เรื่อง : อินทรภูมิ์ แสงดี
ภาพ : ธัญญนนท์ แสงภู่, ธวัชชัย กรสิทธิศักดิ์ (SlowTake)
บอกตรงๆ ว่าการทำคอลัมน์ REED IT MORE นั้น ตัวกระผมเอง ในนามของ XO AUTOSPORT TEAM พยายามจะทำให้คอลัมน์นี้เป็น “สิ่งที่เก็บไว้อ่านเมื่อไรก็ได้” จากบทความที่พวกเราพยายามเฟ้นหา “รายละเอียด” แบบ “ชัดเจน” มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ต่อหนึ่งเรื่อง ซึ่งจะทำให้ท่านผู้อ่านได้รับทราบรายละเอียด ที่มาที่ไป และสามารถเก็บเป็นข้อมูลได้เสมอ เป็นสิ่งที่เราต้องการให้มีในคอลัมน์นี้ สำหรับเรื่องราวในฉบับนี้ เชื่อว่า “สาวกกระต่ายจรวด” ย่อมถูกใจ เพราะเราได้ไปเจาะลึกเกี่ยวกับชุดพาร์ท “ROCKET BUNNY & PANDEM” ด้วย “ข้อมูลแท้” จาก ROCKET BUNNY THAILAND ที่ “ดิว” กับ TRA-KYOTO โดยตรง ซึ่งรายละเอียดมีเพียบ ตั้งแต่ความเป็นมา และตัวอย่างรถที่ใส่พาร์ท ROCKET BUNNY แท้ๆ ว่า “มีรายละเอียดอะไรบ้าง” งานนี้จัดเต็ม เพิ่มหน้า เพิ่มเนื้อ เพิ่มเส้น ฯลฯ อร่อยเหาะแน่กับ “กระต่ายจรวด” รวมถึง Co-Company ต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง จัดเต็มครับงานนี้…
In the TRA-KYOTO HOUSE
ก่อนอื่นเราขอเสนอ “เรื่องราว” ในแบบ “ริงไซด์” จากบ้านของ TRA-KYOTO ซึ่งเป็นเจ้าของแบรนด์ ROCKET BUNNY & PANDEM และน่ารู้มากๆ กับสไตล์ “ติสต์” ของเจ้าสำนัก “Mr. Kei Miura” (บางสื่อก็เรียกเขาว่า KM) หรือ “มิอูระซัง” ต้องบอกก่อนว่า “ไม่ใช่เรื่องง่าย” ที่จะได้รายละเอียดจากเขา ด้วยบุคลิกซึ่งดูจากลักษณะก็รู้ พูดน้อย เงียบขรึม ไม่ PR ตัวเองมากนัก โดยเฉพาะสื่อ “ต่างประเทศ” จะยิ่งยาก เพราะเขาก็ “สงวนท่าที” สุดๆ ที่เห็นก็จะมีเว็บไซต์ Speed Hunters ส่วนในฝั่ง “เอเชีย” ทาง XO AUTOSPORT ก็ได้ไป “บุกรัง” พูดคุยและ Join กับ มิอูระซัง โดยตรง นับว่าเป็นอะไรที่ Exclusive สุดๆ บอกแล้ว ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ “เราทำได้” นะครับ !!!
สำหรับบทความในครั้งนี้ เราก็ได้รับการประสานงานจาก ROCKET BUNNY Thailand ที่ส่งคำถามและพูดคุยกับ “ตัวแทน” จาก TRA-KYOTO คือ Mr. Norihito Watanabe ซึ่งเป็นผู้ดูแลในด้านการขาย ก็ได้รับคำตอบที่คลายข้อสงสัยได้มาก พูดถึงการออกแบบของ มิอูระซัง จะมีแรงบันดาลใจอะไรแปลกๆ ขึ้นมา นำมาออกแบบเป็นชุดพาร์ท สไตล์ Retro Racing โดยเฉพาะ PANDEM ที่ประยุกต์ใช้กับรถยุคใหม่ได้อย่างมหัศจรรย์ โดนใจคนทั่วโลก และออกแบบให้กับสำนัก “ชื่อดัง” อื่นๆ อีกมากมาย งานนี้ “มีเรื่อง” กันยาว ผมจะแบ่งเป็นข้อๆ ไปเพื่อให้ “อ่านง่าย” ก็แล้วกันนะครับ…
The Ways to Start of TRA-KYOTO
< มิอูระซัง เกิดปี ค.ศ. 1970 ซึ่งในยุค 70 นั้น ถือว่าเป็นยุค “รุ่งเรือง” โดยเฉพาะรถยนต์ที่มีการแข่งขันกันมาก ตามปกติของวัยรุ่นในยุคนั้น และรถในยุคนั้นก็จะเป็นรถที่เส้นสายสวย Classic ตั้งแต่กำเนิด ปัจจุบันรถในยุคนั้นกลายเป็น Retro Car หรือ Kyusha (คิว-ฉะ) สไตล์การตกแต่งที่ฮิตมากที่สุด คือ Bosozoku (วัยรุ่นกวนเมือง) ซึ่ง มิอูระซัง ได้เติบโตมากับ “วัฒนธรรม” และ “การออกแบบ” ของยุคนั้นมาแบบเต็มๆ ไม่ว่าจะเป็นรถ เสื้อผ้า สิ่งของต่างๆ เพลง Punk, Rock, Reggae, Ska etc. ที่ตัวผม “พี สี่ภาค” ขอเสริมว่า สไตล์นี้ถ้าเป็นในอเมริกาจะเรียกว่า Hippie แปลเป็นไทยว่า “ยุคบุปผาชน” เลยมีความ “ฝังใจ” ในการออกแบบชุดพาร์ท ROCKET BUNNY ว่าจะต้องเป็น Retro & Vintage Style เท่านั้น…
< จริงๆ แล้ว มิอูระ ได้เริ่มออกแบบชุดพาร์ทตั้งแต่อายุ 18 ปี ซึ่งพาร์ท “ชุดแรกในชีวิต” ที่เขาออกแบบให้ คือ FERRARI DINO (รุ่นเดอะเลยนะนั่น) และเป็นรถแข่ง Classic Racing จึงเป็นแนวทางที่ มิอูระ ได้ “เสพย์” จนเข้าเส้น…
< ตอนวัย 18 ปี รถคันแรกของเขา ก็คือ “AE86” ซึ่งก็แต่งซิ่งสวยๆ ใช้ชีวิตเหมือนกับวัยรุ่นทั่วไป กลางคืนแข่งถนน โดนตำรวจจับก็มี แต่ก็เป็นแรงบันดาลใจที่มาจากประสบการณ์จริง…
< ในปี 1995 ได้ก่อตั้งบริษัท TRA-KYOTO ขึ้นมา ซึ่ง TRA ย่อมาจาก Top Racing Art ซึ่งรับออกแบบ ผลิต ชุดพาร์ท จาก “ไฟเบอร์กลาส” เริ่มแรกได้ดีไซน์ให้ใช้กับรถแข่งในสนาม ได้แรงบันดาลใจมาจากรถแข่งในยุค 70 ที่เราเคยเห็นนั่นเอง
< ที่แน่ๆ คือ “โป่งเย็บบานๆ ขนาดยักษ์” ที่เป็นเอกลักษณ์อันชัดเจนในยุคนั้น ซึ่งรถที่เขาได้ติดโป่งเย็บบานๆ ก็คือ NISSAN SKYLINE C110 “Ken & Mary” หรือ “Kenmeri” (ในสำเนียงญี่ปุ่น) ซึ่งเป็นรถตรงยุคที่เขาเกิดพอดี และเป็นการจุดประกายให้กับเขา…
ROCKET BUNNY Begin
< ในปี 1997 ก็ได้ก่อตั้งแบรนด์ ROCKET BUNNY ขึ้นมา เป็นเพียงชื่อของสินค้า (Product Line Up Brand) ถ้าแปลแบบไทยๆ ก็ “กระต่ายจรวด” แต่ถ้าจะถามถึง “ที่มา” ของชื่อนี้เป็นแบบ “รูปธรรม” ก็คงจะไม่มีคำตอบจาก มิอุระซัง อย่างชัดเจน เพราะเขาเองก็ไม่รู้ มันมาจาก “เบื้องลึกในใจ” ว่าจะต้องเป็นชื่อนี้แหละ อย่าถามเหตุผล “นามธรรม” ล้วนๆ…
< สิ่งที่เริ่มทำให้ชาวโลกรู้จัก คือ ชุดพาร์ท ROCKET BUNNY Ver. I สำหรับ NISSAN S-Chassis ทั้ง 180 SX (RPS13) และ SILVIA (S13) ซึ่งเป็นรถที่ มิอูระซัง ชอบมากที่สุด จะมีโป่งหน้า-หลัง กันชนหน้า สปอยเลอร์หลังทรง “ตูดเป็ด” กันชนหลังยังมีอยู่ ไม่มี Diffuser แม้ไม่อลังการเหมือน Ver. II ก็ดู Retro ดีนะ (ส่วนตัวผม “พี สี่ภาค” ชอบ Ver. I ที่สุดใน S-Chassis นะ) ลืมบอก ออกมาในปี 2009…
< ตัว มิอูระซัง เอง เขาชอบรถยุค “90’s” มากที่สุด มันเหมือนยุครุ่งเรืองของรถสปอร์ตญี่ปุ่น ในยุคนั้นนิยมแต่งกันแบบ “ทำเอง” เพราะรถจะมีระบบที่ไม่ซับซ้อนเหมือนกับสมัยใหม่ เจ้าของรถสามารถสนุกกับการลงมือแต่งเองได้ ราคาไม่สูงเกินไป ดังนั้น รถในยุค 90’s ถือเป็น “ต้นแบบวัฒนธรรมรถซิ่ง” สืบเนื่องมาจนปัจจุบัน และ ROCKET BUNNY ก็เกิดจากรถในยุคนี้เอง…
< พูดมาถึงตรงนี้น่าแปลกอย่างไหม ??? ทำไมไม่ทำพาร์ทสำหรับรถ Retro หรือ Kyusha ทั้งๆ ที่เกิดในยุคนั้นพอดี เหตุผลก็คือ “ไม่อยากแตะต้องตัวรถยุค 70-80 เพราะมันสวยอยู่แล้ว” เพียงแต่เอาแรงบันดาลใจในสไตล์การแต่งรถยุคนั้น มาปรับใช้กับรถยุค 90 ขึ้นไปจนถึงรุ่นปัจจุบัน ก็กลับกลายเป็นผลงานที่สวยงาม
< สำหรับฝีมือการออกแบบในชุดที่ 2 คือ NISSAN GT-R ของสำนัก BENSOPRA และที่ดังสุดๆ คือ 380 SX BENSOPRA & ROCKET BUNNY Ver. II จุดเด่น คือ “ถอดกันชนหลังออก” โชว์ถังน้ำมันเซฟตี้ (รายละเอียดของพาร์ท ติดตามได้ในรถแต่ละคันได้เลยครับ) ซึ่ง 380 SX คันนี้ ก็เป็นการเอาเครื่องยนต์ VR38DETT จาก GT-R มาใส่ โมดิฟายชุดใหญ่ เน้น “โชว์” คนไทยรู้จักก็ชุดนี้แหละครับ…
< บทสรุป สไตล์ของ ROCKET BUNNY จะเน้นรถที่เป็น Unique ที่คนทั่วไปนิยมเล่นกัน เช่น NISSAN 200 SX/SILVIA, MAZDA RX-7 FD3S, TOYOTA 86 “ซึ่งเป็นพาร์ทรุ่นที่ขายดีที่สุด” ก็นับว่าเป็นแนวทางที่ มิอูระซัง อยากจะให้เป็น…
The “Friend”
พูดถึงตรงนี้ ทาง TRA-KYOTO มี Partner ที่สนิทสนม จนใช้คำว่า Friend แทน Partner กันเลยทีเดียว โดยพึ่งพาการออกแบบจาก มิอูระซัง อยู่มากมาย เราขอกล่าวถึงเฉพาะเจ้าหลักๆ ที่รู้จักกันดีก็แล้วกันนะครับ…
< สังเกตตัวเลข “6666” ไหมครับ (อ่านว่า Four-Six บ่แม่น Six-Six-Six-Six เด้อครับ) มาจาก 6666 Customs GT Rodeo Special ซึ่งเป็น Partner ใช้อีกชื่อว่า TRA-KYOTO USA เป็นบริษัทที่ทำตลาดในฝั่ง “อเมริกา” ครับ…
< สำหรับชุดพาร์ท ROCKET BUNNY ก็ได้ Co. กับทาง GReddy USA โดยเน้นไปทาง “รถดริฟต์” เป็นหลัก เช่น SCION FR-S ของ Ken Gushi ขุมพลัง “สองเจ” ทีม GReddy Racing…
< ถ้าเป็นสายดริฟต์ “Kiwi” ก็จะออกแบบพาร์ทให้กับ “Mad Mike” บน RX-7 ขุมพลัง Quad-Rotors (4 โรเตอร์) สุดโหด นับว่าเป็นการตลาดแบบ World Wide จริงๆ…
< มาถึงฝั่ง “ล้อ” กันบ้าง จริงๆ แล้วก็ออกแบบให้หลายแบรนด์มาก แต่ที่ดังเป็นกระแสจริงๆ ก็ต้อง “rotiform” ล้อเทพที่หลายคนใฝ่ฝันอยากจะ “จัด” มาใส่ไอ้ตัวแสบ ซึ่งล้อที่ผลิตมา จะถูกออกแบบให้เข้ากับพาร์ท ROCKET BUNNY & PANDEM สังเกตดีๆ ว่า ลายล้อจะเป็นแนว Retro หรือ Vintage ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก “ล้อดังในตำนานทั้งหลาย” เช่น Campagnolo ของ อิตาลี, BMW M1 หรือ Fuch ของ PORSCHE เป็นต้น แต่มาทำ Lips (ขอบ) และ Concave (ก้านยก) ในบางรุ่น เพื่อให้เข้ากับรถรุ่นใหม่ที่มีบอดี้และโป่งกว้าง นับว่าเป็นสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์จริงๆ ของล้อ rotiform และพาร์ท ROCKEY BUNNY & PANDEM…
Next Station “PANDEM”
< ในช่วงปลายปีที่แล้ว TRA-KYOTO ได้ “อัพแบรนด์” โดยการใช้ชื่อบน Facebook ว่า “PANDEM ROCKET BUNNY TRA-KYOTO” ส่วน Product จะเรียกว่า “PANDEM” (แพนเด็ม) คำนี้ถ้าดูก็เหมือนจะเป็น “นามธรรม” แต่จากการค้นหาของผมเอง ถ้าใกล้เคียงที่สุด ก็จะมีคำว่า “Pandemonium” (แพมเดโมเนียม) แปลว่า “การเอะอะโกลาหล” หรือ “ที่สิงของเหล่าอสูร” ตัดสั้นๆ เหลือ PANDEM ชื่อนี้ก็น่าจะมาจากการที่ “เป็นกระแสฮือฮา” จนวุ่นวายในโลกรถซิ่ง หรือจะเป็นเหมือนร่างทรงวิญญาณซิ่งตัวร้าย ก็สุดแล้วแต่จะ “ตีความ” ซึ่งเป็นสไตล์ของ มิอูระ ที่จะ “พูดน้อย เน้นตีความ” แต่ทั้งนี้ การสันนิษฐานจะถูกหรือผิด ข้าพเจ้า พี สี่ภาค ก็ขอแสดงความคิดเห็นไว้ในส่วนที่ “เข้าใจ” หากผิดพลาด ขออภัยอย่างรุนแรง…
< ซึ่ง PANDEM ก็จะเป็นการ Rebrand ใหม่ เพราะชื่อเดิมนั้นติดตลาดจนไปทั่วโลกแล้ว สำหรับชุดพาร์ท PANDEM ก็จะเน้นไปในรูปแบบ “Racing” เต็มระบบ แต่ก็ยังมีความเป็น Retro อยู่เหมือนเดิม ซึ่งนิยามของ PANDEM ก็คือ TRA Racing Tradition ก็แสดงให้เห็นชัดเจนว่าสำหรับการแข่งขัน…
< ลักษณะของพาร์ท PANDEM ที่ต่างออกไปเป็น “เอกลักษณ์” คือ โป่งจะเปลี่ยนทรงใหม่ ให้สังเกตที่ด้านบนของโป่ง จะเป็นเส้น “เหยียดตรง” และตัวโป่งจะผายออกมาตรงๆ แล้วค่อยโค้งลง เพื่อให้ซุ้มด้านบนมีพื้นที่มาก ส่งผลให้ “ล้อไม่ติดซุ้ม” รองรับการแข่งขันที่รถมีโอกาส Jump เวลาปีน Bank ในสนาม ซึ่ง ROCKET BUNNY ปกติ โป่งจะเป็น Slope เทลาดลงมาแล้วค่อยๆ ผายออก ซึ่งซุ้มด้านบนจะแคบ มีโอกาส “ล้อติด” ได้ง่ายกว่า…
< สำหรับพาร์ท PANDEM ชุดแรก ผลิตมาให้กับ NISSAN GT-R ซึ่งก็ดูโหดกว่าปกติเยอะเลย หลังจากนั้นก็เน้นรถระดับ Hi-End หรือรถในระดับ “ฮิตพิเศษ” เช่น LEXUS RC-F, HONDA CIVIC EG 3 Doors นี่ มีกะเขาด้วย และออกจำหน่ายอย่างเป็นทางการแล้ว…
< สาย Retro ก็จะมี DATSUN FAIRLADY 240Z (S30) ที่ทำให้กับรถของ “Han” หรือชื่อจริง Sung Kang นักแสดงชาวเกาหลี-อเมริกัน จาก FAST & FURIOUS…
< ถ้าเป็นฝั่ง “ฝรั่ง” ที่ออกจำหน่ายแล้วก็จะมี BMW Coupe E36/E46, VW GOLF MK7 ซึ่งก็ทำได้โหดหรูดูดีทีเดียว…
< และที่กำลัง “คลั่ง” กันอยู่ ณ บัดนาว ก็คือ “PANDEM BMW E30 2 Doors” ที่เพิ่งเปิดตัวสดๆ ร้อนๆ เมื่อช่วงปลายเดือน เม.ย. ที่ผ่านมานี้ ซึ่งเหล่า Bimmer Head สายซิ่ง ก็สนใจกันมากๆ เรียกว่าเป็น “กระแสแรง” กันสุดๆ แต่ต้องบอกไว้ก่อนว่า มีตัวแทนจาก ROCKET BUNNY THAILAND ได้สอบถามตรง แต่ได้รับคำตอบมาเป็น “ไอคอนยิ้ม” ตามมาด้วยประโยคสั้นๆ ว่า สำหรับตลาด “อเมริกา” เท่านั้น !!!
Face Off The “BOSS”
หลังจากที่ “เป็นกระแส” ในบ้านเรา ด้วยชุดพาร์ทแบบ Face Off ที่ชื่อว่า BOSS ของ ROCKET BUNNY ซึ่งมีแนวที่แปลกประหลาดออกไปจากเดิม เน้นความเป็น Retro/Vintage มากขึ้น มาดูรายละเอียดกันก่อน…
< ชุด BOSS เริ่มต้นจาก NISSAN SILVIA S14 เรียกว่า SILVIA S14 BOSS ลักษณะหน้าตาที่เปลี่ยนแปลงไป ก็จะเอาสไตล์ของ CHEVY CAMARO Z/28 ปี 1968 มาใช้ค่อนข้างชัดเจน แต่บางคนก็ว่าถ้าเป็นฝั่งญี่ปุ่น มันคล้ายกับ DATSUN BLUEBIRD P510 (Five-Ten) และก็มีจอดอยู่ใน Shop TRA-KYOTO จริงๆ ก็แล้วแต่มุมมองครับ อาจจะมีแรงบันดาลใจแบบ “ผสมผสาน” เกิดขึ้นก็ได้…
< ในเวอร์ชั่นต่อไป คือ PANDEM BOSS FD เป็นการเอา MAZDA RX-7 FD3S Face Off To “SAVANNA RX-3” รหัส S102A ก็ออกมาแนวๆ บางคนก็เรียก RX-73 ก็ว่ากันไป ซึ่งก็น่าจะ “กระทืบโรง” เรียกกระแสเหล่า “สูบหมุน” ได้มาก…
All About Shachou “Kei Miura”
คำว่า Shachou หรือที่คนไทยออกเสียงเป็น “ซาโจ้ว” หมายถึง “ท่านประธาน” ณ ตอนนี้ ขอกล่าวถึง “สไตล์” ของ “มิอูระซัง” กันหน่อย ว่าตัวเขาเองมีอะไร “เป็นเอกลักษณ์ที่น่ารู้” บ้าง…
< สไตล์ของเขา อย่าได้ไปค้นหาเลย รู้กันอยู่แล้วว่า “ติสต์” เป็นอย่างไร พูดน้อย เลือกที่จะคุย Screen คนที่จะคุยด้วยเยอะ ไม่คุยกับคนไม่รู้จักง่ายๆ จริงๆ ก็ไม่ใช่คนแปลกนะครับ แต่ส่วนตัวผมเองเข้าใจในคนลักษณะนี้ ว่าเขา “สร้างงาน” ที่ออกมาจากแรงบันดาลใจภายในจริงๆ ก็ตอบไม่ได้หรอก ว่าเขาจะนึกอะไรออกเมื่อไร หรือเมื่อไรที่จะนึกอะไรไม่ออก จะไปค้นหาตัวเขานี่ไม่ใช่ทาง เพียงแต่รู้สไตล์เขาไว้ก็แล้วกัน…
< ตัว มิอูระซัง เอง ก็เป็น “อัจฉริยะทางด้านการออกแบบ” เขาไม่ได้มี Degree เกี่ยวกับด้านนี้ แต่ด้วยความ “เข้าใจ” และ “ใฝ่รู้” ลงรากลึก เขาสามารถเขียนโปรแกรมออกแบบชุดพาร์ทขึ้นได้เองแบบ “เท่ๆ” ซึ่งในเบื้องต้นก็จะ Sketch แบบลงกระดาษไว้ก่อน หลังจากที่ลงตัวแล้ว ก็จะเขียนโปรแกรมเพื่อเข้าสู่ขั้นตอน “ผลิต” ต่อไป…
< หลังจากที่ทีมงาน XO AUTOSPORT ได้ไปเยือน TRA-KYOTO แบบ “ถึงถิ่น” เมื่อต้นปี 2015 ใน Shop ที่ มิอูระซัง ทำงาน ห้องกะทัดรัด ไม่ใหญ่มาก รอบด้านจะรกๆ หน่อย บนโต๊ะเล็กๆ มีคอมพ์ตัวนึง บรรยากาศรอบด้านก็มีพวกล้อ Retro และของ Vintage ต่างๆ วางปะปนกัน มีแค่นี้แหละครับ ดูง่ายๆ แต่สัมผัสได้ถึงความเป็นศิลปิน…
< ครั้งนั้นมีการนัด Meeting ย่อยๆ สไตล์ “มิดไนต์” เพื่อถ่ายรถและบรรยากาศลงในนิตยสารและภาพเคลื่อนไหว ซึ่งก็จะเห็นสไตล์ส่วนตัวของเขาที่แปลกไปกว่าคนอื่น ก็คือ “ชอบนั่งคุกเข่าเสมอ” ไม่ว่าจะเป็นหน้าร้านสะดวกซื้อ หรือที่ใดๆ ที่เราหยุดถ่ายรูปหรือคุยกัน (ที่ญี่ปุ่นสามารถนั่งได้ เพราะพื้นเขาสะอาด เรียบ และเย็นกว่าบ้านเราคนละโลก) ท่านั่งคุกเข่าก็จะมีเอกลักษณ์ เหมือนกับการ “ไหว้เจ้า” หรือ “ถวายความเคารพ” ก็อาจจะเมื่อยหรืออะไรเราก็ตอบไม่ได้ เอาว่าเป็นสิ่งที่เขาแสดงออกไม่เหมือนใครก็แล้วกัน…
Tips
< คนสงสัยกันมากเหลือเกิน ว่า “โลโก” ของ ROCKET BUNNY ที่ทำมือขวาและนิ้วเป็นสัญลักษณ์ “OK” มันมีที่มายังไง ดูๆ แล้วไม่เกี่ยวอะไรกับ “กระต่ายจรวด” เลย (ติสต์อีกแล้ว) สอบถามข้อมูล “รู้เรื่อง” ว่า โลโกนี้ มาจาก “ที่รัก” ของ มิอูระซัง ที่ชอบทำมือ OKแบบนี้บ่อยๆ ก็เลยเอามาเป็นโลโกซะเลย แค่นี้จริงๆ…
< ในเมืองไทย ทาง ROCKET BUNNY ก็จะมีการ Adapt กันหน่อย โดยการ “เติมเล็บยาว” เข้าไป เหมือนกับ “นางรำ” ให้เป็นเอกลักษณ์ของไทยๆ ซึ่งได้รับการอนุญาตจากต้นสังกัดแล้ว…
< สำหรับรูป “หมูมงกุฎ” หรือที่ทาง TRA-KYOTO เรียกว่า “ROCKET BUNNY CAPTAIN” หน้าตาสุดจะน่ารักขนาดนี้ ก็อดสงสัยไม่ได้อีก “มันคืออะไรวะ” อันนี้มาจาก “ลูกสาว” ที่วาดรูปหมูมงกุฎตัวนี้ลงบน “กระดาษ” ตามจินตนาการของเด็กน้อย ก็อีกหนึ่งที่มาจาก “นามธรรม” และกลายเป็น “รูปธรรม” บนรถ…
< รถตัวเก่งของ มิอูระซัง เองก็จะเป็น “SCION FR-S” ชุดพาร์ท Ver.2 สีแดง ทำไมต้องเป็น SCION FR-S ที่นำเข้าจาก “อเมริกา” ทั้งๆ ที่ 86 หรือ BRZ ในญี่ปุ่นก็เยอะแยะไป ตรงนี้ในฐานะที่ผม พี สี่ภาค ชอบรถญี่ปุ่น พวงมาลัยซ้าย เป็นทุนเดิม เข้าใจว่า “เขาต้องการความแปลกไม่เหมือนใคร” ก็รู้กันอยู่ว่า คนญี่ปุ่นถ้าซื้อรถพวงมาลัยซ้ายมาขับ สไตล์ USDM ย่อมจะดูเหนือชั้นกว่ารถพวงมาลัยขวาในรุ่นเดียวกัน ตามความนิยมของคนญี่ปุ่นที่เล่นรถสปอร์ต…
< ROCKET BUNNY จะผลิตชุดพาร์ทด้วยวัสดุ “Fiberglass” เท่านั้น ไม่มี Carbon Fiber หรือ ABS อะไรทั้งสิ้น แม้แต่ PANDEM ก็เหมือนกัน “ของแท้” ก็จะใช้เป็น “ไฟเบอร์สองชั้น” (Double Layer Fiberglass) ที่เน้นความแข็งแรงมั่นคงสูง…
< สำหรับ BMW E36 PANDEM สีขาว เป็นรถของ Mr. Norihito Watanabe ฝ่ายขายและการตลาด ของ TRA-KYOTO นั่นเอง คันนี้เป็นรถที่ภรรยาของ Mr. Norihito Watanabe ซื้อให้เมื่อนานพอสมควร ก็เลยจับมาทรงเครื่องซะเลย จนเป็นตัวอย่างที่ทำให้เป็นกระแสใน E36 ณ ตอนนี้…
< ถ้าใครติดตามข่าวอย่างใกล้ชิด จะรู้ว่ามี BUNNY CAFÉ ใน Yokohama ร้านกาแฟที่เป็นลูกค้า และสาวก ROCKET BUNNY ตัวยง ในร้านจะจอดรถโชว์หนึ่งคัน และมี “ของที่ระลึก” (Merchandise) ของ ROCKET BUNNY แท้ๆ เช่น สเกตบอร์ด, หูลาก, นอตล้อ, สติกเกอร์ ฯลฯ ที่ผ่านทาง TRA-KYOTO โดยตรง…
< อีกอย่าง (เพิ่งนึกออก) ทำไมต้อง “ถอดกันชน” ในพาร์ท Ver.2 ซึ่งได้ข้อมูลมาว่า ได้แนวมาจากตัว BENSOPRA 380 SX ที่เจตนาจะให้เป็น “รถดริฟต์” ซึ่งจะมีโอกาส “กันชนท้ายพัง” เวลา “เฉียดกำแพง” ก็เลยถอดออกซะ เหตุผลง่ายๆ ประมาณนี้แหละ…
Unseen (in) Thailand
(วางรูป KM4SH และ Serial Number)
แน่นอนครับ คนไทยที่คลั่งไคล้แบรนด์นี้ก็มีมาก และก็มีรถที่สั่งพาร์ท PANDEM มาแล้ว ณ ตอนนี้ รอเปิดตัวเต็มๆ รับรองไม่ผิดหวัง บางคันอาจจะยังไม่คิดว่าจะมีก็ได้…
ตอนนี้ “ประทวย กล้วยทองคำ” ได้สั่งชุดพาร์ท PANDEM EG 3 Doors เข้ามาแล้ว ของแท้ สั่งตรงมาลงไทย ซึ่งมีความพิเศษกว่าใคร ที่ว่าเป็น “ไฟเบอร์สามชั้น” (Triple Layer Fiberglass) ซึ่งทาง TRA-KYOTO ได้เสริมมาให้ตามความต้องการ เนื่องจากทราบดีว่าถนนเมืองไทย “ห่วย” โอกาสที่รถจะสะเทือนหรือกระแทกมีสูง จึงเลย์เพิ่มอีกชั้นเผื่อความแข็งแรงสูงกว่าปกติ…
อีกคันกำลัง “ซุ่ม” อยู่ เป็นชุดพาร์ท ROCKET BUNNY NSX ที่สามารถ “ยกเปิดหัว” ได้ คันนี้มี Project ยักษ์ จะวางเครื่อง V8 (อะไรยังบอกไม่ได้) แต่ชุดพาร์ทมาเรียบร้อยแล้ว ได้ข่าวว่าเป็น ROCKET BUNNY NSX “ชุดแรกของโลก” เสร็จเมื่อไรยังตอบไม่ได้ แต่คิดว่าไม่นานเกินรอ…
มี Special Edition ด้วยนะครับ สำหรับพาร์ท ROCKET BUNNY ในเวอร์ชันพิเศษ “KM4SH SPEED HUNTER” ซึ่งเป็นชุดพาร์ทที่ Kei Miura ออกแบบให้กับ SPEED HUNTER ซึ่งเป็นสื่อที่ได้สัมภาษณ์เขาอย่างเป็นทางการ และทาง SPEED HUNTER เรียก Kei Miura ย่อๆ ว่า KM ซึ่ง “คนไทย” ก็มีพาร์ทชุดนี้ครอบครองอยู่ ได้ No. 0007 บอกแล้วคนไทยไม่แพ้ใครในโลก…
How to be Own “The Real Item”
ต้องขอบอกกันก่อนว่า ทาง TRA-KYOTO ได้บอกมาว่า หากต้องการสั่งพาร์ทหรือสินค้าใดๆ ของ ROCKET BUNNY หรือของร้านในเครือ ถ้าเป็น “เมืองไทย” อยากสั่งพาร์ทแท้ ทาง TRA-KYOTO แนะนำให้สั่งกับ “UNICAR MOTOR SPORT” ซึ่งเป็นของที่ออกจาก TRA-KYOTO โดยตรง !!! ส่วนถ้าจะสั่งจากแหล่งอื่น ก็ขอให้ “เช็ก” อย่างละเอียดว่าแท้หรือไม่…
Contact
UNICAR MOTOR SPORT
www.facebook.com/unicarmotorsportthailand
Tel. 08-1304-2277, 09-5531-5352, 0-2115-9070
Garage
สำหรับอู่ที่ติดตั้ง จัดทรง พาร์ท ROCKET BUNNY ถ้าหลักๆ แล้ว ที่ทำเยอะๆ และเห็นชื่อเสียงกันบ่อยๆ เช่น…
< MASTERPIECE : เจ้าดังย่าน “สามัคคี” ขึ้นชื่อในการทำรถซิ่ง รถสวย ทุกแนว,
Tel. 089-666-7966 (แชมป์)www.facebook.com/masterpieceservice
< K Shop Bangsean : เจ้าดัง “บางแสน” ที่ปั้นรถสวยๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง,
Tel. 08-1907-5095 (โอ), www.facebook.com/chalermsak.pakonsakul
World Wide Web
< www.tra-kyoto.com : เป็น Official Site โดยตรง หน้าเพจก็จะติสต์ๆ หน่อย มีขาย Goods หรือของที่ระลึกต่างๆ แต่หน้า Product ไม่ค่อยมีอะไรมาก อาจจะไปให้ความเคลื่อนไหวใน Facebook มากกว่า…
< www.facebook.com/RocketBunny : เป็น Official Page ของ PANDEM ROCKET BUNNY TRA-KYOTO (ล่อซะเต็มยศเลยกู) ซึ่งมีความเคลื่อนไหวอยู่อย่างต่อเนื่อง ถ้าจะดูข้อมูลหรือภาพที่อัพเดต เข้าไปนี่เลย…
< www.6666customs.com : เป็น Official Site ของ “โฟร์ซิกซ์” ที่จะมีรูปสวยๆ ใหญ่ๆ ของ ROCKET BUNNY ทุกซีรีส์ ให้ดูและ Download เป็น Wallpaper มีทั้งรูปรถ รูปพาร์ทแบบ 3D ก็ดีไปอีกแบบ ส่วนหน้าเพจ ชัดเจนว่าเป็นรถจากอเมริกา ที่แน่ๆ ก็คือ NISSAN 240 SX (S13) U.S. Spec ที่เป็นหน้า SX ท้าย SILVIA อันนี้จะเป็น “รถเดิมจากโรงงาน” นะครับ (เคยเขียนไปแล้วใน Reed It More 200 SX/SILVIA) ในญี่ปุ่นจะเรียกการผสมแบบนี้ว่า “One-Bia” มาจากคำว่า “One-Via” มาจาก One Eighty + SILVIA แต่เรียกแบบ “ตัดหัวตัดท้าย” เหลือแค่นั้นแหละครับ…
< www.rotiform.com : ใครอยาก “เพ้อ” กับล้อเทพ rotiform ที่มีลวดลายแบบ Vintage แต่นำเสนอในแบบ Modern (เขียนเองก็งงเองว่ะ) ลองเข้าไปดูแล้วกัน เผื่อจะเจอ “ล้อในฝัน” กะเขาบ้าง…
ROCKET BUNNY THAILAND
เป็นกลุ่มของ “คนไทย” ที่มีใจรักในแบรนด์กระต่ายจรวด เป็นที่รวมข้อมูล การแบ่งปันต่างๆ ในกลุ่มคนเล่นรถซิ่งด้วยกัน โดยจะมี Core Member (สมาชิกหลัก) คอยช่วยเหลือกันอยู่ ไม่ได้เปิดขึ้นมาเพื่อการค้า แต่เป็นเพียง “แหล่งของคนชอบในสิ่งเดียวกัน” พูดคุย มีตติ้ง ทักทาย จะโลกแห่งความจริง หรือ โลกโซเชียล ก็ว่ากันไปตามสะดวก ติดตามข่าวสาร และ “ฝอย” กันได้ที่…
Contact
www.facebook.com/RocketBunnyThailand
อภิรักษ์ สุทธิชัยรัตนา (Mr. Apiluck Sutichairattana)
ช่วงต้นปีที่แล้ว ผมได้มีโอกาสเดินทางไป “โอซาก้า” เป้าหมายหลักคือไปเยี่ยมชมงาน Osaka Auto Messe แต่ความตื่นเต้นมันอยู่ที่ “อีกเป้าหมายหลัก” ที่ตั้งใจว่าจะต้องไปเจอ TRA-KYOTO ให้ได้ ทริปนี้ ได้วางแผนไว้ว่าจะต้องมี “สายแข็ง” ที่สามารถพาเราทัวร์ พร้อมพูดคุยแบบ Exclusive ให้ได้ โชคดีที่มีโอกาสมาพบกับ Bank Streetmetal โดยการแนะนำให้รู้จักจาก Job dootv แบงค์จึงมาเปนไกด์สุดพิเศษของเรา และในเย็นวันหนึ่ง เราก็ออกเดินทางจาก Osaka มุ่งสู่ Kyoto ด้วยระยะเวลาร่วมชั่วโมง หลังจากที่รถเลี้ยวขวาจากถนนเส้นเมน เข้าถนนสายรอง บรรยากาศสองข้างทางก็เริ่มคุ้นตา จากที่เคยเห็นใน YouTube หัวใจเริ่มเต้นแรงขึ้นนิดหน่อย บรรยากาศในรถเริ่มกระปรี้กระเปร่า เสียง “โกโก้ ฮิปโปแคระ” ดังโพล่งออกมา “ใช่ละ ถึงล่ะพี่ นี่แหละ ผมจำได้เคยเห็นใน YouTube” สองนาทีต่อมา รถเราก็มาจอดหน้า… เอ่อ จะเรียกว่าอะไรดีล่ะ อู่ กึ่งบ้าน โรงงานเล็กๆ หาคำจำกัดความยากหน่อย แต่นี่แหละ มันคือแหล่งกำเนิด ของพาร์ท ROCKET BUNNY กระต่ายสัญชาติญี่ปุ่น ที่กระตุ้นกระแสโลกให้หันมามอง…
พอได้พบเจ้าบ้าน “Kei Miura” ก็ได้พาเราเข้าไปยังห้องรับแขก จริงๆ น่าจะเป็นห้องเดียวที่สามารถใช้นั่งคุยได้ และไม่น่าจะออกแบบมาสำหรับรับแขก หรือพูดคุยธุรกิจเสียเท่าไหร่ เพราะพื้นที่ค่อนข้างเล็ก และเต็มไปด้วยของจิปาถะมาก มาย ที่สำคัญคือ “คอมพิวเตอร์หนึ่งตัว” ที่วางอยู่บนกล่องครอบขนาดใหญ่ เหมือนกระเป๋าเคสแข็งๆ เจ้าคอมพิวเตอร์ตัวนี้แหละที่เป็นของคู่กาย มีโปรแกรมที่เขาเขียนขึ้นมาเอง เพื่อใช้ออกแบบพาร์ทขั้นเทพ สู่สายตาชาวโลก แนะนำตัวพอประมาณ Miura ก็แวบหายไปพักหนึ่ง เพื่อออกไปหน้าบ้าน กดตู้กาแฟกระป๋องมาต้อนรับเรา ระหว่างที่ Miura ออกไปนี้ ผมสังเกตบรรยากาศรอบๆ ห้อง เรียนตามตรงครับ อึ้งมาก !!! มันออกอารมณ์อึมครึม และมีฝุ่นจับไปทั่วทั้งบริเวณ ข้าวของมากมาย เต็มไปหมด ทั้งของใช้ โมเดลรถ ล้อ Retro ของสะสมต่างๆ แนว Vintage ที่สำคัญ ผนังด้านหนึ่งถูกแขวนเต็มไปด้วยเสื้อกันหนาว ออกแนวกองทัพทหารที่ใช้กัน เหมือนกับว่าห้องนี้บอกความเป็น “แนว” ของเขาอย่างชัดเจน…
แวบนึงผ่านไป เขาก็กลับมาพร้อมกับกาแฟ (กระป๋อง) ชุดใหญ่ สำหรับพวกเราทุกคน เรากล่าว แนะนำตัว พร้อมบอกวัตถุประสงค์ในการมาเยี่ยม เยียนครั้งนี้ พูดง่ายๆ ว่า “ศรัทธา” เลยอยากมาหา เจอตัวเป็น ๆ เท่าที่สังเกตและได้พูดคุย เขาเป็นคนค่อนข้างเงียบ ออกจะขรึม ๆ ถามมา ตอบไป พูดน้อย แต่ไม่ใช่ออกแนวหยิ่งและถือตัวนะ อาจจะออกแนวต่างคนต่างเกร็ง หลังจากพูดคุย ซักถามสิ่งที่เราอยากรู้ได้สักพัก เขาก็ปุบปับลุกขึ้น ชวนออกไปหาอะไรกินกันดีกว่า หลังจากนั้น บนโต๊ะอาหาร บทสนทนาก็มาเรื่อยๆ ผมขอสรุปคร่าว ๆ ให้ฟังละกันนะครับ สำหรับประสบการณ์ที่ได้ไปพบกับ Miura มา บอกได้เลยครับว่า “คนนี้มีความเป็นศิลปินสูง มุ่งมั่นและรักในงานที่ทำมาก” เก่งจริง คิดเอง ทำเอง เกือบหมดทุกขั้นตอน ที่สำคัญ เปิดใจยอมรับความหลากหลายของโลก (วันนั้นก่อนไป เพื่อนชาวญี่ปุ่นบอกว่า เขารู้ว่าเมืองไทยของ Copy เยอะ ทำใจหน่อยนะ เดี๋ยวเกิดเขาพูดประเด็นนี้ขี้นมา แต่แล้วเขาก็พูดจริงๆ แต่กลับพูดในแง่บวก ว่า “ไม่เป็นไร” แต่เขาจะ “สู้” และ “พิสูจน์” ให้เห็นว่า “ของแท้ ยังไงก็คือของแท้” สุดท้ายรู้สึกดีใจนะครับ ที่ได้เจอ คนเก่ง ๆ อย่างเขา และยอมรับในการออกแบบของเขาจริง ๆ ว่า “แม่งคิดได้ไง” ขอไหว้ทีวะ !!!
ท้ายสุด สำหรับการพาทัวร์เยี่ยมเยียนและสนทนาแบบ “จ่อติดสถานการณ์” แบบนี้ ขอยกเครดิตให้กับ…
Bank Street Metal (FB : Kittitouch Katemanee)
XO AUTOSPORT Special Thanks to
< Mr. Norihito Watanabe @ TRA-KYOTO
< ROCKET BUNNY THAILAND
< COCKPIT MOO RANGSIT : www.facebook.com/pages/Cockpit-Moo-Rangsit-Shop-Car-Wash
Some Data & Photo Reference to
< www.6666customs.com
< www.speedhunters.com
< www.stancenation.com
< www.superstreetonline.com
“ส้ม CUBE” SILVIA S14 BOSS
ส่วนตัวผมชอบการแต่งรถสไตล์ Retro อยู่แล้ว แต่ของ ROCKET BUNNY สามารถเอาแนว Retro มาผสมผสานกับรถยุคใหม่ได้อย่างโดดเด่น ผมก็เลยชอบมาตลอด อย่างคันนี้เป็น S14 BOSS ที่เปลี่ยนโฉมและหน้าตาใหม่หมด แม้จะเป็นหน้า CAMARO ยุค Classic แต่ก็เข้ากับ S14 ได้อย่างเหลือเชื่อ ก็เลยตัดสินใจทำคันนี้ขึ้นมาครับ แต่จะแต่งสีสันให้เป็นแบบ Vintage NASCAR และวางเครื่อง V8 เน้นอารมณ์ครับ…
“ประทวย กล้วยทองคำ” 200 SX Ver.2
รถคันนี้เดิมทีเป็นการหุ้มสติกเกอร์ลายรถทหาร แนว Flush พอได้เห็น BENSOPRA 380 SX ROCKET BUNNY ก็รู้สึกชอบมากๆ เลยตัดสินใจเปลี่ยนเป็นพาร์ท Ver.2 เลย ซึ่งดูแล้วว่าโดดเด่นไม่ซ้ำใคร คันนี้มีจุดเด่น คือ “สปอยเลอร์หลัง” ของ 6666 Customs แบบเดียวของ BENSOPRA ที่ผมก็ไปตามล่ามาจนได้ คันนี้จะพิเศษกว่า เพราะที่ขาสปอยเลอร์ จะเป็น Laser Cut ตัวเลข 6666 ด้วยครับ !!!
“รัก Love Sound” 350 Z Ver.1
ที่ชอบ ROCKET BUNNY เพราะมันเป็นสไตล์ Retro แต่นำมาประยุกต์ใช้กับรถรุ่นใหม่ได้สวยมาก ดูดิบๆ เถื่อนๆ ไม่ซ้ำใคร ผมก็เลยจัดการใส่ 350 Z คันนี้ เป็นการเปลี่ยนลุคให้รถเตี้ยๆ ล้อโตๆ ดูเด่นขึ้นไปอีกครับ…
“Bank Han” 86 Ver.2
สาเหตุที่ผมชอบพาร์ท ROCKET BUNNY Ver.2 เพราะว่า “มันดูมีเอกลักษณ์ดีครับ” เป็นแนว Classic แต่เข้ากับ 86 ได้ดีมาก อีกอย่างคือ ทรงของพาร์ทมันสามารถแต่งต่อยอดได้หลากหลายแนวมาก จะแนว Flush หรือ Racing ก็สวยทั้งหมด ผมก็เลยเลือกชุดนี้ ส่วนตัวว่ามันลงตัวกับ 86 มากที่สุดแล้วครับ…
“ฉ่อง S9” 86 Ver.1
ส่วนตัวผมชอบรถล้อโตๆ แน่นอน ว่าจะต้องหาโป่งใหญ่ๆ ใส่ เพราะ 86 เป็นรถที่คันไม่ใหญ่มาก ใส่โป่งแล้วก็น่าจะดูใหญ่โหดๆ ดี ตอนที่เริ่มทำรถ จังหวะ ROCKET BUNNY ออกมาพอดี เห็นแล้วโดนใจก็เลยทำ 86 คันนี้ เป็น Ver.1 หลังจากที่ทำออกมาแล้ว ก็รู้สึกได้อย่างที่ใจชอบ ก็เลยคงสภาพ Ver.1 นี้ไว้ครับ…
“หนึ่ง & JICA” RX-7 Ver.1 Street Drag
เหตุที่ชอบ ROCKET BUNNY เพราะตัวผมเองมองว่า มันเป็นแนว Retro จริง แต่พอใส่กับรถ RX-7 FD3S ที่มีอายุพอสมควร กลับทำให้ดูใหม่ ทันสมัย และตัวผมก็ชอบแนวๆ อลังการ สีสันสดใส ซึ่งมันเข้ากับพาร์ทชุดนี้จริงๆ ตรงกับสไตล์ของผมครับ…
“ต้อม Club 24” RX-7 Ver.1 & Triple Rotors
สำหรับคันนี้ แต่ก่อนผมใช้พาร์ท RE AMEMIYA อยู่พักใหญ่ พอ ROCKET BUNNY ออกมา ก็สั่งทาง UNICAR นำเข้ามาเลย คันนี้ผมยกให้ “ประทวย” เป็นผู้เดินเรื่องทั้งหมด จัดทรง ทำสี โดย MASTERPIECE ส่วนทาง PROSTREET วางเครื่อง 20B-REW วายริ่งสายไฟ ระบบต่างๆ อยู่นานพอควร เพราะผมต้องการความเนี้ยบที่สุด ออกมาก็ได้ตามต้องการครับ…
คันนี้ผมเห็นพาร์ท ROCKET BUNNY แล้วก็ชอบเลย ตัดสินใจสั่งแต่พอเห็นราคาแล้วก็ลังเลอยู่พักหนึ่ง ท้ายสุด ตัดสินใจสั่งเลย ให้ทาง MASTERPIECE จัดการเรื่องติดตั้งและสีให้ ผมสั่งเบิกล้อ W WORK S1 หน้า 10 x 18 นิ้ว หลัง 13 x 18 นิ้ว เพื่อให้รับกับโป่งนี้ พอเสร็จออกมาก็เปลี่ยนลุคแบบฉีกแนวไปเลยครับ…
บรรยายเพิ่ม