เรื่อง : อินทรภูมิ์ แสงดี / ภาพ : ธัญญนนท์ แสงภู่
NISSAN GT-R R35 ถูกยกระดับให้เป็นรถสปอร์ตระดับ Super Car ของค่าย ที่ทั่วโลกรู้ซึ้ง “ฝีตีน” มันดี รวมไปถึงสมรรถนะที่เยี่ยมยอดในทุกด้าน ในลักษณะของ Multi Performance Super Car มากไปหรือเปล่า ที่ NISSAN กล่าวไว้เช่นนั้น แต่ด้วยคุณสมบัติของ GT-R R35 ที่ “ครบเครื่อง” ด้วยคอนเซ็ปต์ Anyone, Anywhere, at Any other time. “ใครก็ได้” ที่พอมีทักษะบ้าง ก็สามารถขับ GT-R นี้ ให้เร็วได้โดยง่ายดาย หรือแม้แต่ว่าจะเพียงขับรถเป็น ก็สามารถขับ GT-R แบบใช้งานปกติได้ด้วย “ที่ไหนก็ได้” ไม่ว่าจะอากาศร้อน หนาวจัด ฝนตก หิมะตก บน Track บน Highway หรือจะในเมืองหลวงที่การจราจรติดขัด GT-R ก็พร้อมที่จะไปกับท่านแบบไม่ปฏิเสธ และ “เวลาไหนก็ได้” ที่ท่านอยากจะขับมัน มันจึงเป็นรถระดับซูเปอร์คาร์ที่ครบเครื่องเป็นที่เลื่องลือ…
GT800 Complete by TKF Racing
สำหรับ GT-R ทั้งสองคันนี้ มันคงไม่ธรรมดาแน่นอน เพราะผ่านการเพาะกล้ามจาก TKF Racing มาเรียบร้อยแล้ว ด้วยชุด GT800 จาก HKS ที่ดูเผินๆ ก็ไม่รู้ มีการเปลี่ยนไส้ในให้แข็งแรงขึ้น อัพเกรดชุดคลัตช์ให้ทนทานมากขึ้น แต่ก็ยังคงเป็นความ Daily Used ได้เหมือนรถสแตนดาร์ดอีกด้วย สำหรับแรงม้าที่ได้ ทาง TKF Racing เคลมมาไว้ระดับ 700 ++ PS แต่เป็นที่น่าเสียดาย “กราฟหายไป” เนื่องจากคอมพิวเตอร์ของ Dyno เกิดมีปัญหาขึ้นมาหลังทดสอบ ข้อมูลจึงหายหมด แม้จะไม่ได้ 800 PS ตามที่ HKS ตั้งชื่อไว้ แต่ด้วยความที่ Condition บ้านเรานั้นไม่เหมือนที่ญี่ปุ่น รู้กันว่าอากาศก็ “ร้อน” แถมเชื้อเพลิงก็ “ออกเทนไม่ได้” อย่างที่รู้กันอยู่…
แต่ถ้าคิดกันว่าแรงม้าขนาด 700 PS ถ้าเป็นเครื่องยุคเก่าหน่อย มันก็คงจะขับปกติได้ไม่สบายเท่าไรนัก เดินเขย่า เสียงดัง รอรอบ บทจะมาก็กระชากกระชั้น ความร้อนตอนรถติดๆ อากาศร้อน ก็ไม่แน่ว่าจะ “ฮีต” หรือไม่ แต่กับ GT-R นั้น สบายมาก อย่างคันสีดำ ของ “หมอบีม” เจ้าของ Super Car หลายคัน (ที่เคยโชว์โฉมหน้าอันหล่อเหลาไปแล้วในคอลัมน์ XO CLUB โดย เสี้ยม ริมหาด) มาลงแข่งในรายการ XOD ที่ผ่านมา ทำเวลาควอเตอร์ไมล์ได้ “10.877 วินาที” ด้วยสภาพรถที่ปกติ น้ำหนักกว่า 1.7 ตัน กับการออกตัวที่ไม่ฟรีทิ้ง โดดออกไปเลยแบบนิ่มๆ จากความที่เครื่องใหญ่และเป็น Flat Torque ที่พร้อมจะอาละวาดตั้งแต่รอบต่ำ และเจออากาศร้อนก็ยังเดินเบาเปิดแอร์นั่งรอได้สบาย นับว่าเป็นข้อพิสูจน์ในด้านสมรรถนะและการใช้งานได้อย่างเหมาะสม…
NISSAN believes it’s Super Car
จากการทุ่มเทในการสร้าง และการทดสอบอย่างหนักหน่วงในทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็นทะเลทรายร้อนระอุ หรือหิมะตกอย่างหนาวเหน็บ รวมไปถึงการขับขี่บน Autobahn สุดยอดไฮเวย์ที่ไร้ขีดจำกัดความเร็ว ระดับ 300 km/h เป็นเรื่องปกติ ความเร็วระดับนี้ คนในรถยังสามารถสนทนา หรือฟังเครื่องเสียง BOSE อย่างไพเราะกันได้ตามปกติ จากการพัฒนาในการการเก็บเสียงที่ยอดเยี่ยม หรือแม้แต่จะขับชิลชิล ก็ให้ความราบเรียบ ประหยัดเชื้อเพลิง หรือจะเล่นกันแบบ Track Race ก็ทำได้อย่างสบาย จากการทดสอบใน Green Hell หรือ Nurburgring ที่ GT-R ทำเวลาไม่ถึง 8 นาที (ต่อรอบใหญ่) นับว่าเป็นสมรรถนะระดับโลก ที่รถสปอร์ตจากยุโรปไม่มีทางจะเผลอได้ ถ้าคนขับนั้นมือไม่ถึงพอ ก็ไม่อาจจะหนี GT-R ไปได้พ้น…
Flat Ride Sport
คำนี้อาจจะไม่ตรงกับคำของภาษาญี่ปุ่นจริงๆ เพราะได้แปลโดยใช้การแปลภาษาจากเว็บ แต่ก็พอจะอนุมานความหมายของ Flat Ride Sport ได้ว่า มันคือ “เป็นรถสปอร์ตที่ขับได้อย่างราบเรียบ เนียน นิ่ง ควบคุมง่าย” แน่นอนว่า ความดิบ โหดร้าย ในลักษณะที่เราชินกับ SKYLINE GT-R ตั้งแต่ยุค R32-R33-R34 ที่ไล่เรียงมาจาก “ดิบมาก” ไปถึง “ดิบน้อยลง” แต่มันก็มีความก้าวร้าวอยู่ ที่ไม่ใช่สิ่งที่จะขับได้ง่ายๆ สำหรับคนไม่มีทักษะ มันก็เป็นเอกลักษณ์อีกอย่างหนึ่งที่แฟน SKYLINE ชอบมาช้านาน แต่มาเป็น GT-R R35 สิ่งเหล่านั้นถูกปรับเปลี่ยนให้ขับได้ง่ายขึ้น เป็นกลาง ไม่เครียด และไปได้เร็ว เอาใจตลาดคนทั่วโลกมากขึ้น ซึ่งบางทีก็ทำให้เอกลักษณ์คำว่า GT-R ที่ต้องควบคุมด้วยทักษะที่ถูกต้องนั้นหายไป ตรงนี้ก็ต้องทำใจ “ตลาดโลกมันเปลี่ยนไป” แม้แต่ Super Car ขั้นเทพจากค่ายอิตาลีที่ว่าขึ้นชื่อในด้านความดิบ เถื่อน ก้าวร้าว ก็ยังยอมทำรถที่ขับง่ายมากขึ้น ที่คนพอมีทักษะ “อยู่บ้าง” ก็สามารถขับได้…
GT-R มีการพัฒนาขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ในรุ่นปี 2012 นั้น ก็มีการปรับปรุงหลายอย่าง เพื่อแก้จุดอ่อนที่เคยมีในรุ่นก่อน และพัฒนาเรื่องสมรรถนะให้โดดเด่นยิ่งขึ้น ด้วยการปรับปรุงหลายอย่าง และจากประสบการณ์ในการแข่งสนาม Nurburgring จึงได้ทำเทคโนโลยีมาปรับปรุง และพัฒนา GT-R โฉมใหม่ แต่เรานำมาเพียงเฉพาะส่วนที่น่าสนใจ (มิฉะนั้น เล่มนี้จะกลายเป็น GT-R Bible ซึ่งผมไม่ต้องการให้เป็นอย่างนั้น) อาทิ…
- มีการพัฒนาในเรื่องของ “ช่องไอเสียของเทอร์โบ” (Scroll) ใหม่ เพื่อให้กำลังมาเต็มในรอบต่ำมากขึ้น แรงม้าเพิ่มขึ้นเป็น 550 PS ที่ 6,400 rpm แรงบิดมหากาฬ 64.5 กก.-ม. ที่มาเป็น Wide Band ตั้งแต่ 3,200-5,800 rpm ทำให้อัตราเร่งแซงดุดันและฉับไวมากขึ้น
- ปรับปรุงอ่างน้ำมันเครื่องใหม่ โดยปรับทิศทางของ Baffle Plate ด้านใน ให้น้ำมันเครื่องสามารถวนเวียนระบายความร้อนได้อย่างดี รวมถึงเปลี่ยนทิศทางให้การ Flow นั้นไหลลื่นขึ้น ลดความฝืดในการไหล เหมาะสำหรับการขับใน Circuit อย่างต่อเนื่อง หรือการวิ่งความเร็วสูงมากๆ บนไฮเวย์เป็นเวลานาน
- เปลี่ยนสเป็กโช้คอัพและสปริงใหม่ เปลี่ยนเหล็กกันโคลงหน้าใหม่ให้ใหญ่ขึ้น
- ปรับปรุงมุมล้อใหม่ เปลี่ยนลูกเบี้ยวตั้งมุมแคมเบอร์ใหม่ ให้สามารถปรับได้มากขึ้น
- ปรับปรุงชุดลูกปืนดุมล้อใหม่ ให้มีความแข็งแรงและทนทานขึ้น เผื่อสำหรับการโมดิฟาย และการรับภาระที่หนักขึ้น
- ปรับปรุงคานขวางจุดหลังหน้าปัดใหม่ให้แข็งแรงขึ้น ไว้ลดการบิดตัวของตัวถังเวลาเลี้ยว พวงมาลัยจะตอบสนองได้ไวขึ้น
ระบบเกียร์แบบ Mid Ship มีดีมากกว่า Balance น้ำหนัก
ระบบเกียร์แบบ GR6 ก็เคยได้กล่าวถึงไปแล้วในเล่มก่อนๆ ทุกคนก็ทราบดีว่ามันมีดีที่ตรงไหน และการวางตำแหน่งเกียร์ที่อยู่กลางรถ ค่อนไปทางด้านท้าย มันเป็นการ Balance น้ำหนักให้ไปตกที่ล้อหลังมากขึ้น เพื่อให้น้ำหนักกระจายเป็นอัตราส่วน 50 : 50 ในขณะจอดอยู่กับที่ (Static) หรือประมาณ 48 : 52 ในการขับเคลื่อน (Dynamic) ทำให้การเร่งอย่างรุนแรง ล้อหลังจะมีน้ำหนักกดที่เพียงพอที่จะไม่ให้เกิดอาการฟรีทิ้ง แต่สิ่งที่ตามมา หลังจากการวางตำแหน่งเกียร์แบบนี้ ที่เราอาจจะคาดไม่ถึง ก็คือ “เป็นการเพิ่มเนื้อที่วางเท้าด้านหน้าให้มากขึ้น” เนื่องจากไม่ต้องทำซุ้มเกียร์ให้กว้างเหมือนกับสมัยที่เกียร์ยังต่อท้ายเครื่องอีกแล้ว ทำเพียงแค่ซุ้มให้เพลาขับแท่งเดียวโดดๆ ที่ต่อจากฟลายวีลมาที่เกียร์เท่านั้นเอง ทำให้สามารถขยายพื้นที่วางเท้าได้อีกเยอะเลย และนี่เป็นผลพลอยได้ที่ฉลาดจากเกียร์ที่วางลักษณะนี้…
เบ็ดเตล็ด (เหมือน) ไม่สำคัญ แต่น่ารู้
บางทีไอ้เรื่องที่มองข้ามไป ดูไม่สำคัญ แต่จริงๆ แล้ว วิศวกรของ GT-R นั้นอุตส่าห์คิดมาให้เรา “สบาย” ด้วยความคิดอันแยบยล อาทิ…
- “แป้นคันเร่ง” ได้มีการเพิ่มระยะเดิน (Stroke) มากขึ้น เพื่อให้สามารถเหยียบคันเร่งได้อย่างเบาและนุ่มนวล มีผลในการเดินทางไกล ที่ต้องใช้ความเร็วคงที่เป็นระยะเวลานาน ตัวแป้นมี Roller ที่สามารถปรับให้เข้ากับองศาของเท้าได้ในทุกระยะการเหยียบคันเร่ง เพื่อเพิ่มความสบาย ลดความตึงเครียดของประสาทเท้าได้ดี…
- “ที่นั่ง” ได้ออกแบบให้มี “ช่วงการปรับสรีระที่กว้างขึ้น” เผื่อสำหรับคนที่มีความสูงตั้งแต่ 144 ซม. (เป็นอย่างต่ำ เพราะถ้าความสูงน้อยกว่านั้น ก็ไม่น่าจะขับรถได้อย่างปลอดภัย) จนไปถึงคนร่างยักษ์ที่สูงถึง 190 ซม. ก็สามารถปรับให้เข้ากับสรีระได้อย่างดี…
- GT-R ห่วงใยเวลาใช้รถวิ่งด้วยความเร็วสูง จึงมีโอกาสที่จะมีเศษหินต่างๆ มากระทบ ทำให้รถที่รักของท่านเป็นริ้วรอย ดังนั้น จึงมีการทำ Anti Chipping Paint และ Double Clear Coating/Scratch Shield ที่ตัวถังด้านที่เสี่ยงต่อการกระทบ เพื่อป้องกันริ้วรอยที่จะเกิดขึ้น…
GT-R ทั้งสองคันนี้ รวมถึงคันอื่นๆ ที่ทำจาก TKF Racing ก็กำลังเพลินกับกล่อง COBB TUNING ที่อาจจะไม่คุ้นหูกันสำหรับคนทั่วไป ความสามารถโดยรวม คือ “ติดปุ๊บ แรงปั๊บ” ถ้าเป็น JDM ก็ปลดล็อกความเร็ว 180 km/h ให้เลย มันจะมี Map ที่อยู่ในตัวเครื่อง สามารถเลือกใส่ได้เลยว่ารถ Spec ไหน ใช้น้ำมันออกเทนเท่าไร
ของที่ใช้อยู่มีอะไรบ้าง เช่น ท่อไอเสีย, กรองอากาศ ฯลฯ ยังย่อยไปอีกว่า ท่อไอเสียขนาดกี่ มม. กรองอากาศขนาดกี่ มม. นั่นคือความสามารถคร่าวๆ แต่เมื่อมาถึงจุดที่เกินกว่านั้น ก็ต้องมีการปรับจูนกันใหม่ทั้งหมด โดยปรับ Map ใหม่ ซึ่ง GT-R ทั้ง 2 คันนี้ ปรับจูน Map โดยคนไทย เก็บ Datalog มา สามารถ “รีรัน” ดูในแต่ละวินาทีได้เลยว่า น้ำมันมาเท่าไร, หัวฉีดเปิดกี่เปอร์เซ็นต์, องศาไฟเท่าไร, ตอนรอบเครื่องที่เท่าไร สามารถเปิดได้ในคอมพิวเตอร์ทั่วไป มันจะเซฟไฟล์เป็น Excel ที่เปิดดูได้เลย นับว่าสะดวกดี สนใจติดต่อ TK.F Racing 08-3317-1414 และ 0-3484-8833
X-TRA Ordinary
NISSAN GT-R จะมีเวอร์ชั่นที่ “พิเศษกว่าพิเศษ” นั่นคือ Bolt Gold GT-R เป็นเวอร์ชั่นพิเศษ โดย Usian Bolt นักวิ่งที่เร็วที่สุดในโลก และเป็นผู้ที่ชื่นชอบ GT-R ได้ร่วมมือกับ NISSAN เปิดตัว Bolt Gold GT-R ขึ้นมา เพียง “คันเดียวในโลก” สีทองพิเศษ พร้อมลายเซ็น Bolt โดยให้เปิดประมูลเพื่อการกุศลขององค์กรที่ Usian Bolt ตั้งขึ้นมาเพื่อช่วยเหลือเยาวชนที่ยากจนในประเทศ บ้านเกิดของเขา ซึ่งรถคันนี้ถูกประมูลไปในราคาสูงถึง 193,191 เหรียญสหรัฐ เลยทีเดียว…
TECH SPEC
White GT-R
ภายนอก
ชุดพาร์ท : VARIS
ฝากระโปรง : TOP SECRET RACING
สปอยเลอร์หลัง : ESPRIT GT Wing
ภายใน
เกจ์ : Defi Boost + Fuel Press
เครื่องยนต์
รุ่น : VR38DETT
ชุดโมดิฟาย : HKS GT800 Full Kit
ลูกสูบ : HKS (Standard Size)
ก้านสูบ : HKS
ปะเก็น : HKS 0.8 mm.
อินเตอร์คูลเลอร์ : HKS Large Capacity Intercooler Kit with Carbon Air Guide
ท่อไอดี : HKS Racing Suction air intake
ปั๊มเชื้อเพลิง : DEATSCH WERKS 65C High Flow In-Tank
หัวฉีด : INJECTOR DYNAMICS 1,000 C.C.
โบล์ว ออฟ วาล์ว : HKS SQV Twin Blow Off Valve Kit
ท่อไอเสีย : HKS Full Titanium
กรองอากาศ : HKS Racing Suction Kit
กล่อง ECU : COBB Access Port Custom Tune
ระบบส่งกำลัง
เกียร์ : GR6
โมดิฟาย : DODSON MOTORSPORT Sport Man 8 Plate Clutch Kit 1,000ft/lbs
ออยล์คูลเลอร์เกียร์ : HKS DCT Transmission Cooler 2011
ชุดแคร็งค์เกียร์ : HKS Honeycomb Transmission Oil pan
ช่วงล่าง
โช้คอัพหน้า-หลัง : HKS HYPERMAX III Sport Coil Over Kit
ล้อหน้า-หลัง : BC Forged HC010 ขนาด 10 x 20 นิ้ว และ 11 x 20 นิ้ว
ท่อดักลมเป่าเบรกหน้า : KANSAI Carbon Fiber Brake Air Guide
TECH SPEC
Black GT-R
ภายนอก
ชุดพาร์ท : Dry Carbon Hood, Trunk, Front Fenders
ภายใน
วัสดุ : Alcantara และ Full Carbon Made in Thailand
เบาะ : BRIDE Vorga
เข็มขัดนิรภัย : MOMO Racing 6 points
เครื่องยนต์
รุ่น : VR38DETT
ชุดโมดิฟาย : HKS GT800 Full Kit
ลูกสูบ : HKS (Standard Size)
ก้านสูบ : HKS
ปะเก็น : HKS 0.8 mm.
อินเตอร์คูลเลอร์ : HKS Large Capacity Intercooler Kit with Carbon Air Guide
ท่อไอดี : HKS Racing Suction air intake
ปั๊มเชื้อเพลิง : DEATSCH WERKS 65C High Flow In-Tank
หัวฉีด : INJECTOR DYNAMICS 1,000 C.C.
โบล์ว ออฟ วาล์ว : GReddy Twin Blow Off Valve Kit
ท่อไอเสีย : Amuse Full Titanium
กรองอากาศ : HKS Racing Suction Kit
กล่อง ECU : COBB Access Port Custom Tune
ระบบส่งกำลัง
เกียร์ : GR6
โมดิฟาย : DODSON MOTORSPORT Super Stock 7 Plate Clutch Kit 650ft/lbs
ออยล์คูลเลอร์เกียร์ : HKS DCT Transmission Cooler 2011
ชุดแคร็งค์เกียร์ : HKS Honeycomb Transmission Oil pan
ช่วงล่าง
โช้คอัพหน้า-หลัง : TOP SECRET Suspension Kit-in-Dash, External Reservoir
ล้อหน้า-หลัง : BC Forged HC053 ขนาด 10 x 20 นิ้ว และ 11 x 20 นิ้ว
เบรก : AP Racing CCM-X Brake Rotor Set Version 2
ท่อดักลมเป่าเบรกหน้า : KANSAI Carbon Fiber Brake Air Guide
- สวยไม่สวย เกาะถนนดีหรือไม่ “ขนาดของล้อ” มีส่วนสำคัญ คันนี้จะเน้นในระดับที่ “พอดี” ทำให้ดูสวยเรียบร้อย และการยึดเกาะที่ดี ไม่ใช่ยิ่งกว้างเกินตัวรถแล้วจะดีเสมอไป
- BC Forged HC010 ล้อฟอร์จคุณภาพสูง ราคามิตรภาพ ดูลายพื้นๆ แต่กลับเข้ากับทรงบึกๆ ของ R35 อย่างประหลาด
- ภายในของ R35 ที่ขึ้นชื่อว่า เนี้ยบ หรูหรา มากกว่าตระกูล SKYLINE GT-R ที่ค่อนข้าง Look Cheap ด้วยการใช้ของร่วมกับรถรุ่นราคาถูกในหลายจุด ซึ่ง R35 ได้ปรับปรุงใหม่จดหมดข้อติติงดังกล่าว
- HKS GT800 ที่เบ่งพลังได้เกือบตามเป้า ที่ยังสามารถขับได้ราบเรียบในวาระปกติ หรือถ้าจะแรงก็สั่งได้ทันที นับเป็นเทคโนโลยียุคใหม่ที่ก้าวไปอีกขั้น
- นึกว่าสติ๊กเกอร์ใช่ไหมครับ ??? แต่มันคือ Dry Carbon แท้ๆ ซึ่งต้องใช้ต้นทุนสูงพอสมควร งานดูดิบๆ สะใจ “หมอบีม” เจ้าของรถ
- โหดแบบ “คมเข้ม” ที่ดูดุดันในวาระซ่อนเร้น สปอยเลอร์หลังกำลัง “รอของ” คิดว่าไม่ธรรมดาแน่
- BC Forged HC053 ให้อารมณ์อีกแบบหนึ่ง จานเบรกหน้า Ceramic สุดแพง เทคโนโลยีก้าวหน้าของระบบเบรกในปัจจุบัน ที่ “เบา ทนความร้อนสูง” ที่ใช้กันในวงการมอเตอร์สปอร์ต รวมไปถึงซูเปอร์คาร์ระดับโลก
- งานคาร์บอน “ฝีมือคนไทย” สวยสุดๆ ทำให้เชื่อมั่นในคนไทยขึ้นอีกเยอะ ผนวกกับ Alcantara ทำให้ดุดันขึ้นมาก พร้อมปัก BIO BEAM ให้รู้ว่าเจ้าของรถคือใคร
- Bucket Seat ก็ต้องคู่กับเข็มขัด 4 จุด ที่ยึดอย่างแน่นหนา เข็มขัดติดรถไม่ควรใช้กับเบาะประเภทปีกสูงแบบนี้ เพราะมันจะไป “รัดที่ปีกเบาะแทนที่จะรัดกับตัวคนขับ” เมื่อเกิดการชน เข็มขัดจะทำงานช้ากว่าปกติ ทำให้เกิดอันตรายได้มาก
- เช่นกันกับ HKS GT800 ที่ “จบ” ณ ตอนนี้ ยืนยันด้วย “เวลา” และ “ตำแหน่ง” จากงาน XOD ครั้งล่าสุด