SKYLINE BNR34 GT-R V-SPEC NISMO R1: RB26 + GReddy TWIN TURBO

 

เรื่อง XO Autosport / ภาพ ทวีวัฒน์ วิลารูป

                BNR 34 รหัสสปอร์ตตัวสุดท้ายที่ยังคงใช้เครื่องยนต์ RB26DETT ซึ่งถือว่าสร้างความแรงให้กับสายพันธุ์ SKYLINE มาอย่างยาวนาน และนี่คือความขลังที่สาวก GODZILLA รู้กันดีว่าไม่ธรรมดา สำหรับ BNR34 คันนี้ก็เช่นกัน นอกจากความหล่อและลงตัวของบอดี้แล้ว สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือการถ่ายทอดความแรงสไตล์ดิบ ๆ  ที่หาได้ยากในรถรุ่นใหม่ ทำให้คุณบอย ผู้ซึ่งครอบครองรถคันนี้ ตั้งใจไว้ตั้งแต่ช่วงที่เรียนอยู่ ถึงแม้จะมีรุ่นใหม่อย่าง R35 ออกมาแล้วก็ตาม แต่ใช่ว่าจะเปลี่ยนความคิดของเขาได้ เพราะสิ่งสำคัญกว่าที่ R35 ไม่สามารถตอบสนองได้คือ อารมณ์ดิบ ๆ ที่ให้ความซะใจทุกครั้งในยามขับขี่  ทำให้ R34 คันนี้จึงถูกเลือกเป็นคอลเลกชั่นของเขา

ภายนอก NISMO

เริ่มต้นภายนอก ทางเจ้าของเน้นว่าอยากให้ออกมาดูเรียบ ๆ ไม่หวือหวาเกินไป ชุดพาร์ท NISMO Z-TUNE จึงถูกนำมาใช้แค่เพียงบางส่วน ได้แก่ กันชนหน้าที่มาพร้อมลิ้นแบบคาร์บอนฯ และไฟเลี้ยวโคมดำ, สเกิร์ตข้าง, สเกิร์ตหลัง และสปอยเลอร์หลัง ขาดเพียงแค่ฝากระโปรง และแก้มหน้าซ้าย-ขวา ซึ่งทางเจ้าของรถอยากให้ดูเรียบ ๆ มากกว่า

เครื่อง NISMO R1 LOOK

ท่อนบน HKS + GReddy

ท่องล่าง CALICO

สุดยอดเครื่องยนต์ SKYLINE ต้องยกให้ RB26DETT ที่มีเรี่ยวแรงพอตัว อีกทั้งมีเวอร์ชั่นพิเศษ ไม่ว่าจะเป็น N1 SPECหรือ NUR SPEC ซึ่งเครื่องยนต์จะมีการปรับแต่งมาแล้วจากโรงงาน แต่สำนักดังอย่าง NISMO ก็มีการปรับแต่งเครื่องบล็อกนี้ในแบบสำเร็จรูปเช่นกัน ซึ่งตอนนี้มีอยู่ 2 แบบคือ R2 SPEC และ S2 SPEC แต่สำหรับ R34 คันนี้ เลือกที่จะทำลุคเครื่องให้เป็นแบบตัวพิเศษของค่ายอย่าง NISMO R1 (R-TUNE CONCEPT ENGINE SPEC 1)

ส่วนในเรื่องความแรง ได้มีการโมฯ เพื่อปรับความแรงกันใหม่ตั้งแต่ท่อนล่างที่จับมาเสริมความทนทานด้วยเปลี่ยนชาฟท์อกชาฟท์ก้าน รวมถึงนอตก้านจาก CALICO และมุ่งประเด็นต่อไปที่จุดอ่อนอย่างปั๊มน้ำมันเครื่อง ด้วยการเปลี่ยนไปใช้ของรุ่น N1 เมื่อท่อนล่างพร้อม ก็มาต่อที่ชุดฝาสูบ ซึ่งจัดมาแบบครบครันด้วยการเบิกสปริงวาล์วและไกวาล์วจาก  HKS ส่วนแคมชาฟท์เลือกใช้ของ GReddy 272 องศา ที่มาพร้อมกับ SPOCKET CAM

ระบบอัดอากาศยังคงเลือกใช้แบบ TWIN TURBO แต่มีการอัพเกรด ด้วยเปลี่ยนไปใช้ของ GReddy T618Z  พร้อมลดอุณหภูมิก่อนเข้าสู่เครื่องยนต์ด้วยอินเตอร์คูลเลอร์จากค่ายเดียวกัน เท่านั้นยังไม่พอ เพราะระบบน้ำมันและระบบไฟจุดระเบิดคืออีกปัจจัยที่ต้องคำนึงถึง เพื่อความสัมพันธ์กับอากาศที่เพิ่มขึ้น โดยระบบน้ำมันเชื้อเพลิงได้เปลี่ยนไปใช้ปั๊มติ๊ก WALBRO ในถัง อัดน้ำมันเข้าสู่รางและชุดหัวฉีดจาก GReddy ซึ่งควบคุมแรงดันในระบบด้วย REGULATOR ของ SARD ทางด้านระบบไฟจุดระเบิด มีการปรับเปลี่ยนด้วยการนำคอยล์แยก MSD มาใช้คู่กับกล่องควบคุมการจุดระเบิดของ AEM ส่วนระบบไอเสียจัดการเบิกใหม่ ด้วยท่อไทเทเนียมทั้งเส้นจาก GANADOR เมื่อเครื่องยนต์พร้อมแล้ว จึงมีการปรับจูนกันใหม่ ด้วย HKS F-CON V PRO3.24 ซึ่งสเต็ปนี้เจ้าของเล่าให้ฟังว่า มีแรงม้าออกมาให้ใช้งานอยู่ 700 กว่าตัว กับเวลาควอเตอร์ไมล์ 10.4 วินาที ส่วนหนึ่งที่ความแรงออกมาได้สมบูรณ์ขนาดนี้ คงต้องยกให้ระบบส่งกำลังที่สามารถถ่ายทอดแรงม้าได้อย่างเต็มที่ โดยคันนี้เลือกเปลี่ยนไปใช้ชุดคลัตช์แบบ TWIN PLATE จาก ORC

ล้อ GRAM LIGHTS

ช่วงล่าง TEIN

                เมื่อความแรงจากเครื่องยนต์ถูกถ่ายทอดออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบแล้ว เรื่องของระบบช่วงล่างจึงต้องมีการพัฒนาตามไปด้วย ตั้งแต่ชุด COIL OVER SHOCK ที่เลือกใช้ของ TEIN SUPER RACING ซึ่งเป็นอีกหนึ่งรุ่นใหญ่ของค่าย โดยมีซับแทงค์ติดตั้งมาด้วย นอกจากนี้ยังมีการเปลี่ยนหนวดกุ้งด้านหน้าไปใช้แบบปรับได้ของ CUSCO ส่วนด้านหลังเปลี่ยนไปใช้ห่วงปรับแคมเบอร์จาก ORT และเพื่อความสวยลงตัว จึงจัดการเบิกล้อมาใหม่ โดยเลือกใช้  GRAM LIGHTS 57D ขนาด 18×9.5นิ้ว ออฟเซ็ต +12 ทั้ง 4 วง มาพร้อมกับยาง HANKOOK VENTUS RS3 ขนาด 265/35ZR18

ภายใน NISMO + DEFI

                มาถึงภายในห้องโดยสาร อาจดูไม่อลังการเหมือนรถซิ่งทั่วไป เพราะจุดประสงค์ต้องการให้เรียบง่ายและดูดี อุปกรณ์จึงถูกสถิตเท่าที่จำเป็น อย่างเช่น แผงหน้าปัดที่จัดการเปลี่ยนไปใช้ของ NISMO ซึ่งสามารถบอกความเร็วสูงสุดได้ถึง 320 กม./ชม. และรอบเครื่องยนต์สูงสุด 11,000 รอบ/นาที ขยับมาที่เสา A จะมีเกจ์วัด DEFI แปะไว้อีก 2 ตัว ได้แก่ วัด BOOST และ FUEL PRESS. ซึ่งเน้นการใช้งานเท่าที่จำเป็น แต่ก็ไม่ลืมติดตั้งอุปกรณ์สำคัญสำหรับครื่องเทอร์โบอย่าง TURBO TIMER จาก HKS และปรับบูสต์ไฟฟ้า GReddy PROFEC SPEC II

OWNER’S COMMENT  

สไตล์การแต่ง พยายามให้ออกมาดูเรียบที่สุด พยายามใช้พาร์ทของ NISMO ส่วนล้อเลือก GRAMLIGHT เพราะน้ำหนักเบา ทางด้านเครื่องก็โมฯ ตามใจ แต่ขอเป็นเทอร์โบคู่ ไม่ชอบเทอร์โบเดี่ยวเพราะดูไม่ค่อยเนียน สมรรถนะที่ได้กลับมา ลองเอาไปวิ่งควอเตอร์ไมล์ดู อยู่ที่ 10.4 วินาที ซึ่งรู้สึกพอใจ ถ้าเป็นชุดแต่ง Z-TUNE จะดูโหดกว่าเยอะ ซึ่งคันนี้อาจจะดูเรียบ ๆ คิดว่าน่าจะเปลี่ยนฝากระโปรงหน้าเป็นคาร์บอนฯ และคงใส่ CANARD เพิ่มอีกนิดหน่อย

X-TRA ORDINARY รูป

เมื่อเอ่ยถึง NISMO กับเครื่อง RB26DETT รับรองว่าต้องไม่ธรรมดาแน่นอน เพราะนอกจากรหัส R1 ที่มีการต่อยอดมาจาก N1 SPEC แล้ว ทาง NISMO ยังมีอีก 2 สเต็ปให้เลือกคือ S2 SPEC และ R2 SPEC ขั้นตอนเพียงแค่ส่งเครื่องของท่านไปยังสำนัก พร้อมระบุความต้องการ เท่านั้น ท่านก็จะได้เป็นเจ้าของความแรงด้วยราคา R2 (BNR34) 2,310,000 เยน   และ S2 (BNR34) 1,680,000 เยน