ่งก็ต่อยอดมาถึงรถรุ่นหลังอย่าง SKYLINE GT-R R32 ที่โด่งดังเป็นพิเศษ แล้วก็มีอีก เช่น CEFIRO SE-4 A31 และ BLUEBIRD SSS U13 ส่วนระบบเลี้ยวก็นี่เลย “HICAS” ไหนๆ จะขับสี่แล้ว ก็เลี้ยวแม่มสี่ล้อด้วยเลยจะเป็นไรไป สำหรับระบบช่วงล่าง เป็นแบบอิสระ 4 ล้อ ด้านหน้าเป็น “ปีกนกคู่” ด้านหลังเป็น “สตรัท” สไตล์รถแข่ง ทำให้ MID 4 มีการยึดเกาะถนนที่ยอดเยี่ยม พัฒนาในด้าน Handling ในรูปแบบของสปอร์ตพันธุ์แท้ แถมด้วยระบบเบรก ABS มาด้วยนะจ๊ะ เรียกว่า “ครบเครื่อง” กันสุดๆ…
- ภาพ Drawing Lay Out การวางระบบเครื่องยนต์ และระบบขับเคลื่อนที่ตามอย่าง Super Car จากยุโรป
ในด้านขุมพลัง คันนี้ก็อาศัย “ของที่มีอยู่แล้ว” คือ เครื่องยนต์บล็อก VG30DE แบบ V6 3.0 ลิตร DOHC 24 Valves แบบ “ไร้หอย” โดยพื้นฐาน เป็นเครื่องที่ประจำการอยู่ ณ FAIRLADY 300 ZX รหัสตัวถัง Z31 “ตาปรือ” ตัวนั้นเป็นเครื่องแบบ SOHC ที่ใช้ “แคมเดี่ยวในแต่ละฝา” เครื่องมี 2 ฝา ก็ดูเหมือนจะเป็น “แคมคู่” แต่จริงๆ ไม่ใช่ครับ แต่ตัวนี้เป็น “แคมคู่ในแต่ละฝา” เท่ากับมี “4 แคม” เรียกกันว่า “Quad Cam” แล้วก็จับมาวางกลางในแนว “ขวาง” ก่อนจะส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 5 สปีด มีแรงม้าสูงสุด “230 hp” (บางแหล่งบอก 245 hp) ซึ่งเครื่องแบบ SOHC อยู่ใน 300 ZX Z31 จะอยู่ประมาณ 200 hp เท่านั้น ซึ่งเครื่องตัวใหม่จะถูกนำไปใส่ใน “300 ZR” เป็นรุ่นที่พัฒนาต่อจาก 300 ZX ในปี 1986 ครับ…
- Racing look ก็โหดดีนะ
ในด้านสมรรถนะของ MID 4 สามารถทำความเร็วได้ถึง “245 km/h” บนน้ำหนักตัว “ตันสองเศษ” และมีค่าการกระจายน้ำหนัก หน้า/หลัง อยู่ที่ 33/67 เปอร์เซ็นต์ นับว่า MID 4 Type I เป็นที่ “ฮือฮา” ในยุคนั้น ที่ NISSAN ประเดประดังเทคโนโลยีจากยุโรป มาใส่ในรถญี่ปุ่นเพื่อสร้างชื่อ และโชว์นวัตกรรมใหม่ๆ…
- ภายในของ MID 4 Type I ก็ยังดูเรียบง่าย ออกจะดิบๆ หน่อย สไตล์สปอร์ตยุคก่อน
- นี่แหละครับ ภาพแห่งประวัติศาสตร์ ณ มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 8 ที่ NISSAN MID 4 Type I มาปรากฏโฉมให้มวลชนคนไทยได้ชื่นชม
ณ มอเตอร์โชว์ สวนอัมพร
ย้อนอดีตเมื่อ “เรายังเด็ก” ใครบ้ารถ ในหนึ่งปี เรามีนัดใจจดใจจ่อกันแห่ไป “มอเตอร์โชว์” ที่ GRAND PRIX จัดขึ้นที่ “สวนอัมพร” บรรยากาศคลาสสิก ตื่นตาตื่นใจกับรถโชว์ ทั้งรถใหม่ในงาน กับ “รถซิ่ง” ที่จอดรอบสระน้ำ แต่ในครั้งที่ “8” จัดขึ้นในวันที่ 27 เมษายน ถึง 3 พฤษภาคม ปี 1987 นั้น หากเราจำกันได้ ณ “เวทีลีลาศ” ที่เป็น Ball Room เก่าแก่ในตำนาน เจ้า NISSAN MID 4 Type I สีแดง พวงมาลัยขวา จอดโชว์อยู่บน Stage เด่นเป็นสง่า (ณ ตอนนั้น โชว์ NISSAN SENTRA ทั้ง Sedan และ Coupe RZ-1) ตัวผมเอง “พี สี่ภาค” ก็จำได้ว่าไปยืนชะเง้อมองอยู่ ว่ามันรถอะไรวะ แปลกดี ซึ่งผู้ที่ “จำเหตุการณ์ยุคนั้นได้” บอกว่า MID 4 เหมือนจะเปิดราคามา “ลองใจตลาด” ดูก่อน อยู่ที่ “3.25 ล้าน” !!! ในยุคนั้นถือว่าแพงมากๆ สำหรับสปอร์ตญี่ปุ่น เอาว่าขนาด TOYOTA SOARER เครื่อง 7M-GTE ที่โคตรไฮเทคสุดๆ หรือ NISSAN 300 ZX Z32 เครื่อง VG30DETT Twin Turbo ที่ สยามกลการ นำเข้ามาเอง จำได้ว่าพวกนี้หลัก “สองล้านกว่า” เท่านั้น เลยกลายเป็น “ตัวเรียกกระแส” ให้กับ NISSAN หลังจาก มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 8 ปิดม่านลง รถคันนี้ถูกนำมาโชว์ที่ สยามกลการ ปทุมวัน (ตรงข้ามสนามกีฬาแห่งชาติ) อยู่ได้ไม่กี่เดือน ได้ข่าวว่ามี “คนสนใจ” ซื้อไปในราคาที่ไม่ถึง 3.25 ล้านบาท แล้วก็เหมือนจะถูกประกาศขายต่อในนิตยสารขายรถยนต์ฉบับหนึ่ง อยู่กันยาวววว… ตอนหลังไม่ทราบว่าใครซื้อไป คิดว่าคงยังอยู่ในไทยนะครับ ถ้าใครทราบว่า MID 4 ยังอยู่หรือไม่ ถ้าอยู่แล้วอยู่ไหน จะขอเห็นอีกครั้งเป็น “วิทยาทาน” หน่อยนะครับ…
MID 4 Type II หรือจะเป็นตัวอย่างของ NSX
ยังไม่พอใจ NISSAN ยังจะพัฒนา Concept Car ในรุ่น MID 4 Type II ออกมาอีกจนได้ ผู้ที่สร้าง Project ก็คือ “Mr. Takoya Noguchi” ที่ตั้งใจจะให้รถรุ่นนี้มีสมรรถนะเทียบชั้น Super Car ได้จริงๆ เปิดตัว ณ Tokyo Motor Show เดือนตุลาคม ปี 1987 โดยการเปลี่ยนรูปลักษณ์กันใหม่ ดูเผินๆ จะนึกว่า NSX เพราะ “หน้าให้” ผมก็ไม่รู้หรอกนะว่าใครจะเลียนแบบใคร แต่ด้วย “บริษัทดีไซน์” อาจจะนำไปปรับใช้กับรถหลายๆ รุ่นก็เป็นได้ ตามข้อมูลบอกว่า MID 4 Type II ได้รับอิทธิพลมาจาก PORSCHE 959 ส่วน Wide Fender หรือ “โป่งหลัง” จะค่อนข้างชัดเจนว่าเป็นสไตล์ FERRARI TESTAROSSA ซึ่งตรงนี้ NISSAN นำมา “ปรุง” เองให้เหมาะสม ใส่ความเป็น NISSAN เข้าไป ทำให้ภาพรวมดูสวยสดงดงาม หลุดไปจากยุค 80 อย่างสิ้นเชิง นับว่าเป็น Future Style ล้ำยุคที่ปัจจุบันก็ยังร่วมสมัยอยู่…
- นี่ไง MID 4 Type II
Twin Turbo 330 hp !!!
สำหรับ “สมรรถนะ” MID 4 Type II ก็มีการปรับปรุงขนานใหญ่ ประการแรก เครื่องยนต์เปลี่ยนเป็น VG30DETT V6 DOHC เบ่งพลังด้วย “สองหอย” แบบใน 300 ZX Z32 แต่งวดนี้จับเครื่อง “วางตรง” เหมือนกับ Super Car พันธุ์แท้ ทำให้ยิ่ง Balance เข้าไปใหญ่ สำหรับ “พลัง” ก็ปาเข้าไปถึง “330 Hp” แรงแน่นอน ทำความเร็วสูงสุดได้ถึง “295 km/h” พร้อมอัตราเร่ง 0-100 km/h ส่งงานไว้ที่ “4.9 วินาที” ไม่เลวนะครับ…
- มี “ส่วนผสม” หลายอย่าง กันชนหน้าและไฟเลี้ยว แบบ PORSCHE 959 มาใส่ Slant Nose (จมูกแบน) ไฟ Pop Up ที่ NSX ก็ใช้สไตล์นี้ กระจกมองข้าง Aero ซะด้วย
แต่…เมื่อยิ่งออกแบบ ต้นทุนการผลิตก็จะยิ่งสูงเป็นเงา NISSAN จึงคิดว่ามันน่าจะเป็น “รถพิเศษ” ที่โชว์เทคโนโลยีสุดล้ำ มากกว่าที่จะมาทำตลาดการขายอย่างเป็นจริงเป็นจัง เพราะราคาขนาดนี้ ผู้ซื้อในยุคนั้นก็ยังไม่ “อิน” กับรถญี่ปุ่นราคาแพงมากๆ ซึ่งเขาคิดว่า ก็ไปซื้อ Super Car ค่ายฝรั่งมาขับดีกว่า ดูโก้หรู “โชว์ออฟ” กว่ากันเยอะ (แต่ตอนนี้ก็ “ราคามา” ตามความต้องการของ Car Collector) และไปเน้นลูกค้าตลาดรถสปอร์ต GT รุ่น Top Of The Line ที่ “คนนิยม” อย่าง SKYLINE หรือ FAIRLADY จะเวิร์คกว่า ดังนั้น MID 4 จึงถูกเก็บไว้ใน “ความทรงจำ” มากว่า 20 ปี ว่าสมัยหนึ่ง มันก็เคยเข้ามาโชว์ในเมืองไทย ให้เราได้ฮือฮาตื่นเต้น แม้ว่าตอนนั้นจะเด็กเกินที่จะรู้เรื่องเทคโนโลยีอะไรก็ตาม อย่างน้อย มันก็เป็น “ความทรงจำ” ที่เราได้กลับมานึกถึง ณ ตรงนี้ อีกครั้ง…
- ภาพรวมมีกลิ่นไอยุค 90 เรียกว่าดีไซน์นี้ถูกนำไปใช้ต่อยอดรถในค่ายหลายๆ รุ่น
NISSAN MID 4 Type II Tech Spec
ตัวถัง : ชิ้นส่วน Fiber Glass วางบน Unit Frame
มิติตัวรถ : กว้าง 1,780 มม./ยาว 4,160 มม./สูง 1,200 มม.
ความกว้างฐานล้อหน้าและหลัง : 1,470 มม. และ 1,540 มม.
น้ำหนักรถ : 1,400 กก.
เครื่องยนต์ : VG30DETT ความจุ 2,960 CC. กระบอกสูบ 87 มม. ช่วงชัก 83 มม. กำลังอัด 10.1 : 1
ระบบอัดอากาศ : Twin Turbo & Twin Intercooler
แรงม้าสูงสุด : 330 hp @ 6,800 rpm
แรงบิดสูงสุด : 39 kg-m. @ 3,200 rpm
ขนาดยาง : 225/50 VR15
#Posttothepast #xoautosport #Quartermilelegend #Dragthailand
เวบไซต์สาระรถซิ่ง : xo-autosport.com
Cr. Photo : THAILAND AUTOMOTIVE PHOTO HUB
By GPI Photo Bank : 02-522-1731-8
คลังภาพถ่ายวงการรถยนต์ของเมืองไทย ตั้งแต่ปี 2512 ถึงปัจจุบัน
สนใจ/ต้องการใช้บริการภาพถ่าย กรุณาติดต่อ-สอบถาม
ข้อมูลอ้างอิง : https://zhome.com/History/MID-4.htm
บรรยายภาพ
- นี่แหละครับ ภาพแห่งประวัติศาสตร์ ณ มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 8 ที่ NISSAN MID 4 Type I มาปรากฏโฉมให้มวลชนคนไทยได้ชื่นชม
- หน้าตานี่ 200 SX RPS13 ชัดๆ แต่ทรวดทรงโดยรวม LOTUS ESPRIT สปอร์ตจากอังกฤษแน่นอน
- ยอมรับว่า Type I ดูลงตัวและมีเอกลักษณ์ที่ “ล้ำยุค” สุดๆ แต่ก็ยังมีความ Classic แฝงอยู่
- ภาพ Drawing Lay Out การวางระบบเครื่องยนต์ และระบบขับเคลื่อนที่ตามอย่าง Super Car จากยุโรป
- Racing look ก็โหดดีนะ
- ภายในของ MID 4 Type I ก็ยังดูเรียบง่าย ออกจะดิบๆ หน่อย สไตล์สปอร์ตยุคก่อน
- ไม่มีบรรยาย
- ไม่มีบรรยาย
- ไม่มีบรรยาย
- นี่ไง MID 4 Type II
- มี “ส่วนผสม” หลายอย่าง กันชนหน้าและไฟเลี้ยว แบบ PORSCHE 959 มาใส่ Slant Nose (จมูกแบน) ไฟ Pop Up ที่ NSX ก็ใช้สไตล์นี้ กระจกมองข้าง Aero ซะด้วย
- ภาพรวมมีกลิ่นไอยุค 90 เรียกว่าดีไซน์นี้ถูกนำไปใช้ต่อยอดรถในค่ายหลายๆ รุ่น
- ไม่มีบรรยาย
- ไม่มีบรรยาย
- Drive Train Lay Out ที่ NISSAN ร่วมพัฒนากับบริษัททางยุโรป และระบบ ATTESSA กับ HICAS ก็นำมาต่อยอดกับรถ “ขับสี่” ยุค 90 หลายรุ่นที่เรารู้จักกันดี
- ชุดมาตรวัดก็ดีไซน์เดียวกับ 300 ZX Z32 เรือนไมล์ตัวเลข 180 นี่เป็นหน่วย “ไมล์/ชม.” นะครับ เท่ากับ “288 km/h” !!! ส่วนพวงมาลัยก็ R32 เลยครับ
- VG30DETT กางแน่นเต็มห้องเครื่อง ท่อร่วมไอดีโหดดีจริงๆ ซึ่ง Z32 ก็ทรงประมาณนี้ แต่แบบไม่โหดเท่า