2nd Hand Engine Buyer Guide ขั้นตอนการเลือก “เครื่องยนต์มือสอง” แม้ไม่เซียน แต่ไม่หมู O_o !!!

 

เรื่อง : อินทรภูมิ์ แสงดี / ภาพ : พิสิษฐ์ ธนะสารเจริญ

2nd  Hand Engine Buyer Guide

ขั้นตอนการเลือกเครื่องยนต์มือสองแม้ไม่เซียน แต่ไม่หมู O_o !!! 

         สวัสดีครับ กลับมาเจอกันในคอลัมน์ Knowledge อีกครั้ง หลังจากที่หายกันไปตามวาระกิจซึ่งตอนนี้ก็จะพยายามดันกลับมาให้มีทุกฉบับ (หากมีข้อมูลพร้อม) โดยจะกล่าวถึงเรื่องราวเทคนิคที่คิดว่าผู้อ่านทุกคนก็น่าจะทำความเข้าใจได้ไม่ยากนัก ฉบับนี้ก็เป็นเรื่องใกล้ตัวของใครหลายคน ที่นิยมการวางเครื่องใหม่ทั้งอยากวางเครื่องแรงขึ้น หรือเปลี่ยนเครื่องใหม่ เพราะเครื่องเก่าลาโลก ฯลฯ อะไรก็ตาม แต่สิ่งหนึ่งที่จะต้องรู้ไว้ก็คือจะเลือกซื้อเครื่องยนต์มือสองอย่างไรถึงจะไม่โดนเชือดบอกก่อนว่า วิธีนี้เราพยายามทำขั้นตอนให้ละเอียดที่สุด เท่าที่จะทำได้ ก็น่าจะเป็นข้อมูลที่เพียงพอ อย่างน้อยไม่ถึงเซียนแต่ก็ไม่ใช่หมูที่ใครจะมาหลอกกันแบบหน้ามึนหรือกลืนลื่นอย่างน้อยมีอะไรติดคอมันมั่ง ก็ยังดีแหละน่า

ข้อตกลงเบื้องต้น ในการซื้อเครื่องมือสอง

         มันมีสองกรณีครับ อย่างแรก เอารถไปวางเครื่องที่อู่ (อู่ไหนก็ตามใจชอบคุณ) โดยปกติแล้ว ทางอู่ก็จะต้องรับผิดชอบในการหาเครื่อง ถ้าอู่ที่ได้มาตรฐาน ก็จะคัดสภาพเครื่องยนต์ที่สวยมาให้ลูกค้า (แต่อาจจะแบ่งเกรด เช่น A+, A อะไรอย่างนี้) แล้วแต่กำลังเงินลูกค้า ราคาไม่เท่ากัน อู่จะมีร้านเครื่องประจำที่เชื่อถือกันได้อยู่ เพราะไม่อยากมีปัญหาตามมาให้เสียชื่อ แต่ราคาก็จะต้องสูงหน่อย แต่ถ้าซวยไปเจออู่ที่ฟัน ฟัน ฟันเอาเครื่องสภาพแย่มาหลอกขาย ผมจะเรียกว่าเครื่องยำยำเอากองเศษ อะไหล่ มาผสมกันให้เป็นเครื่อง 1 ตัว ของก็ไม่ครบ สภาพก็ไม่ได้ อันนั้นซวยสุดเพราะใช้ไปก็มีปัญหาไม่จบไม่สิ้น เสือกแพงมหาโหดซะอีก บางคนท้อใจพาลเข็ดตลอดชีวิตก็มี อันนี้ไม่พูดเฉพาะเครื่องแรงนะครับ เครื่องรถบ้านทั่วไปก็มีสิทธิโดนได้ ก็ต้องใช้วิธีการเล็งที่เหมาะเหม็งเพื่อให้เราเสียเปรียบน้อยที่สุดครับ

         สำหรับข้อตกลงกับทางอู่ ไอ้เรื่องการรับประกันเครื่อง ผมว่ามันไม่มีข้อตกลงตายตัวว่ะ อยู่ที่จะตกลงกับลูกค้าเป็นเคส ๆไปมากกว่า ส่วนใหญ่ก็จะยึดหลักหน้าเจ็ด หลังเจ็ดก็คงไม่ใช่แน่ ก็จะรู้กันว่า ใช้ระยะประมาณหนึ่งสัปดาห์หลังจากวางเครื่อง ในการใช้งาน ถ้าไม่มีปัญหาถือว่าจบ แต่ถ้ามีปัญหา ก็ว่ากันเป็นเคสไป หากตรวจสอบแล้ว ปัญหานั้นเกิดจากตัวเครื่องจริง เช่น แหวนหลวม แกนเทอร์โบหลวม ควันออก เครื่องเดินไม่ดี เกียร์ออโต้กระตุก เปลี่ยนไม่ตรงจังหวะ ฯลฯ ทางอู่ก็ควรจะต้องรับผิดชอบ แต่ถ้าอัดพังอันนี้คงคุยกันยาก โดยเฉพาะเครื่องแรง คนขับก็แรง ยิ่งถ้าเป็นพวกจูนกล่อง ปล่อยรอบมันก็เสี่ยงอยู่ งานนี้เจ้าของรถอาจจะต้องซื้อเครื่องตัวใหม่แทน ตรงนี้ผมย้ำอีกครั้งว่าไม่มีข้อตกลงตายตัวเพราะเครื่องมือสอง มันก็คือมือสอง โอกาสเสี่ยงมีสูง แต่อย่างน้อยถ้ามีปัญหาเกิดขึ้น เจ้าของรถก็ต้องยอมรับในระดับหนึ่ง รวมถึงทางอู่ก็ควรจะรับผิดชอบในส่วนที่เกิดข้อผิดพลาดที่เป็นจากงานของตัวเองครับ

         เคสที่สอง คือเจ้าของรถเลือกซื้อเครื่องไปเองแล้วหิ้วไปให้ทางอู่วาง  เคสนี้ก็ต้องไว้ใจกัน ทั้งอู่ ทั้งเจ้าของรถ แต่ก็ระวังนะครับ ผมเตือนไว้ก่อนว่า ถ้าไปซื้อเครื่องมาเอง แล้วเครื่องตัวนี้ดันมีปัญหามาก่อนหน้า (เน่าใน) วางไปแล้วมีปัญหา ทางอู่ก็มีสิทธิปฏิเสธความรับผิดชอบในส่วนของเครื่องยนต์นะครับ เพราะจะอ้างว่า เครื่องนี้เจ้าของรถไปซื้อมาเอง ทางอู่ไม่รับรู้ด้วย งานนี้คุณก็ต้องวิ่งโร่ไปร้านขายเครื่อง เอาเครื่องกลับไปเช็ค ไปเคลม น่าจะวุ่นวายนะผมว่า เว้นแต่คุณมั่นใจว่าร้านนี้เครื่องเจ๋งจริง ไว้เนื้อเชื่อใจกันมานานก็อีกเรื่อง แต่ถ้าไม่แน่ใจ ควรจะให้ทางอู่เหมาไปเลย ทั้งหาเครื่อง วางเครื่อง มีปัญหาก็ให้ทางอู่ไปเคลมกันเอง ไม่งั้นเหนื่อยเราครับ เอ้า มาถึงขั้นตอนวิธีดูเครื่องกันดีกว่า ว่าเราจะควรดูจุดไหนบ้าง

ดูภายนอก เรี่ยมเร้เรไร

         อันดับแรก First Impression ความประทับใจแรกแย้ม ก็ต้องดูภาพรวมเป็นหลักก่อน นายแบบของเรา เป็น RB26DETT จาก SKYLINE GT-R (BCNR33) จริง แล้ว เครื่องไหนก็ใช้วิธีการดูเหมือนกันหมดนั่นแล

แคบมาอีกนิด ชิดมาอีกหน่อย ล้วงรูดูกันไป   

         หลังจากดูภายนอกกันแล้ว เราก็มาเจาะดู รูนั่นนี่ เพื่อล้วงลึกถึงสภาพของเครื่องยนต์แบบชัดเจนเท่าที่เราจะพอสังเกตด้วยตัวเองได้ ซึ่งก็มีอยู่หลายจุด ดังนี้

Warning

         การเลือกเครื่องที่แนะนำไปนี้ เราสามารถพิจารณาได้ในแบบเกือบครบแต่ยังไม่ครบเพราะไม่สามารถเปิดดูไส้ในได้เอง อาจจะเจอเครื่องดี สวย ใหม่ แต่ไส้พังมาแล้วก็ได้  แต่โอกาสก็คงมีไม่มากนัก ถ้าเป็นเครื่องเดิม ท้ายสุด ก็ต้องลองติดเครื่อง ใช้งานจริงดู และควรถามถึงการรับประกันเครื่องมีกรณีใดบ้าง ระยะกี่วัน ถ้าไม่แน่ใจ ให้อู่ที่ท่านจะเข้าไปทำเป็นผู้รับผิดชอบดีกว่า แล้วอย่าลืมเอกสารการซื้อขายเครื่องที่ร้านจะต้องออกให้ เพื่อแจ้งเปลี่ยนเลขเครื่องและเป็นหลักฐานว่ามีการซื้อขายจริง ไม่ใช่ขโมยรถมาถอดเครื่องขาย บางทีก็ไม่ใช่ขโมย แต่ขี้เกียจแจ้ง เอกสารหาย เครื่องโทรม ยกลงขายต่อ อันนั้นจะเป็นแบบไม่มีเอกสารหรือไม่มีเลขเจอกันบ่อยครับ

ได้เครื่องมาแล้ว ก่อนวางลงไป ควรทำอะไรบ้าง

         เอาล่ะครับ เมื่อเราได้เครื่องที่ชะตาต้องกันมาแล้ว จำไว้ว่า เครื่องมือสอง มันก็คือของเก่าที่จะมีโอกาสเจอของเสื่อมเสียได้เสมอ ควรจะเช็กก่อนที่จะหย่อน เพราะการทำด้านนอก มันง่ายกว่าทำในห้องเครื่องเยอะ อะไรดูแล้วเหลาเหย่ก็เปลี่ยนก่อนเถิด ดีกว่าหย่อนเครื่องไปแล้ว ใช้ไปไม่นาน เจอของเสื่อมเสียทีหลัง ก็ต้องกลับมารื้อทำกันอีกรอบ ไม่คุ้มแน่ล่ะ แต่บอกก่อนว่า การเปลี่ยนอะไหล่ส่วนที่เพิ่มมานี้ เจ้าของรถต้องจ่ายเองนะครับ จำไว้ว่าของทุกชิ้น มีอายุการใช้งานแต่ยังไงก็ซื้อความสบายใจไว้ดีกว่าไหมครับ

สายพานไทมิ่ง

         จำเป็นครับ เพราะเราไม่รู้หรอก ว่าเครื่องมันวิ่งมาระยะทางเท่าไหร่แน่ ปกติจะให้เปลี่ยนกันที่ 100,000 กม. ตามสติกเกอร์ที่อยู่บนฝาวาล์ว ตอนนี้เครื่องมาอยู่กับเราแล้ว ก็ควรจะเปิดฝาหน้าเครื่องมาตรวจสอบกันหน่อย ส่วนใหญ่แล้วจะแนะนำให้เปลี่ยนสบายใจกว่าครับ เว้นแต่ว่าสภาพมันดีมากจริง เนื้อสายพานยังนิ่ม ไม่มีร่องรอยแตก แข็งกระด้าง และเครื่องสภาพดีด้วย มันพอใช้ต่อได้ แต่ถ้าไม่ชัวร์ก็จัดไป ดีกว่าขาดทีหลัง แล้วลูกโหม่งวาล์วจะบรรลัยหนักทั้งเครื่อง พวกลูกรอกดันสายพานไทมิ่ง เปลี่ยนได้ควรเปลี่ยนครับ ยอมเชือดเนื้อแรก แล้วใช้ยาว แบบไร้กังวลดีกว่า

ปั๊มน้ำ

         อันนี้ก็ต้องดูประกอบสภาพเครื่องด้วย แต่โดยปกติ เครื่องที่เรานิยมเล่น กันในตลาด เช่น JZ, RB, 4G, 3S, B16A ฯลฯ พวกนี้เป็นเครื่องที่เริ่มมีอายุมากกันแล้ว อย่างน้อยก็เป็นสิบปีขึ้นไป อุปกรณ์ต่าง ก็ย่อมเสียไปตามกาลเวลา ตัวที่มักจะทำเรื่องให้ได้ ก็คือปั๊มน้ำมันแช่น้ำอยู่ โอกาสเกิดการกร่อนก็มีสูง โดยเฉพาะเครื่องที่ดูแล้วมีคราบตะกรันหรือสนิมในทางเดินน้ำ ลองถอดปั๊มน้ำออกมาดู ถ้าหน้าตามันเกรอะกรังก็ควรจะเปลี่ยน ไม่งั้นใช้ไปแล้วน้ำรั่วโดยที่เราไม่ได้สนใจ โดยเฉพาะคนประเภทไม่เคยเช็กอะไรเลย กูขับแม่มอย่างเดียว ถ้าน้ำในระบบหายไป ความร้อนจะสูงขึ้น โอกาสน็อกมีสูงครับ

ซีล และท่อยางต่าง  

         เยอะแยะ ไหน รื้อแล้ว ก็ดูซีลข้อเหวี่ยงหน้าและหลังเปลี่ยนได้ควรเปลี่ยน พวกนี้มันรั่วขึ้นมาแล้วทำยาก ตัวซีลไม่แพงหรอก แต่แพงค่าแรงรื้อเข้าออก มันไม่ได้รื้อง่ายนะครับ รวมไปถึงซีลต่าง เบ็ดเตล็ดมากมาย เช่น ซีลฝาวาล์ว ซีลฝาหน้าเครื่อง ถ้าซีลเก่า กรอบ แข็ง จะทำให้ของเหลวรั่วได้สารพัด อีกอย่างก็คือท่อยางต่าง ท่อยางน้ำ ท่อยางอากาศ ถ้าเจอสภาพแข็งกระด้าง แตกลายงา โยนทิ้งไปโลด ดีกว่าแตกแล้วจะทำให้เดือดร้อนแบบไม่เข้าเรื่อง บางทีท่อพวกนี้ มันดันไปอยู่ในซอกหลืบ เปลี่ยนก็ยาก ไม่แน่ใจสภาพก็เปลี่ยนซะก่อน ไม่แพงหรอกครับ

น้ำมันทุกชนิด    

         จริง คงไม่ต้องบอกนะเคสนี้ ยังไงมันก็ต้องเปลี่ยน แต่เคยเจอบางคนโคตรจะขี้เหนียว ดึงก้านน้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์ มาดู เห็นมันยังใส หน้าตาดี ก็ยืนยันจะใช้ต่อ ไม่รู้จะเหนียวไปถึงไหน อีกเรื่อง บางคนมีความเชื่อว่า น้ำมันเครื่องในญี่ปุ่น มันสุดยอดดีกว่าน้ำมันเครื่องที่ขายในไทย ถ้าใช้ได้ก็จะใช้ต่อ ไม่รู้เอาความคิดประหลาดนี้มาจากไหน พูดกันง่าย นะครับ เครื่องมือสองที่ถูกตัดมา มันถูกกองไว้เฉย และตัวเครื่องก็เปลือย โอกาสที่ฝุ่น ความชื้น จะเข้าไปในเครื่องก็มีสูงมาก โดยเฉพาะการขนส่งทางเรือเดินสมุทร ไอเค็มจากทะเล จะยิ่งส่งผลให้เกิดการกัดกร่อน แม้ลิ้นเร่งจะปิดสนิท แต่ยังไงมันก็มีท่อทางที่จะเข้าไปได้อีกเยอะเปลี่ยนให้หมดน้ำมันเครื่อง เกียร์ ถ้าเป็นเครื่องรถขับสี่ ส่วนใหญ่ก็จะมีน้ำมันเกียร์ Transfer เปลี่ยนให้หมดเลย อย่าคิดมาก

สรุป

         ก็อาจจะเยอะสักหน่อย แต่ก็พยายามจัดเต็มเท่าที่จะทำได้ ก็คงเป็น Engine Buyer Guide ที่สามารถจะทำความเข้าใจได้ง่าย อย่างน้อยก็ดีกว่าไม่รู้อะไรเลย วิ่งไปชนปังตอก็จบเห่ล่ะครับ ทั้งนี้ก็อยู่ที่ดวงของท่านด้วย ถ้าโชคดีก็จะได้เครื่องดี ราคาเหมาะสมกับสภาพ (ของถูกและดีไม่มีหรอก) แพงหน่อย แต่จบดีกว่าเจอเครื่องเน่า ถูกแต่ไม่จบจะปวดกบาลหลายเท่า ก็ขอให้ท่านที่กำลังจะซื้อเครื่องยนต์มือสองโชคดีทุกท่านครับ

ขอขอบคุณ : BIG JOHN SERVICE เอื้อเฟื้อข้อมูล และการถ่ายทำ โทร. 08-9818-1109