The Golden Era of Euro Classic “BMW E30” : ความร่วมสมัยที่ “ยังมา”
ขอสลับบรรยากาศจาก “ฝั่งปลาดิบ” มาเป็น “ฝั่งเบียร์” รสละมุนกันบ้าง แน่นอนว่า รถในฝันของใครหลายคน ย่อมมีบรรจุ BMW อนุกรม “E30” เอาไว้ ด้วยความที่มันเป็นรถที่ “จับต้องได้ไม่ยาก” เนื่องจากมีขายในประเทศไทย และได้รับความนิยมสูงในอดีต จึงมีรถเป็นจำนวนมาก สมัยนั้นราคาก็ถือว่า “แพง” อยู่เหมือนกัน สำหรับรถขนาดเล็ก แต่คนมีเงินก็ยอมซื้อ ตอนนี้ราคาไม่สูงเกินไปจนเอื้อมไม่ถึง ซึ่งยังพอจะหารถสภาพดีๆ ที่คนเก็บรักษาไว้มาทำต่อได้อยู่ จะซ่อมบำรุงให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์เดิมๆ ก็สามารถใช้งานไปได้อีกนาน ส่วนใครจะ “เล่น” ก็มีของให้เล่นแบบ “หลากหลาย” ราคารับได้บ้าง แพงบ้าง แพงโคตรบ้าง ก็แล้วแต่จะเลือกให้เหมาะสมกับงบประมาณที่มี ด้วยความที่อนุกรม E30 มีรถออกมาหลากหลายแบบ และมีการตกแต่งหลายสไตล์ หลายค่ายดังๆ จึงขอ “แบ่งไตรภาค” นะครับ ใน “ภาคแรก” นี้ จะพูดถึงข้อมูลพื้นฐานของ E30 และมีรถตัวอย่างที่เป็นรุ่นพื้นฐาน ก่อนจะไป “ภาคสอง” กันในรุ่น “แปลกประหลาด” จบที่ “ภาคสาม” จะเป็น “ตัวแต่งสำนักดังแบบครบชุด” จัดไปให้ครบ ส่วนข้อมูลที่น่าสนใจ ก็จะร่ายเป็นภาคๆ ไปตามความเหมาะสม งวดนี้ชมภาคแรกไปก่อนนะ…
- E30 โฉมแรกจริงๆ จะเป็น “คางหน้างุ้ม” แบบนี้ครับ ส่วนล้อติดรถจะเป็นแบบ “ฝาเบียร์” ยอดฮิต ขอบ 14 นิ้ว
Starting Line up
ปี 1978 BMW E30 ถูกสะบัดปากกา ดีไซน์รูปทรงขึ้นมาโดย “Mr. Claus Luthe” ชาวเยอรมัน ผู้ที่เคยออกแบบรูปทรงรถ NSU Ro 80 เครื่องยนต์โรตารี่อันโด่งดังในยุคนั้น เจตนาให้เป็นรถในรูปแบบ Compact Executive Car “รถขนาดเล็กที่หรูหรา” พร้อมกับมีความเป็นสปอร์ต มีคุณภาพยอดเยี่ยมในระดับสากล E30 เป็น 3 Series Generation 2 ที่ขึ้นมาทดแทน E21 “หน้าฉลาม” ในปี 1982 E30 ออกจำหน่ายครั้งแรก เป็นตัว “316” แบบ “2 ประตู คูเป้” และ “4 ประตู ซีดาน” (ซึ่งเป็นครั้งแรกของ 3 Series ที่ผลิตรถ 4 ประตู) สิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของมันก็คือ “กันชนเล็ก” และ “ไฟท้ายสองชั้น” ซึ่งมีชุดแต่ง “M-TECHNIC I” เป็นชายต่อลงมาจากกันชนเล็ก ตรงชายล่างสุดจะปั๊มเป็น “3 เส้น” ส่วนตัวถัง ก็จะมีจุดสังเกตได้ง่ายๆ ด้านหน้าคือ “คางหน้างุ้ม” ส่วนด้านท้าย “ชายล่างสั้น” เมื่อมองจากด้านหลังจะเห็นซุ้มยางอะไหล่ห้อยลงมาครึ่งหนึ่ง ส่วนซุ้มล้อหลังจะ “สูง” เครื่องยนต์เป็น M10 ความจุ 1.8 ลิตร SOHC คาร์บูเรเตอร์ มีเรี่ยวแรงน่ารัก 90 PS เจตนาจะให้เป็นรถที่ราคาไม่สูง และเรียกความสนใจได้ดี เกียร์เป็นแบบธรรมดา 4 สปีด ของ Getrag รุ่น 220 ส่วนเกียร์ธรรมดา 5 สปีด ของ Getrag รุ่น 240 ซึ่งเป็นอุปกรณ์สั่งพิเศษ (เป็นเกียร์ที่ใช้ร่วมกับ 320 i เครื่อง M20B20 แต่ส่วนของหัวหมูเกียร์ไม่เหมือนกัน) ส่วนเกียร์ออโต้ จะเป็นแบบ “3 สปีด” ของ ZF รุ่น 3 HP 22 ลากยาวจนถึงปี 1985…
ปี 1984 จัดการออก “318i” ที่ใช้ระบบ “หัวฉีด” เป็นเครื่อง M10B18 พื้นฐานเดิม แต่เพิ่มหัวฉีด และปรับปรุงสมรรถนะให้ดีขึ้น มีเรี่ยวแรง “105 PS” เน้นในความ “ประหยัด” และ “ลดมลพิษ” และมีรุ่น “เครื่องใหญ่สุด” คือ 325e (ตัว e ย่อมาจาก Efficiency) ที่ใช้เครื่อง M20B27 6 สูบ 2.7 ลิตร !!! ที่เรียกกันว่า “eta” หรือ “อีต้า” เปิดตัวครั้งแรกใน BMW 528 e แต่อย่าเพิ่งตาโตไป เพราะเครื่องรุ่นนี้มีแรงม้าเพียง “129 PS” เท่านั้น อ้าว ??? เจตนาในการผลิตเครื่อง “อีต้า” ขึ้นมา ไม่ได้เน้นกำลัง แต่เน้น “ความต่อเนื่องและราบเรียบ” มากกว่า พื้นฐานเป็นเครื่องกำลังอัดสูง เน้นตอบสนองเร็ว แต่วาล์วกับท่อไอดีมีขนาดเล็ก ก็เป็นที่รู้กันว่า “ไม่ได้ทำแรง” แน่นอน รอบสูงสุดประมาณ 5,500 rpm เท่านั้นเอง สไตล์นี้เน้นเอาใจตลาด U.S. ที่ชอบเครื่องใหญ่ ตอบสนองเร็วตั้งแต่รอบต่ำ ปี 1985 พัฒนาใหม่บางจุด เช่น เกียร์ออโต้ เปลี่ยนจาก 3 สปีด เป็น “4 สปีด” แต่ยังให้ “ZF” บริษัทผลิตเกียร์เจ้าดังในเยอรมันทำให้เหมือนเดิม รุ่นเครื่องแรงที่สุดใน E30 ก็จะเป็น “323i” เครื่อง M20B23 6 สูบ 2.3 ลิตร และมีรุ่น Top of The Line ออกมา คือ “325es” ที่พัฒนาต่อจาก 325e เช่น มี ABS เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน, ปรับเซตช่วงล่างใหม่ ให้ Handling ดีขึ้น ในช่วงปี 1986 จะเปลี่ยน “คาง” หน้า จากคางงุ้ม เป็น “คางตรง” ให้ดูเต็มสวยมากขึ้น…
- อันนี้รุ่น “คางตรง” ดูสวยเต็มขึ้นมาอีกหน่อย สังเกตรถนอกจะมี “หูลากหน้าสองหู” รถบ้านเราจะมี “หูเดียวด้านขวาของรถ” ซึ่ง E30 จะมีรุ่น 4 ประตู เป็นครั้งแรกของ 3 Series เพื่อตอบสนองผู้ใช้ในแบบครอบครัว
- ไม่ว่าจะ 2 ประตู หรือ 4 ประตู ก็มี Platform เดียวกัน ซึ่งเปลี่ยนรูปลักษณ์ไปตามความต้องการของลูกค้าว่าอยากได้ “โฉบเฉี่ยว” Sporty Look หรือจะ “ภูมิฐาน” ในแบบ Sedan
- รุ่นกันชนเล็ก แต่งได้ 2 สไตล์ ถ้าเป็น Classic ก็ต้องเดิมๆ คลีนๆ ล้อแต่งตรงรุ่น กดเตี้ย ถ้าจะเอาทันสมัยขึ้นมาหน่อย ก็จัด M-TECHNIC I เข้าไป เป็นชิ้นต่อจากใต้กันชนลงมา ทำให้รถดูเตี้ยลง ปิดซุ้มยางอะไหล่ด้านหลังไป
- ภายในของรุ่นไฟท้ายสองชั้น ถ้าเทียบกับ 3 ชั้น ดูเผินๆ ก็จะเหมือนกัน แต่มีจุดต่างบ้างครับ ส่วนหลักๆ ก็จะดูกันที่ “สวิตช์” ยกตัวอย่าง “ก้านไฟหน้า ไฟเลี้ยว ปัดน้ำฝน” ตัวสัญลักษณ์จะเป็นแบบ “กัดร่อง ถมสีขาว” (รุ่นแรกๆ นะ) ตรงแผงสวิทช์แอร์ ที่เป็นตัวสไลด์ 3 อัน นั่นน่ะ จะเป็นแบบ “ลูกศร” ช่องแอร์ด้านข้าง จะเป็นสัญลักษณ์ “กลมกลวง กลมขาว” แสดงการเปิดปิดช่องแอร์นั่นเอง ถ้าเป็นตัวนอก (ก็คันนี้แหละ) นาฬิกาจะเป็นแบบดิจิตอล พร้อมปุ่มให้กดดูสถานะรอบคันต่างๆ (บ้านเราเป็นนาฬิกาเข็มขาว) ช่วงแผงคอนโซลกลางนี้ รถพวงมาลัยซ้ายและขวาไม่สามารถสลับใช้กันได้เหมือนจอเรือนไมล์ เพราะนาฬิกาและวิทยุจะอยู่สลับฝั่งกัน
- ปี 1987 เป็นรุ่น “กันชน ECE” ที่เป็น “ยาง” ซึ่งเป็นมาตรฐานความปลอดภัยใหม่ คิ้วโครเมียมที่กันชนแบบรุ่นไฟท้ายสองชั้นหายไป เข้าใจว่าคิ้วโครเมียมเป็นส่วนที่แข็งและแหลมคม จะไป “ทำร้าย” คนเมื่อเกิดการชน เลยถูกยกเลิกไป ส่วน “กรอบประตู” จะเป็นสีดำด้าน กระจังหน้ารุ่นนี้ จะมีส่วนต่างจากรุ่นก่อน ที่ “ด้านบนของรูไฟหน้า” รุ่นนี้จะเป็นแบบ “เต็ม” รุ่นก่อนจะมี “เว้า” ครับ
ปี 1987 เป็น “Major Update” หรือ “เปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่” คือ “ไฟท้ายสามชั้น” จะมีขนาดใหญ่กว่า 2 ชั้น ชายล่างด้านหลัง จะยาวลงมาปิดซุ้มยางอะไหล่ และซุ้มล้อหลังจะ “เตี้ย” กว่า เลยทำให้ไม่สามารถใส่ล้อใหญ่และ “กดเตี้ย” ได้เหมือนรุ่นไฟท้ายสองชั้น กันชนหลังก็ใช้กันไม่ได้เหมือนกัน เพราะแนวซุ้มล้อไม่เหมือน “กระจังหน้า” ช่วงที่อยู่บนไฟหน้า จะ “เต็ม” ไม่มีเว้าเหมือนรุ่นก่อน “โครเมียมรอบคันหายไป” เป็นคิ้วสีดำ สำหรับ “กันชน” ก็จะมีให้เลือก 2 แบบ คือ “ECE” (อีซีอี) รูปทรงคล้ายของเดิม แต่เป็นยาง ไม่มีคิ้วโครเมียม ส่วนอีกแบบคือ “M-TECHNIC II” ก็ที่เห็นกันบ่อยๆ นั่นแหละครับ เป็นชายอูมๆ ลงมา บ้านเราก็มี แต่ส่วนมากก็ทำกันเองในนี้ ดูเส้นสายจะไม่คม ทรงลีบๆ ผอมๆ ไม่เหมือนของแท้ที่ดูดีกว่าเยอะ อันนี้ดูด้วยสายตาก็รู้ครับ รุ่นนี้ถ้าเป็น 318i ก็จะเปลี่ยนเครื่องเป็น “M40” แทน M10 ของเดิม และรุ่นแรงที่สุด คือ 325i” เครื่อง “M20B25” 2.5 ลิตร มีเรี่ยวแรงถึง “171 PS” เหลือๆ เลย และมีคน “ซน” ด้วยการเอาท่อนล่าง eta มา “สะเวิ้บ” กับฝาสูบรุ่นนี้ แต่ก็ต้องมีการ “ทำกำลังอัด” ให้เหมาะสม เท่าที่ทราบมา เครื่องตัวนี้จะแรงกว่าที่อยู่ใน 5 Series E34 เสียอีก อาจจะต้องการความเป็นสปอร์ตที่สุด อัตราทดเกียร์อะไรต่างๆ ก็จะจัดจ้านกว่า ปี 1990 มี “Air Bag” ด้วยนะ สำหรับ E30 ไฟสามชั้น ก็จะมีชีวิตลากยาวไปถึงปี “1994” ก่อนจะเปลี่ยนเป็น E36 นับว่า E30 มีอายุยืนยาวถึง “12 ปี” ด้วยกัน…
- นี่แหละครับ “ไฟท้ายสามชั้น” ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าเดิม ตัวถังก็ไม่เหมือนกันครับ อย่างที่บอกไป ล้อ Accessories อันนี้ เป็นของ BBS ผลิตให้ เรียกว่ารุ่น Cross Spoke ขอบ 15 นิ้ว บางคนก็เรียกว่า “Basket weave” (ลายตะกร้าสาน) ส่วน “ตูดเป็ด” บนฝาท้าย ฝรั่งเรียกว่า “Deck lid Spoiler” ครับ
E30 in Thailand
แน่นอน ต้อง “ยนตรกิจ” ที่เป็นผู้แทนจำหน่าย BMW ในตอนนั้น ตัว E30 ก็เข้ามาในช่วงปี 1984 เป็นรุ่น 316 มาก่อน และต่อด้วย 318i ผมหาราคาปี 1986 เจอ ตัว 2 ประตู อยู่ที่ “519,000 บาท” ตัว 4 ประตู “549,000 บาท” (รุ่นไฟสองชั้น จะเป็น “เบาะหนังรู”) ส่วน 318i ถีบขึ้นไป “595,000 บาท” รถบ้านเราจะเป็น “กันชนบิ๊ก” เหมือนสเป็กอเมริกา แต่ถ้าไม่ชอบ จะเปลี่ยนเป็น “กันชนเล็ก” อยากหล่อก็สั่งพร้อมชุดแต่ง M-TECHNIC I ที่เป็นชายต่อใต้กันชนลงมา ดูง่ายๆ ครับ ถ้ารถใช้กันชนบิ๊ก แล้วเปลี่ยนกันชนเล็ก ให้มุดดู “รูกันชนที่ตัวถัง” ของกันชนบิ๊กจะ “รูใหญ่” เพราะขากันชนมันคือ “โช้คอัพ” ซับแรง ตามกฎหมายของอเมริกา ในช่วงปี 1986-1987 รุ่นไฟท้ายสามชั้น (เบาะจะเป็น “หนังเรียบ”) มันจะมี “รถนำเข้า” มาทั้งคัน เพราะ “ผลิตไม่ทันออเดอร์” จุดแตกต่างของรถนำเข้าคือ “หูลากหน้าจะมีสองฝั่ง” รถบ้านเราจะมี “ฝั่งเดียว” สำหรับตัวสุดท้ายที่ขายบ้านเรา ประมาณปี 1992 จะ “เทของ” เพื่อจะเปลี่ยนเป็น E36 ก็ใส่ชุด M-TECHNIC II มาให้ (เฉพาะพาร์ทนะ) ราคา “เก้าแสนกว่าบาท” ลดลงจาก “1,230,000 บาท” ซึ่งเป็นการปิดล็อตขาย E30 นั่นเอง…
Dress Up Tips
เริ่มกันจาก “ของตกแต่ง” ในรูปแบบต่างๆ จะเป็นของตัวนอก หรือ Accessories แปลกๆ ขอคัดเฉพาะ “ส่วนนิยม” แล้วกันครับ ถ้าจะให้เหมาหมดโลกนี่ ไม่ไหว เพราะสเป็กมันเยอะมากครับ…
- จริงๆ รถ BMW E30 มันมีจำหน่ายทั่วโลก ก็จะมีสเป็กต่างๆ เยอะมาก เช่น เยอรมัน ญี่ปุ่น อังกฤษ ที่นิยมเล่นกันในบ้านเรา ส่วน “สไตล์คนไทย” ส่วนใหญ่แล้วก็จะ “มีอะไรใส่หมด” เรียกว่าอะไรที่เป็นตัวนอก หาอะไรเจอก็ใส่กันเข้าไป บางทีอุปกรณ์ที่ไม่ได้ใช้สำหรับเมืองไทย เช่น ปัดหิมะไฟหน้า ถ้าจะใส่ก็เน้น “สวย” ไว้ก่อน ใช้ได้หรือไม่ได้อีกเรื่อง อันนี้ก็แล้วแต่ความชอบครับ ว่าอยากจะใส่อะไร…
- สำหรับตัว 2 ประตู “กันชนเล็ก” พูดถึง “ภายใน” กันก่อน อันที่ “ตัวจริง” นิยม ก็คือ “เบาะผ้า + ภายใน ลายสก็อต” สีเทาดำ ก็จะมีทั้ง “สก็อตเล็ก” และ “สก็อตใหญ่” ของพวกนี้ก็จะต้อง “มีตังค์และมีดวง” ด้วยนะครับ ถึงจะเจอแบบครบชุด เรียกว่าต้องจัดมาทั้งคันนั่นแหละ ครบเซตประมาณ “สี่หมื่น” นะครับ…
- สำหรับตัว “ไฟ 3 ชั้น” ภายในก็จะมีลายผ้าสองสี คือ สีเทาดำกับสีเทาอมฟ้า เบาะมีสองแบบ “ทรงโซฟา” และ “กึ่ง Bucket Seat” ตัวนี้จะมี “แถบพลาสติกสีดำ” (ตัวผม “พี สี่ภาค” คิดว่าทรงมันเหมือน “ปลิง”) ติดอยู่ที่พนักพิง พร้อมโลโก M-TECHNICS II ยกมาครบชุดจริงๆ ก็มีทะลุ “ห้าหมื่น” ขึ้นไป…
- สำหรับ “ของเด็ด” ที่ไม่มีในรถขายในเมืองไทยแน่นอน อันดับแรก คือ “Check Control” ติดตั้งแทนนาฬิกาแบบเข็มของเดิม อันนี้จะเป็น “ดิจิตอลสีส้ม” มีปุ่มกดเช็กว่าจุดไหนมีปัญหา เช่น ไฟท้ายขาด ไอ้นั่นไอ้นี่ไม่ติด โดยมีไฟเตือนที่ด้านบนกระจกมองหลัง…
- ถ้าจะให้เท่ ก็จะต้องมี “เท้าแขนกลางแบบเปิดได้” ที่เป็น Accessories เสริมขึ้นมา เหล็กแผ่นสองข้างทรงตัวยูคว่ำ ยึดกับคอนโซลเกียร์เดิมแบบซื่อๆ เลย อันนี้เป็นสเป็กญี่ปุ่น ส่วนของยุโรปก็มี ทรงจะคล้ายๆ กันนั่นแหละ แต่ของญี่ปุ่นจะนิยมกว่า “หายากมากครับ” ราคาล่าสุด “หมื่นแปด” เองครับ เอิ๊กกกกก ลมใส่…
- จอหน้าปัด ถ้าสุดก็ต้อง “เข็มส้ม” สไตล์ M Power หรือไม่ก็ต้องของ “K. Spec” ที่เป็นรถพวงมาลัยขวาเหมือนกับบ้านเรา แต่เรือนไมล์จะบอกทั้งหน่วย “mph” ที่วงนอก ส่วนวงใน จะเป็น “km/h” จะดูแปลกตาและสวยงามกว่าสเป็กอื่น (สเป็กเยอรมันเป็น km/h นะจ๊ะ ไม่ใช่ mph) จริงๆ U.S. Spec ก็เป็นเรือนไมล์แบบสองหน่วยนี่แหละ เพียงแต่ว่า มันเป็นของรถ “พวงมาลัยซ้าย” ถ้าจะให้ “ทรงฝั่งบ้านเรา” และ “เก๋า” จริงๆ ก็ต้องเป็น U.K. Spec นี่แหละ…
- “กระจกมองหลัง” จะต้องมี Light หรือ “ไฟส่องแผนที่” ซึ่งบ้านเราไม่มี…
- “ไฟหน้า” ถ้าเป็นรถบ้านเรา จะเป็น BOSCH แต่ถ้า “แจ๋ว” ต้องของ “HELLA” แต่ถ้าแจ๋วสุดๆ ในไลน์ของ “ไฟแต่ง” ก็ต้อง “HELLA Smoked Euro Ellipsoid” แบบ “รมดำ” คู่นึงประมาณ “สองหมื่น” ส่วน “ไฟท้าย” ก็จะเป็นแบบรมดำ และ “แดงทั้งโคม” นี่สุดยอด ราคา “28,000 บาท” ต่อคู่…
- ไหนๆ ไฟหน้ารมดำแล้ว ก็ต้องแต่ง Black look กันหน่อย “กระจังฟันหนู” ของแจ๋วสุดก็จะใช้ของเดิมนี่แหละ แต่ไป “ครอบเส้นพลาสติกดำ” ให้โครเมียมมันหายไป (แต่ระวังหน่อย เพราะหลุดง่ายมาก) ส่วนของเทียมก็ใช้ฉีดขึ้นรูปเอาเป็นสีดำมาเลย อันนั้นระดับกลางๆ…
- “เสาอากาศ” ของแต่งญี่ปุ่น จะเป็นเหมือนตุ่มเล็กๆ สั้นๆ เป็นพลาสติกโครเมียม อันนี้ก็ของหายากเหมือนกัน…
Garage & Shop
สำหรับอู่ที่รับทำ E30 จริงๆ อู่ BMW แบบเฉพาะทางที่ไหนก็สามารถรับซ่อมบำรุงได้ มีอยู่เยอะมาก แต่อาจจะมีแนวทางที่ต่างกันออกไป เช่น บางอู่เน้นทำใช้งานแบบทั่วไป บางอู่มีของแต่งหรือของหายากให้เสียตังค์เล่น อะไรประมาณนี้ หรือ Shop ที่ขายของ BMW ก็มีเยอะจริงๆ ในโลกออนไลน์ ดังนั้น เราขอ “ยกตัวอย่าง” ให้พอเป็น “ทางเลือก” ในจุดหลักๆ นะครับ…
- BMW ตี๋เล็ก เซอร์วิส: ตอนนี้กำลังมาแรง อยู่ถนนสามัคคีตัดใหม่ ทำหมดทุกอย่าง แถมรับสั่งอะไหล่ BMW จากต่างประเทศอีกด้วยนะครับ Contact: Tel. 08-7990-5225
- นันทวรรณ การาจ: รู้จักกันดีในนามของ “น้าตุ่ย” อาจารย์ใหญ่ E30 รายละเอียดเพียบ ทำทั้งรถ ขายทั้งอะไหล่ อยู่ย่านศรีนครินทร์ Contact: Tel. 08-1802-8989, Facebook/อะไหล่ E30 online
- BMW บางนา: ย่านบางนา 26 Contact: Tel. 0-2746-7202, Facebook/บริษัท บีเอ็มบางนา เซอร์วิส
- M-POWER: เลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา Contact: Tel. 08-6077-2008
World Wide & Community
สำหรับ “สังคมออนไลน์” ของ E30 ก็มีหลายกลุ่ม หลากสไตล์ ก็แตกแขนงออกมากันเรื่อยๆ เรายกตัวอย่างไว้ละกันครับ เผื่อเป็นแนวทางในการเลือกเข้าไปพูดคุย…
- German Domestic Market (GDM): เป็นกลุ่มที่ตั้งขึ้นมาเพื่อเป็นที่โชว์รูปรถ พูดคุย ขายของ ในกลุ่มรถเยอรมัน เน้นไปในทาง BMW ตามความนิยมของกระแสในขณะนี้ Contact: Facebook/GermanDomesticMarket
- BMW E30 THAILAND: กลุ่มเก่าแก่ดั้งเดิมที่เป็น E30 เฉพาะทาง มีหลากหลายสไตล์ เดิม แต่ง อะไรก็ว่ากันไป Contact: Facebook/E30THAILAND
- BMW E30 Classic Thailand: ชื่อก็บอกแล้วครับ เน้นไปในแนว “คลาสสิก ตรงยุค” แต่จริงๆ แล้ว ก็สำหรับคนที่ชื่นชอบ E30 นั่นแหละ Contact: Facebook/E30ClassicThailand
- BMW E30 LOVER: อีกกลุ่มสำหรับแฟนๆ E30 ที่เป็นของเมืองไทยจัดตั้งขึ้นมา Contact: Facebook/E30LOVER
- E30 Info: หน้าตาเว็บไซต์ดูโบราณๆ ติสต์ๆ หน่อย แต่ก็มีรายละเอียดเชิงเปรียบเทียบ E30 แต่ละรุ่น แต่ติอย่าง “ตัวหนังสือเล็กไปหน่อย” ใครสายตาไม่ดีก็ต้อง Copy มา Paste อ่านใน Word จะดีกว่า Contact: e30info.com
- E30 Owners: อันนี้จะดูอลังการหน่อย มี Forum หลายอย่างให้เลือกเข้าไปสรรหา มี E30 เป็นหลัก ส่วน BMW รุ่นอื่นๆ ก็มีห้องแชตต่างหาก Contact: e30owners.com
Owner & Specialist Comment
“อาจารย์ตุ่ย” BMW E30 2 Doors with Rare Item
เหตุที่มาเล่น E30 ก็เพราะสมัยก่อนเห็นรถรุ่นนี้วิ่งอยู่หน้า “เดอะ พาเลซ” แล้วชอบ แต่ยังไม่มีเงินซื้อ รู้สึกว่ารถมันเท่ดี พอมีกำลังซื้อได้ ก็ “จัด” เลยครับ คันนี้เป็น 318i รุ่นกันชนเล็ก ที่เน้นความเรียบ Classic เดิมๆ แต่ใส่พวกของตัวนอก Accessories หายากต่างๆ ที่ไม่มีในรถบ้านเรา จะบอกว่าไปทางสำนักไหนก็คงตอบไม่ได้ แต่งตามความชอบ ไม่ได้ยึดติดแบรนด์ คือ “ชอบอะไรก็ใส่” เพียงแต่ว่า “แต่งให้ตรงยุคสมัยของมัน” และ “ดูกลมกลืน” จบด้วยการทำสภาพรถให้สวยก็โอเคแล้วครับ…
- เรียบๆ แต่ “ของเพียบ” นะจ๊ะ ไฟหน้า HELLA H4 แบบ “หน้าแบน” ตรงรุ่น หายาก ลิ้นหน้า Cabriolet กระจกรอบคันเปลี่ยนเป็นของตัวนอก ยี่ห้อ SIGLA แบบ Tint Glass (ย้อมสี)
- ล้อ ALPINA ตรงสเป็ก 4 รู 100 “ก้านยาว” ขนาด “หน้าเจ็ด หลังแปด ขอบสิบหก” ถูกสูตร E30 มี Mud Guard ของ ALPINA ติดไว้ หางหลัง FOHA สังเกตนะครับ ช่องว่างระหว่างฝาเติมน้ำมันกับแนว Fender จะ “ชิด” เพราะซุ้มล้อเว้าสูง
- พวงมาลัย ALPINA 4 ก้านเหล็ก ของแต่งตรงรุ่น หัวเกียร์ออโต้รุ่นนี้ ตัวยึดกับก้านจะเป็นปลอกขนาดเล็ก ส่วนก้านสวิตช์ เอาของ is มาใส่ มี Cruise Control
- เรือนไมล์แบบ mph จะมีทั้งสเป็ก U.K. และ U.S. คันนี้เป็นของ U.S. จะมี “ขีดแดงที่ 55 mph” หรือ 88 km/h ส่วนเกจ์วัดอัตราสิ้นเปลือง (Fuel Consumption) ใต้วัดรอบ จะเป็นหน่วย mpg หรือ “ไมล์ต่อแกลลอน” นะครับ
- เบาะ “สก็อตใหญ่” จาก M3 เบาะหน้าทรงกึ่ง Bucket Seat ส่วนเบาะหลังจะเป็นแบบ “หลุม” แยกสองฝั่ง (ไม่มี Belt กลาง) ถ้าเบาะตัว 2 ประตู จะต้องมี “คันโยกปรับพนักเบาะหน้าพับลง” เพื่อให้คนข้างหลังสามารถออกได้
- แผงปิดใต้ฝาท้ายแบบ “เต็ม” ปกติจะมีเฉพาะกล่องเครื่องมือเฉยๆ และมีของหายาก กล่องครอบแบตเตอรี่ ที่คันนี้ย้ายมาอยู่ด้านหลังตามแบบตัวนอก เพื่อป้องกันการ “ผุ” ใต้ฐานแบตฯ ในห้องเครื่องที่เจอกันบ่อยๆ มีกล่อง First Aid และอุปกรณ์ต่างๆ ครบครัน
- ชุดเครื่องมือพร้อม และผ้า BMW อันนี้แหละไม่ธรรมดา คอ BMW ต้องมี ด้ามไขควงมี 3 สี จำหน่ายคนละประเทศ ถ้าเป็น “ด้ามเขียว” จะเป็นรถจำหน่ายแถบยุโรป “ด้ามแดง” U.S. Spec ส่วน “ด้ามฟ้า” เป็นแถบ South Africa เล่นกันถึงเพียงนี้
- ขุมพลัง จาก M10B18 มาเป็น M20B25 จาก 325i ตัวแรงสุดใน E30 (ไม่นับ M3) ครอบฝา ALPINA เครื่องรุ่นนี้เป็น “ปล่องแอร์โฟล์วเหล็ก” ตรงยุค ส่วนหม้อน้ำเป็นรุ่นไฟสามชั้น เพราะหาสภาพดีได้ง่ายกว่า เปลี่ยนท่อยางหม้อน้ำเพราะปากทางเข้ามันคนละทางกันก็จบ ค้ำโช้คของ MATTER ที่เป็นของหายากสำหรับ E30 อีกเช่นกัน
“โก้ หมูสู้มีด” BMW E30 2 Doors ECE Stance
จากหน้าผมเนี่ย คนก็รู้ว่าผมเล่นรถญี่ปุ่นมาทั้งชีวิต แต่ที่มาเล่นกับ E30 จริงๆ เป็นเพียงแค่ “อยากจะหารถใช้งานจริงๆ สักคัน ที่ขับแล้วดูดีหน่อย” ราคาไม่แพงมาก ก็เลยสนใจ E30 ตอนแรกก็จะซื้อ 4 ประตู แต่ “เฮีย” บก.บห. XO AUTOSPORT แนะว่า “ควรเล่น 2 ประตู” ก็เลยขายคันนี้ต่อมาให้ผม ยอมรับว่าซื้อราคาค่อนข้างสูง แต่ “ครบถ้วน” เลย “ยอมเจ็บหนักครั้งแรก” ได้มาก็ทำให้สมบูรณ์ โดยที่ใช้งานได้ทุกวันจริงๆ ส่วนของแต่งต่างๆ E30 มีเยอะมาก มันสนุกตรงนี้แหละ อีกอย่างเรามี Specialist และเพื่อนๆ พี่ๆ คอยดูแลและช่วยเหลือกัน เลยรู้สึกว่ามันน่าเล่นครับ…
- ไฟสามชั้น กันชน ECE คันนี้ลอกคราบ JDM มาทั้งคัน แต่งสไตล์ Stance ออกจะ “ผิดระเบียบคนอื่น แต่ถูกระเบียบใจเจ้าของ” (คนไม่ปกติ)
- กระจกหูช้างหลัง “กระดกได้” บ้านเรากระดกไม่ได้ ตูดเป็ด Deck Lid ล้อ PERFORMA JANT. ขนาด “เก้านิ้ว ขอบสิบหก” จาก “ตุรกี” ลายตามแบบ M-TECHNICA สไตล์ Turbo Fan ที่นิยมกันมากในรถแข่ง Group 5 และ Group C ยุค 80 ต้นๆ (พวก BMW M1 ตัวแข่งยุคนั้นก็ใส่กัน)
- ภายในเนี้ยบ เก็บรายละเอียดใหม่ พวงมาลัยสไตล์ “ขัดใจ” NARDI Classic หัวเกียร์ออโต้ของรุ่นไฟสามชั้น ปลอกที่สวมกับด้ามเกียร์จะมีขนาดใหญ่กว่า สำหรับสวิตช์แอร์ โลโกตรงปุ่มสไลด์จะเป็น “รูปคน” ส่วนข้างช่องแอร์จะเป็นสัญลักษณ์ “O I”
เกจ์น้ำมัน (Fuel) จะมีทั้งแบบ “บอกจำนวนน้ำมันเป็นลิตร” และ “บอกเป็นเศษส่วน” ส่วนเกจ์วัดอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง มีสองแบบครับ อันนี้เป็นแบบ “สเกลตัวเลขเยอะ” หน่วยเป็น “กิโลเมตรต่อลิตร” หรือ km/l ซึ่งตรงกับหน่วยบ้านเรา
- ภายในสเป็กญี่ปุ่น “สีเทาฟ้า” มาทั้งคัน ถ้าอยากสวยก็ต้องมาให้ครบ พรมพื้นใหญ่ก็ต้องสีเดียวกันด้วย
- มี “ม่านหลัง” ด้วยครับ เบาะหลังจะเป็นเข็มขัดนิรภัย 3 จุด เผื่อคนนั่งกลางด้วยตามกฎหมายของยุโรป
- M40B18 ที่มาแทน M10 รุ่นก่อน ถูกพัฒนาใหม่ ไม่ได้เอาแรง เน้น “สมบูรณ์” ก็ใช้งานได้ดีแล้ว ค้ำโช้คอัพ ULTRA RACING
“เฮียเกีย” BMW E30 4 Doors Big Bumper
ความประทับใจกับ E30 สมัยก่อนผมซื้อหนังสือ “กรังด์ปรีซ์” สมัยนู้นมาอ่าน เห็นรูป E30 หน้าตรง “เปิดไฟสี่ดวง” กำลัง “เหาะ” แบบ Rally มาเลย ก็เลยรู้สึกว่า “เออ ต้องไอ้นี่แหละ” เท่สุดๆ พอมีฐานะก็หาซื้อรถมา คันนี้เป็นรถจาก ยนตรกิจ แต่มาเอาของตัวนอกใส่ ขอแนวเรียบๆ ผู้ใหญ่ๆ เพราะเราขับใช้งานทุกวันด้วย ขนาดล้อยังเป็น 14 นิ้ว จะได้ไม่สะเทือนมาก ก็พยายามเก็บให้มันเดิมๆ และรักษาไว้นานๆ ครับ…
- คนอาจจะไม่ค่อยนิยม 4 ประตู แต่มันก็สวยไปอีกแบบนะ คันนี้เป็น “ไฟสามชั้น กันชนบิ๊ก” ตามแบบที่ออกจากยนตรกิจ ที่เอากันชน U.S. Spec มาให้ ใส่ปัดหิมะไฟหน้าเพิ่มให้ดูเท่ๆ หน่อย
- ล้อ BBS Cross Spoke “Basket Weave” 14 นิ้ว มาครบชุด เน้นใช้งานไม่เน้นซิ่ง เรียบๆ คลีนๆ แค่นี้ก็พอแล้ว
- ภายใน “หนังเทาอมน้ำตาลอ่อน” ตัวนอก บ้านเรารุ่นนี้จะเป็น “หนังเทียม ดำเรียบ” พวงมาลัย หัวเกียร์ ของแต่ง BMW ตรงรุ่น
- เรือนไมล์ U.K. Spec จะไม่มีขีดแดงที่ 55 mph เหมือนของ U.S. Spec
- เบาะทรงโซฟา ที่เน้นนั่งสบายเป็นหลัก คอนโซลกลางมีที่ใส่ “ตลับเทปคาสเซต” เป็นจุดเด่นของ E30
- อันนี้ก็มี กล่องเก็บ First Aid Box และสีฟ้าๆ คือ กล่องเก็บ “สามเหลี่ยมสะท้อนแสง” รุ่นไฟสามชั้น จะเป็นวาง “แนวตั้ง” ส่วนรุ่นไฟสองชั้น จะวาง “แนวนอน
- M40B18 เกียร์ธรรมดา เน้นความเนี้ยบ กล่องฟิวส์ตรงรุ่นใสปิ๊ง แบตเตอรี่อยู่ตำแหน่งนี้ ต้องระวัง “น้ำขังจนผุ” เป็นเรื่องที่เจอกันบ่อยๆ
“บังแจ๊ค” BMW E30 2 Doors M-TECHNIC II
แต่เดิมครอบครัวผมก็ใช้ E30 มาอยู่แล้วครับ เลยได้สัมผัสมาตลอด จนมาเจอคันนี้ เป็นรถยนตรกิจ และใส่ชุดพาร์ท M-TECHNIC II มาแต่ดั้งเดิม ก็เลยหาอย่างอื่นมาใส่ให้ครบชุด ทำเก็บรักษาไว้เดิมๆ ครับ ใช้บ้างในบางโอกาส ส่วนเครื่องเปลี่ยนเป็น M42B18 จาก E30 ตัวท้ายสุด เน้นขับสนุกขึ้น ใส่ล้อ BBS ให้ดูเด่นขึ้น แต่เป็นล้อสเป็กรถญี่ปุ่น 5 รู 114.3 มม. เห็นว่าออฟเซตกับขนาดมันสวยดีเลยเอามาใส่ครับ…
- ไฟท้ายสามชั้น ทรงเครื่อง M-TECHNIC II ของแท้นะครับ วัสดุเป็นพลาสติก ABS ถ้าเป็นไฟเบอร์ก็ “ไม่ใช่” ความคมสันสวยงามของแท้ยังไงก็เหนือกว่า ส่วนกระจกหูช้างหลัง เปลี่ยนเป็นแบบเปิดได้ ของ SIGLA ส่วนบานอื่นๆ เป็นของบ้านเราเหมือนเดิม
- ชุดพาร์ทจะเป็นแบบ “แยกชิ้นได้” ทั้งหมด สปอยเลอร์หลังแบบ “2 ชั้น” พร้อมโลโก M-TECHNIC มุมขวามือ (คันนี้ยังอยู่) ล้อ BBS ขนาด “หน้าแปด หลังเก้า ขอบสิบหก” แต่เป็นสำหรับรถญี่ปุ่นขนาดใหญ่ พวก NISSAN CEDRIC หรือเทียบเท่า แม้จะไม่ตรงสาย BMW แต่ก็ถือว่าเป็น Rare Item เหมือนกัน เพราะ BBS จะผลิตสำหรับรถญี่ปุ่นไม่มากนัก
- พวงมาลัย “เปาใหญ่” ตรงรุ่น ภายในรักษาสภาพไว้ได้อย่างดี นาฬิกาเป็นแบบเข็มดั้งเดิม
- เบาะ M-TECHNIC มาครบชุด
- ชุด Check Control ที่ต้องมีสำหรับคนเล่นถึงๆ
- M42B18 ตรงรุ่น E30 จุดสังเกตหลักที่ต่างจาก M44B18 คือ ใช้ “แอร์โฟลว์มิเตอร์” พัดลมหม้อน้ำจะเป็นแบบ “ฟรีปั๊ม” ถ้าเป็น M44 จะเป็นแบบ MAP พัดลมหม้อน้ำจะเป็นแบบ “ไฟฟ้า”
Intaraphoom Special Thanks
“อาจารย์ตุ่ย” อะไหล่ E30 On Line & นันทวรรณ การาจ, “พี่เล็ก” BMW ตี๋เล็ก เซอร์วิส, “เฮียเกีย”, “บังแจ๊ค” และ “โก้ หมูสู้มีด” XO AUTOSPORT & GDM…
รูปประกอบบางส่วนจากเว็บไซต์: www.blogtired.co.uk, www.img.favcars.com, www.autoevolution.com, www.netcarshow.com, www.boldride.com, www.speeddoctor.net, www.topgear.com, www.carsbase.com, www.bmwblog.com
The Golden Era of Euro Classic “BMW E30” Part II
ความร่วมสมัยที่ “ยังมี” (ตอนจบแน่ๆ)
หลังจากที่ “ฟรุ้งฟริ้ง” ย้อนอดีตรถยนต์ยอดนิยมจากแคว้น “บาวาเรีย” (BAVARIA ใครมีโลโกฝาท้ายตัวนี้อยู่ เก็บไว้ให้ดีเชียว) ใน 3 Series ก็คงไม่มีรุ่นไหนป๊อปเท่า E30 อีกแล้ว ที่เป็นรถเก่าแบบ “ร่วมสมัย” หรือ “Modern Retro/Classic” ที่ยังได้รับความนิยมทั่วโลก มีการตกแต่งหลากแบบ หลายสไตล์ ในภาคสองตอนจบนี้ เราจัดให้แบบ “สะเด่าโห้โปรโมชั่น” กับรถในเวอร์ชั่นพิเศษต่างๆ ถึง “8 คัน” !!! เล่มนี้มี “เวอร์ชั่นไม่ปกติ” แบบครบครัน และ “ตัวแต่งครบๆ” จากสำนักดังต่างๆ ที่แต่ง BMW โดยเฉพาะ มาครบชุด ตรงรุ่น ไม่จุกจิก ไล่เรียงกันมาแบบ “ถูกระเบียบ” สไตล์ GDM ไม่พูดมากละครับ ใส่เลยดีกว่า รับรองไม่มีที่ไหน “บ้าเท่านี้” อีกแล้ว…
- Convertible นับว่าเป็นรถที่มีตัวตนเด่นชัดในยุคนั้น เรียกว่า “เท่” ถ้าใครมีในครอบครอง แชสซีของรุ่น Convert กับรุ่นปกตินั้น “ไม่เหมือนกัน” นะครับ ให้ดูที่ “กาบข้าง” ของ Convert แท้ๆ จะมี “ความหนา” มากกว่าอย่างชัดเจน ก็เพราะมันไม่มีเสาหลังคาไงครับ เลยต้องทำให้แข็งแรงเพียงพอที่จะไม่ให้ตัวถังบิดได้ง่าย
Convertible/Cabriolet
ปี 1987 E30 ได้ออกรุ่น Convertible/Cabriolet ก็แล้วแต่จะเรียก ซึ่งเป็นการ “เปิดกบาล” อ้าซ่าท้าสายลมและแสงแดดเป็นครั้งแรกใน 3 Series ที่ทำรถสไตล์นี้ออกมา โดยมีรุ่นเชิดหน้าชูตา คือ “325 iC” ที่ใช้เครื่อง M20B25 ที่เน้นสมรรถนะสูงถึง 168 hp มาแทน M20B27 eta ใน 325 ie ที่ถูกปลดประจำการไป ทำให้สมรรถนะเป็นสปอร์ตเต็มพิกัด อัตราเร่ง 0-96 km/h ทำได้ “7.4 วินาที” อัตราเร่งควอเตอร์ไมล์ ทำได้ “15.6 วินาที” นับว่าเป็นรถอีกรุ่นที่ครองใจคอ Bimmer Head ด้วยรูปลักษณ์ที่ Classic และโฉบเฉี่ยวมากในยุคนั้น…
- มองเผินๆ นึกว่า Convert แต่จริงๆ มันเป็น KAROSSERIE BAUR Landaulet (TC2) นะครับ ส่วนของด้านข้าง กระจก เสาข้าง จะเหมือน 2 ประตู แต่หลังคาผ้าใบจะถลกเฉพาะส่วนกลางครับ
KAROSSERIE BAUR Landaulet Style
ส่วน “ตัวแปลก” ก็จะมี 2 ประตู หลังคาเปิด เรียกว่า “KAROSSERIE BAUR” ซึ่งเป็นบริษัทผลิตรถหรูรุ่นพิเศษต่างๆ เก่าแก่ตั้งแต่ปี 1910 สำหรับ E30 KAROSSERIE BAUR เป็นรหัส TC2 (TC = Top Cabrio) ที่จะประหลาดๆ หน่อย เป็นการ “ถลกเปิดเฉพาะหลังคาส่วนบน” แต่ส่วนของ Side panel (เสา A-B-C กระจกด้านข้าง) ยังอยู่ถาวรเหมือนเดิม ก็เหมือนกับ “รถม้าเล็ก” (Landaulet) ในสมัยโบราณ ไม่เหมือน Convertible ปกติ ที่เปิดโล่งเลย (สำหรับ BMW ที่เป็น BAUR รุ่นแรก ก็จะเป็น E21 รหัส TC1) ส่วนรถตัวเป็นๆ ในเมืองไทย เคยเห็นเพียง 1-2 คัน เท่านั้นเอง ก็คงอยู่ใน Collection ของ “สายสะสม” ท่านใดท่านหนึ่งที่ไม่เปิดเผย…
- Touring 3 ประตู ไฟท้ายสองชั้น
Touring
สำหรับรุ่น “ทัวริ่ง” (Touring) นั้น จุดเริ่มต้นของมันอยู่ที่ปี 1985 “Mr. Max Reisböck” ที่เป็นฝ่ายออกแบบรถยนต์ต้นแบบ (Prototype) ของ BMW ในเมือง Munich ได้ใช้ E30 Sedan อยู่ แต่มีปัญหาที่ว่า ครอบครัวของเขาเริ่มโตขึ้น และต้องการพื้นที่บรรทุกสัมภาระที่เพิ่มขึ้นในการเดินทางท่องเที่ยว รถ Sedan เดิมๆ ไม่พอเสียแล้ว จึงได้เอารถคันนี้ไปจัดการสร้างเป็นแบบ Touring หรือ Estate โดยมี “ประตูที่ห้า” เพิ่มขึ้น ต่อหลังคาไปอีกหน่อย ด้วยความที่เขาเป็น Specialist ทางด้านนี้อยู่แล้ว เลยออกมาสำเร็จงดงาม สำหรับรถที่ขายจริง ตอนแรกในรุ่น “ไฟท้ายสองชั้น” ก็จะมีเป็นแบบ “3 ประตู ทัวริ่ง” ออกมาก่อน หลังจากนั้นในปี 1988 ก็จะเปลี่ยนเป็นรุ่น “ไฟท้ายสามชั้น” จะเป็นแบบ “5 ประตู ทัวริ่ง” เพื่อเอาใจในรูปแบบครอบครัวมากขึ้น น้ำหนักรถเพิ่มขึ้นประมาณ “80 กก.” ซึ่ง Cross Member แถวๆ ช่วงล่างหลัง จะต้องทำให้แข็งแรงขึ้น เพื่อ “ชดเชย” กันการบิดตัวที่มากเกินไป เนื่องจากรุ่นทัวริ่ง ด้านหลังของเบาะหลังจะต้องเปิดโล่ง เพื่อให้พับเบาะลงได้ จึงไม่มีโครงเหล็กดามเหมือนกับรุ่นอื่นๆ สำหรับรุ่นที่จำหน่าย หลักๆ มี 4 รุ่น คือ 316, 318, 320 และสุดๆ คือ “325” แรงพอดีแบบนุ่มๆ ขับสบายครับ…
- ภาพที่ Reisböck กำลังสร้าง Touring ขึ้นมาด้วยตัวเอง เพราะต้องการรถที่ตอบสนองการใช้งานของครอบครัวได้ แลดูเข้าท่า BMW เลยนำมาผลิตจริง
- 325 iX Touring 5 ประตู ไฟท้ายสามชั้น ชัดเจนว่ารถจะโย่งๆ กว่ารุ่นอื่น
325 iX
แถมให้อีกหน่อยแล้วกัน E30 มีตัว “ขับสี่” ด้วยนะเฮ้ย เป็นเวอร์ชั่น “325 iX” ออกมาในปี 1988 ซึ่ง X น่าจะหมายถึง Cross อะไรสักอย่าง ก็แปลว่า “การก้าวข้ามผ่านอุปสรรค” นั่นละมั้ง จริงๆ แล้วก็คงไม่ใช่เน้นการลุยอะไรนักหนาหรอก แต่ในบางพื้นที่ของภูมิประเทศที่มีอากาศหนาว ก็จะมี “หิมะ” มาเป็นอุปสรรคในการขับขี่ รถขับสองคงจะปลิ้นไปปลิ้นมา ก็เลยต้องมีระบบขับสี่มาช่วยให้รอดพ้นไปได้ สำหรับ 325 iX ก็มีทั้งโฉม “ซีดาน” และ “ทัวริ่ง” สังเกตว่าตัวรถจะสูงกว่า E30 ปกติอยู่พอสมควร เอาไว้เผื่อลุยเล็กๆ ได้ ซึ่งแชสซีด้านหน้าก็จะไม่เหมือนกับตัวขับสองด้วยนะครับ…
- M3 เกิดมาเพื่อ “สมรรถนะอันพิเศษ” แบบเหนือชั้นกว่ารถคลาสเดียวกัน
- ภายในของ M3 รุ่นแรก พวงมาลัยจะเป็นแบบ “เปาเล็ก” คำว่า เปา ย่อมาจาก “ซาลาเปา” บ้านเราเอาไปเทียบกับแป้นกลางพวงมาลัย ที่ก้านกลางจะมีแถบสีสัญลักษณ์ของ M มาตรวัดเป็น “เข็มแดง” ที่ด้านล่างของวัดรอบ จะเปลี่ยนจากเกจ์วัดอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง มาเป็นเกจ์วัด “แรงดันน้ำมันเครื่อง” แทน หัวเกียร์มีแถบสี M และสเป็กยุโรป จะเป็นเกียร์แบบ Dog Leg คันในรูป จะเป็นเบาะ “สกอตเล็ก” นะครับ
M3
สุดยอดขุนพลใน E30 ก็คือ “M3” อนุกรมแห่งความแรง ออกโชว์ตัวครั้งแรกในงาน Frankfurt Motor Show ปี 1985 และจำหน่ายจริงในปี 1986 ซึ่งทาง BMW Motorsport GmbH ออกแบบมาเพื่อพัฒนาไปเป็นรถแข่งระดับ “FIA Group A” ที่ต้องมีรถที่ผลิตตาม Homologate อย่างน้อย 5,000 คัน ลงแข่งในรายการต่างๆ ทั้งในยุโรป รายการแจ้งเกิดดังๆ ก็คือ DTM (Deutsche Tourenwagen Meisterschaft) เรียกง่ายๆ ว่า German Touring Car หรือ BTCC (British Touring Car) โดยมีคู่แข่งใน Division เดียวกันก็คือ “MERCEDES-BENZ 190 E Cosworth 2.3-16 EVOLUTION” และในแถบเอเชีย ที่เห็นๆ ก็จะเป็น “ญี่ปุ่น” ส่วน “บ้านเรา” ก็เคยมีรายการ “South East Touring Car” มี M3 มาวิ่งอยู่หลายคัน ทั้งทีมคนไทย ยกตัวอย่าง “3 มงกุฎ” ของ “คุณเปาะ” กีระเกียรติ เย็นมะโนช ที่มีนักขับชาว “ฮ่องกง” ชื่อดัง อย่าง “Charles Kwan” ช่วยกันหวด…
สำหรับรุ่นของ M3 เอาจริงๆ มันมียิบย่อยเยอะพอสมควรนะครับ ก็ขอเหลาโดยสรุปแล้วกัน (ไม่งั้น “อ้อย คลองแปด” ฆ่า Goo ตายแน่ๆ) ในเวอร์ชั่น “รถถนน” (Road Car) ซึ่งมีเฉพาะ “พวงมาลัยซ้าย” เท่านั้น สำหรับ “รุ่นแรก” ที่บางคนก็เรียกว่า M3 Evolution I แต่จริงๆ แล้ว ถ้าเป็นสากล รุ่นแรกจะเรียกว่า M3 เฉยๆ งั้นผมเอาแบบสากลละกัน คือ M3 ด้วนๆ เลย สำหรับ M3 ก็ได้นำพื้นฐานรุ่น 2 ประตู มาพัฒนาต่อ ตัวถัง “Wide Fender” ให้กว้างขึ้น เรียกว่าทรง “Box Flare” รวมถึงทำชุดพาร์ทใหม่ทั้งหมด 12 ชิ้น เพื่อให้ Aero Dynamic ที่ดีเยี่ยม สำหรับความเร็วสูงโดยเฉพาะ ภายในเพิ่มความสปอร์ต เบาะหลังเป็นแบบ “หลุมแยก” ที่นิยมหามาใส่กันนั่นเอง (รายละเอียดอื่นๆ ดูที่รถตัวจริงได้เลย) เครื่องยนต์ S14 Series ก็จะเริ่มจาก S14B23 ความจุ 2.3 ลิตร “195 PS” สำหรับรถที่มี Catalytic Converter (เรียก Cat. ละกัน) ส่วนรถที่ไม่มี Cat. ซึ่งออกมาทีหลัง มีแรงม้า “215 PS” ถ้าเป็นสเป็ก “อเมริกาเหนือ” จะถูกตอนแรงม้าลงเหลือ “192 PS” ระบบส่งกำลังเป็นเกียร์ธรรมดา 5 สปีด ของ Getrag แบบ H-Pattern สำหรับสเป็กยุโรป จะใช้เกียร์ Getrag แบบ Close Ratio ที่เกียร์ 5 จะเป็นอัตราทด “1:1” และการเข้าเกียร์จะเป็นแบบ Dog Leg ที่ “เกียร์ 1 ตบลงล่างซ้าย” อัตราทดเฟืองท้าย “3.25:1” ส่วนสเป็กอเมริกาเหนือ และ “ญี่ปุ่น” จะเป็นเกียร์ 260 5 สปีด แต่อัตราทดค่อนข้างห่าง เกียร์ 5 เป็น Overdrive ซึ่งการเข้าเกียร์จะเป็นแบบปกติ (เกียร์ 1 ขึ้นบนซ้าย เหมือนรถทั่วไป) จับคู่กับเฟืองท้ายอัตราทดสูง “4.1:1” นะครับ…
ระบบช่วงล่าง ก็มีการพัฒนาใหม่หลายจุด ประการแรก เพิ่มมุม Caster ที่ล้อหน้า ทำให้การเกาะถนนความเร็วสูงและเข้าโค้งดีขึ้น ทำให้จุดยึดช่วงล่างหน้าไม่เหมือนตัวปกติ ใช้ Solid Rubber (ยางตัน) เข้ามาช่วยให้ช่วงล่างเฟิร์มขึ้น เหล็กกันโคลงหน้าใหญ่ขึ้น และยึดติดกับตัวสตรัทหน้า ดุมล้อเปลี่ยนเป็นแบบเดียวกับ E28 5 Series ที่ลูกปืนใหญ่กว่า และได้ดุมล้อแบบ “5 รู 120 มม.” มาใช้แทนของเดิมที่เป็น 4 รู 100 มม. ขยายฐานล้อกว้างขึ้น สปริงเตี้ยลงกว่าปกติ 6 มม. และแข็งขึ้น โช้คอัพปรับเซตใหม่ ให้อารมณ์ Track Car ที่สามารถขับขี่ใช้งานแบบไม่ทรมานเกินไป และเปลี่ยนอัตราทดพวงมาลัยให้ “ไวขึ้น” กว่ารุ่นปกติ ระบบเบรกอัพเกรดใหม่หมด จานหน้ามีขนาด 280 มม. พร้อม ABS เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ส่วนล้อเป็น BBS Cross Spoke ขนาด 7 x 15 นิ้ว พร้อมยาง 205/55VR15…
- M3 Evolution กับการปรับปรุงหลายจุด เพื่อความเข้มของสมรรถนะที่เพิ่มขึ้น
- M3 Convertible ก็มีนะครับ
M3 Evolution
เดือนมีนาคม ปี 1988 ได้อัพเกรดมาเป็น M3 Evolution จริงๆ แล้ว เพิ่งจะมาเริ่มมีคำว่า Evolution ต่อท้ายในปีนี้ แต่บางคนก็มี II ต่อท้าย แต่ผมขอเรียกตาม “สากล” ก็คือ M3 Evolution เฉยๆ แต่ให้รู้ว่าเป็น “รุ่นสอง” ก็แล้วกัน ภายนอกจุดเด่นๆ ที่มีการเปลี่ยนแปลงก็คือ “สปอยเลอร์หน้า” เป็นทรงยาวยื่นออกมา เพื่อเพิ่มแรงกด Fog Light ที่เคยมีใน M3 เวอร์ชั่นแรกนั้น “หายไป” เพื่อใช้เป็น “ช่องดักลมไปเป่าเบรกหน้า” มาถึง “สปอยเลอร์หลัง” ลดน้ำหนัก “กระจกรอบคัน” ทำให้ “บางลง” น้ำหนักรถเบาลงไปประมาณ 10 กก. (22 ปอนด์) มีสีเพิ่มมา 3 สี คือ Misano Red (236), Macao Blue metallic (250) และ Nogaro Silver metallic (243) “เครื่องยนต์” อัพเกรดความแรงเพิ่มขึ้น เปลี่ยนลูกสูบใหม่เป็นแบบ High Compression เพิ่มกำลังอัดจากเดิม 10.5:1 เป็น 11.1:1 ปรับปรุง Air Intake ใหม่ เปลี่ยน Fly Wheel เบาลง เปลี่ยนอัตราทดเฟืองท้ายต่ำลงนิดหน่อย เป็น 3.15:1 ปรับโปรแกรมกล่อง ECU ใหม่ แรงม้าเพิ่มเป็น “220 DIN” (225 PS โดยประมาณ) ที่ 6,750 rpm รอบสูงสุด 7,300 rpm (จำกัดโดยกล่อง ECU) เปลี่ยนล้อใหม่ ลายเดิม ขนาดใหญ่ขึ้นเป็น “7.5 x 16 นิ้ว” พร้อมยาง 225/45ZR16 ที่ให้การยึดเกาะถนนในความเร็วสูงมากขึ้น และผลิตเป็นจำนวน 500 คัน…
- M3 Sport Evolution ดุดันสุดๆ ด้วยขุมพลังที่ขยายความจุมาเพื่อ “ต่อยอด” ในการแข่งขัน รวมถึงการ Setting ทุกอย่างให้ได้ฟีลลิ่ง Hardcore สำหรับมนุษย์ตีนติดไฟทั้งหลาย
- ภายในของ M3 Sport Evolution ถูกเปลี่ยนแปลงใหม่ให้ “ฟรุ้งฟริ้ง” มากขึ้น ผ้าเบาะและแผงข้างเปลี่ยนลายใหม่ เข็มขัดนิรภัย “สีแดง” พวงมาลัยทรง “เปาใหญ่” (เริ่มเปลี่ยนมาตั้งแต่รุ่น Evolution) และ “หัวเกียร์” หุ้มหนังกลับ ฝรั่งเรียก Suede เบาะ RECARO ซิ่งเต็มรูปแบบ
- S14B25 “ปลั๊กแดง” ใน M3 Sport Evolution ที่ถือว่าพัฒนามาสุดทาง
M3 Sport Evolution
สุดๆ ใน M3 E30 กับ “Sport Evolution” (บางคนเรียก Evo III) ซึ่งเป็น “รุ่นส่งท้าย” ในช่วงต้นปี 1989 มีผลิตจำนวน “500 คัน” ภายนอกมีการเปลี่ยนแปลงจากรุ่นก่อนนิดหน่อย ตัวรถมีสีเดียว คือ “Jet Black” พร้อมขลิบสีแดง “Brilliant Red” ที่กันชนหน้าและหลัง” (รุ่นก่อนเป็น “ขลิบดำ”) ใต้กันชนหน้าจะมี Lip ทำจากคาร์บอนไฟเบอร์ด้วยนะ สปอยเลอร์หลังเป็นแบบ “ปรับระดับองศาที่ชิ้นกลางได้” เครื่องยนต์ S14B25 ที่เห็นเลยคือ “ปลั๊กสายหัวเทียนจะเป็นสีแดง” ขยายกระบอกสูบและช่วงชัก เพิ่มความจุเป็น “2.5 ลิตร” ขยายวาล์วใหญ่ขึ้น เพิ่ม Oil Jet Spray ฉีดน้ำมันเครื่องหล่อเย็นใต้ลูกสูบ และมี Catalytic ทุกคัน ตามกฎหมายมลพิษในช่วงนั้น เปลี่ยนแคมชาฟท์องศาสูงขึ้น ทำให้แรงม้าออกมาถึง “238 hp” (ถ้าไม่มี Cat. ก็ควรจะมี 250 hp ประมาณนั้น) แต่ถ้าเป็นการโมดิฟายในเวอร์ชั่น FIA Group A มีแรงม้าโดดไปถึง “380 hp” !!! ช่วงล่างหน้าปรับเตี้ยลง มาถึง “ภายใน” ก็แตกต่างชัดเจนครับ ลายผ้าด้านในจะต่างกัน (ดูในรูปเลยครับ) ล้อเหมือนเดิม แต่ไม่เหมือนที่ตรงก้านจะเป็นสี “Nogaro Silver” ปรับช่วงล่างใหม่ เตี้ยลงกว่า M3 ปกติ 10 มม. และปีกนกเป็น “อะลูมิเนียม” ครับ…
Limited Edtion of M3
เราจะมาดูตัว Limited Edition ในเวอร์ชันต่างๆ บ้างครับ ไล่เลียงไปตามความมันส์ ดังนี้…
- M3 Tour De Corse Edition
Tour De Corse Edition
เป็นรถที่ผลิตขึ้นมาเพื่อเป็นเกียรติแก่นักขับแรลลี่ชาว “ฝรั่งเศส” คือ “Bernard Beguin and Jean-Jacques Lenne” ที่ขับ M3 ชนะรายการแข่งขัน Tour De Corse Rally ผลิตจำนวน “50 คัน” เท่านั้น ภายนอกจะเป็นสี “Diamond Black Metallic” และภายในจะเป็น “หนังสีดำ” ไม่เหมือนเวอร์ชั่นปกติ มีโลโก Tour de Corse ที่กระจังหน้าฝั่งซ้าย (แทนโลโก M3 ของเดิม) และบนฝากระโปรงหลังฝั่งซ้าย ส่วนอื่นๆ ก็จะเป็น “ของประดับประดา” มากกว่า เช่น ไฟหน้าเหลือง (อันนี้เป็นข้อบังคับของประเทศฝรั่งเศส) มีปัดหิมะไฟหน้า ซันรูฟไฟฟ้า แป้นพักเท้าซ้ายเป็นโลโก M3 ที่คอนโซลกลางจะมี “เพลท” ลายเซ็นของนักขับทั้งสองท่านนี้ เป็นต้น…
Europameister 88 Edition
ใช้พื้นฐาน M3 Evolution เป็นรถที่ผลิตในช่วงเดือนตุลาคมถึงเดือนธันวาคม ในปี 1988 นั่นเอง เพื่อเป็นการฉลองในชัยชนะจากการแข่งขัน Touring Car ในปี 1988 เป็นที่มาของเลข 88 โดยมีนักขับ คือ “Roberto Ravaglia” และมีเพลทลายเซ็นของเขา พร้อมคำว่า Europameister 1988 auf BMW M3 อยู่ที่คอนโซลกลาง ตัวรถเป็นสี “Macao Blue Metallic” กระจกหน้าจะมี “แถบสีเขียว” ด้านบน ส่วนภายในเป็นหนัง “Silver Nappa” มีจำนวน “148 คัน” นะครับ…
- M3 Johnny Cecotto Edition
M3 Johnny Cecotto Edition & Roberto Ravaglia Edition
Johnny Cecotto เป็นนักขับชาวสวิส สังกัดทีม BMW ที่ขับ “ได้ถ้วย” มากมายหลายรายการ BMW จึงทำรุ่นพิเศษเพื่อเป็นเกียรติ โดยใช้พื้นฐาน M3 Evolution มาผลิต เอกลักษณ์ก็คือ “สีท่อร่วมไอดี จะเป็นสีเดียวกับตัวรถ” มีจำนวน 480 คัน เครื่องยนต์ถูกตอนกำลังเหลือ 211 hp ตามกฎหมายมลพิษของ “สวิตเซอร์แลนด์” ส่วน Roberto Ravaglia จะเป็นเวอร์ชั่นที่ส่งไปขายใน “U.K.” (แต่ยังเป็นรถพวงมาลัยซ้ายนะครับ) ผลิตจำนวน 25 คัน 16 คัน เป็นสี Misano Red ส่วนอีก 9 คัน เป็นสี “Nogaro Silver” ทั้งสองเวอร์ชั่นเป็นกระจกหน้ามีแถบสีเขียวที่ไม่มีใน M3 เวอร์ชั่นทั่วไป…
M3 Tips
- รหัสของ M3 จะแบ่งเป็นหลักๆ ด้วยรหัส AK ดังนี้…
AK01: European-spec without catalyst, 03/1986 through 08/1989 includes Evolution I & II
AK03: North American-spec with catalyst, 03/1987 through 12/1990
AK05: European-spec with catalyst (195 hp), 05/1986 through 05/1989 includes Europa Meister 88
AK05: European-spec with catalyst (215 hp), 04/1989 through 12/1990 includes Cecotto + Ravaglia
AK07: European-spec Sport Evolution with catalyst, 12/1989 through 03/1990
- ยอดผลิตของรุ่นมาตรฐาน มีดังนี้…
AK01: 5,187 Units
AK03: 5,300 Units
AK05 (195 hp): 4,585 Units
AK05 (215 hp): 1,512 Units
- รหัสขึ้นต้นของ M3 E30 จะขึ้นต้นด้วยอักษร WBS เท่านั้นครับ และการแปลง E30 2 Doors เป็น M3 ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะเสา C และกระจกบานหลัง “องศาไม่เท่ากัน” จะปราบเซียนก็ตรงนี้แหละครับ…
- ฝากระโปรงท้ายของ M3 จะเป็น “ไฟเบอร์” อย่างดีนะครับ และยกระดับสูงกว่ารุ่นปกติประมาณ 1.5 นิ้ว เพราะรับกับองศากระจกบานหลังที่เอนมากกว่า และทำให้ดู “ก้าวร้าว” มากขึ้น…
- M3 จะมี “ถังน้ำมันสำรอง” มาให้ด้วย ติดตั้งที่บริเวณซุ้มล้อหลัง…
- สำหรับ M3 รุ่นพิเศษ “คันเดียวในโลก” คือ “Sport Evolution Convertible” ที่ใช้พื้นฐานตัว Sport Evolution สร้างขึ้นมาเป็น “ตัวโชว์” ไม่ได้มีจำหน่ายทั่วไปแต่อย่างใด…
- เครื่อง S14 Series ใน M3 ถ้าคนจะเล่น ก็ต้องพิจารณาให้ดีว่า “สภาพสดหรือไม่” ดูโดยละเอียดแบบทั่วไป แต่จุดที่ต้องพิจารณา คือ “ส่วนประกอบต่างๆ” ต้องครบและมีสภาพดีด้วย เช่น ฝาหน้าเครื่อง, ท่อแอร์โฟล์ว พวกนี้จะหายากและแพง ถ้าสภาพไม่ดี ของไม่ครบก็อย่าเอามา เพราะจะมาตามซื้อของที่ขาดทีหลัง มันก็แพงและหายาก…
- สำหรับเกียร์ของ S14 Series ก็จะมีสองแบบอย่างที่บอกไป ถ้าเป็น Dog Leg จะหายากกว่าและแพง เพราะเป็นอัตราทดชิด ขับมันส์ และมีเฉพาะสเป็กยุโรป ส่วนสเป็กญี่ปุ่นก็จะเป็นเกียร์แบบอัตราทดไม่ชิด ถ้าซื้อของจากญี่ปุ่น ก็ต้องโชคดีที่ไปเจอรถนำเข้าจากเยอรมันแท้ๆ จึงจะได้เกียร์ Dog leg มาครับ…
Owner & Specialist Comment
- M3 ของจริง มิติมีเอกลักษณ์ความเป็นสปอร์ต สี Brilliant Red เบอร์ 308 ส่วนล้อเป็น BBS Cross Spoke “Basket Weave” ขอบ 15 นิ้ว ตรงรุ่น
- ฝาท้ายเป็น “ไฟเบอร์” มีความสูงมากกว่ารุ่นปกติ เพื่อรับกับแนวกระจกมองหลังที่มากขึ้น ช่วงเสา C และกระจกหลังจะไม่เหมือนตัวปกติเลย ส่วน Wide Fender รอบคัน เผื่อไว้ใส่ “ล้อ 18 นิ้ว” สำหรับการแข่งขัน
- ล้อหน้าจะเถิบถอยหลังมานิดหน่อย เป็นปกติของรุ่นนี้ ช่วงล่างมีการปรับปรุงจากรุ่นปกติทั้งหมด
- พวงมาลัยเป็น “เปาใหญ่” ใน M3 เวอร์ชั่นแรกที่ออกมาช่วงท้ายๆ ก่อนเป็น Evolution ภายในคันนี้ “ของครบ” ถูกระเบียบ
- เบาะ “สกอตใหญ่” ที่หลายคนใฝ่หา
- S14B23 ที่ยังตอบสนองได้สนุก ค้ำโช้คเป็นอุปกรณ์มาตรฐานจากโรงงานในอนุกรม M
- ประกาศศักดากันตรงนี้แหละครับ
“อาร์ท” M3
ผมผูกพันกับ BMW มานานครับ เพราะที่บ้านทำกิจการอะไหล่ BMW อยู่แล้ว ซึ่ง E30 ผมก็ได้สัมผัสมันตั้งแต่เด็ก ทำอยู่หลายคันครับ แต่คันนี้ถือว่า “เป็นความฝันวัยเด็ก” ก็คือ M3 แท้ๆ ที่ทุกสิ่งทุกอย่าง มันไม่ใช่มีเงินแล้วจะได้มา แต่ต้องมี “จังหวะ” ด้วยนะครับ ต้องเนื้อคู่กันจริงๆ สำหรับการขับขี่ ผมว่ามัน “ลงตัว” นะ ทั้งในด้านรูปทรง ที่มีความดุดันเป็นเอกลักษณ์ ใครเห็นก็รู้สึกชอบ กำลังเครื่องยนต์ที่ขับสนุก มีความคล่องตัว Handling ต่างๆ ลงตัวในรูปแบบของมัน นับว่าเป็นรถที่สมบูรณ์แบบในยุคนั้นครับ…
- ทรงเครื่อง ALPINA C2 2.5 แค่นี้ก็พอ ไม่ต้องมากกว่านี้
- คลาสสิก ควรอนุรักษ์ให้อยู่ได้นานๆ มี “ติ่ง” Mud Guard ครบถ้วน โลโกรอบคัน ราคาขนหัวลุก ปลายท่อทรง “ลูกซองแฝด” หม้อพักสีดำ ถูกระเบียบ
- ล้อชุดนี้ “ตรงรุ่น” E30 ขอบ 16 นิ้ว 4 รู 100 มม. “ก้านยาว” ที่เป็น Rare Item กุญแจครบ
- ของ ALPINA บนหน้าปัด มีพวงมาลัย 4 ก้านเหล็ก ตรงยุค มาตรวัด เข็มส้ม เรือนไมล์ 260 km/h ตัวเลขใหญ่สลับเล็ก
- เบาะหน้า ALPINA แท้ เบาะหลังหุ้มใหม่ ข้อสังเกตลาย ALPINA แท้ คือ “การเดินเส้นด้ายสี” จะเป็นด้าย 5 แถว ต่อสี ด้ายที่ปักจะเป็นระเบียบ ส่วนผ้าหุ้มทั่วไป จะเป็นลาย 7 แถว ความละเอียดของด้ายปักจะไม่ค่อยสม่ำเสมอ สู้ของแท้ไม่ได้
- เปลี่ยนจาก M20B20 เป็น M20B25 ให้ความจุได้ตามรุ่น C2 2.5
“ยีนส์” ALPINA C2 2.5 Convert
ตัวผมเองสมัยก่อนก็เล่น E30 ครับ ชอบก็เลยขอให้แม่ซื้อให้ แต่รถคันนั้นสภาพไม่ดีก็เลยขายทิ้งไป แล้วมาเล่นรถสปอร์ตญี่ปุ่น โมดิฟายตามประสาวัยรุ่นในตอนนั้น พอโตขึ้นแล้วก็อยากจะหารถสวยๆ มาแทน ไม่เน้นแรงมาก เลยหันมาหา E30 แต่ขอพิเศษๆ หน่อยละกัน คันนี้เป็น 320 i Convert ปี 1986 แล้วแต่ง Replica เป็น ALPINA C2 2.5 เรียกว่าต้องอาศัยพรรคพวกแล้วก็ “ดวง” ในการรวบรวม Item ต่างๆ ทำอยู่นานเหมือนกันครับ กว่าจะรวบรวมของครบ ทำออกมาแล้วก็ถูกใจครับ…
- ขรึมๆ สไตล์พี่ใหญ่ ALPINA B6 3.5 แค่นี้ก็พอ
- สปอยเลอร์หลัง ALPINA Type 157 สติกเกอร์ Custom Made
- ล้อหน้า 8 x 17 นิ้ว ล้อหลัง 9 x 17 นิ้ว เน้นรับสมรรถนะ เบรกหน้าใช้จาน 7 Series E38 มาทำดุมแบบ 2 ชิ้น โช้คอัพ KONI สปริง H&R ตามสูตร
- พวงมาลัย 4 ก้านนวม ตรงรุ่น B6 มาตรวัด M3 U.S Spec มีขีดแดงที่ 55 mph ส่วนที่คอนโซลกลาง เป็นมาตรวัด VDO 3 เกลอ หัวเกียร์มาครบ เครื่องเสียงตามยุค 80 ด้วยฟรอนต์ NAKAMICHI TD1200 Limited พร้อม SONY RM-X2 with CD Changer กระแทกเบสด้วย ADS S10
- เบาะ RECARO ส่วนเบาะหลัง Custom เป็น M3 Style
- M30B35 โมดิฟาย กล่อง E.A.T. แคมชาฟท์ Dr. Schrick 280/284 องศา ฟลายวีล XACT Chromoly คลัตช์ KAI CLUTCH Thailand
“ตู่” ALPINA B6 3.5
ส่วนตัวผมเองก็มองว่า E30 มันอยู่ในยุคที่เราเป็นวัยรุ่น เลยมีความชอบส่วนตัวที่จะหามาทำเล่นกันบ้าง คันนี้ทำเป็น ALPINA B6 3.5 ซึ่งเป็นรุ่นของไฟท้ายสามชั้น ภายนอกก็พยายามหาของตรงรุ่นมาให้ครบที่สุด บางอย่างเรายังไม่เจอของแท้ เช่น โลโก สติกเกอร์ข้างรถ เราก็ Custom เอาเอง โดยใช้แบบตามรุ่นของมัน สำหรับเครื่องก็เอา M30B35 มาวางให้ตรงตามซีรีส์ ส่วนการโมดิฟาย ก็จะ “ตามใจฉัน” เน้นขับสนุกครับ เอาอัตราเร่งมันส์ๆ เป็นหลัก เพราะใส่เฟืองท้าย 4.1 ซึ่งถือว่าสูงพอสมควรในรถ BMW ไม่เน้นปลายครับ…
- BBS Aero Part แปลกตา ไม่ซ้ำใคร ถ้าเป็นชุดใหญ่ กันชนเป็น BBS ทั้งอัน ไฟหน้า HELLA Smoke Lens
- ด้วยโป่งขนาดนี้ จึงต้องดิ้นรนหา “ล้อที่ใช่” ดูเต็มสวยตามยุคสมัยด้วย BBS RS ไฟท้าย STARTEC Smoke Lens
- “ลงตัว” สองคำสั้นๆ
- ภายในก็ตามระเบียบของคนเล่น E30 ถ้าเป็นชุดแต่ง BBS ภายในก็จะมีแค่พวงมาลัยเท่านั้นเอง
- เบาะสกอตใหญ่ ลายนี้มีทั้ง M3 และ Cabriolet แต่แบ่งแยกกันที่ “เบาะหลัง” ของ M3 จะเป็นหลุมแยก
- M20B25 เดิมๆ เน้นขับสบาย
“เอ๋” BBS
ผมว่า BBS มันมีความแปลกดีครับ มีคนรู้จักน้อยในเมืองไทย ชอบชุดโป่งที่เป็นเอกลักษณ์ ของผมเป็นชุดเต็ม เปลี่ยนทั้งกันชนเป็น BBS มาพร้อมโป่งล้อแบบต่อเนื่องกัน ดูโหดดีครับ ส่วนล้อจะเป็น BBS ที่ผมเอามาเปลี่ยน Lip (ขอบ) ให้ใหญ่ขึ้น เป็นหน้า 8 นิ้ว หลัง 9 นิ้ว หากันเหนื่อยเหมือนกันกว่าจะได้ออฟเซตและหน้ากว้างให้พอดีโป่ง แต่ตรงกลางเป็น 4 รู 100 มม. ตรงรุ่นเหมือนเดิม ส่วนอื่นๆ BBS ก็ไม่ได้ทำครับ เน้นเฉพาะพาร์ทกับล้อเป็นหลัก ส่วนอื่นๆ ก็พยายามรักษาความสวยงามในรายละเอียดรอบคันครับ…
- เรียบๆ แต่ดูดี สไตล์ HARTGE ก็จะมีแบ่งรุ่นเป็น H แล้วต่อด้วยตัวเลข “ความจุเครื่องยนต์” แล้วแต่สเต็ปความแรง ไฟหน้าเป็น HELLA Smoke Lens
- สปอยเลอร์หลัง HARTGE แบบมี “ติ่ง” ไฟท้าย STARTEC Smoke Lens ตามกระแสนิยม ถ้ามีสปอยเลอร์ชายล่างด้านหลัง ก็จะปิดทั้งซุ้มยางอะไหล่ และทำให้รถดูเตี้ยลง
- ล้อ HARTGE Japan 3 ชิ้น มีออฟเซตและขอบเงา ทำให้รถมี Detail เตะตาขึ้น แต่ถ้าใครชอบ GDM แท้ๆ ก็ต้องหา HARTGE RONAL ชิ้นเดียว ก้านยาว มาใส่
- พวงมาลัย HARTGE แน่นอน มาถึงขั้นนี้แล้วต้องตรงรุ่น
- เบาะสกอตเล็ก ลายคลาสสิกดีแท้
- M20B25 เกียร์ออโต้ เน้นขับสบาย แต่ถ้าเป็น HARTGE แท้ๆ ต้องเป็นเกียร์ธรรมดาเท่านั้น ส่วนเครื่องก็ขยายความจุตาม Series ที่มีให้เลือก
“ไม่ประสงค์ออกนาม” HARTGE M10
คันนี้เป็นชุด HARTGE M10 ที่มีเฉพาะสปอยเลอร์คางหน้า สปอยเลอร์หลังบนฝากระโปรง ถ้าเป็นชุดเต็มจะมีสเกิร์ตข้างด้วย แต่จะค่อนข้างหายาก เราก็พยายามเก็บรายละเอียดให้ครบ ส่วนล้อก็จะเป็น HARTGE Japan 3 ชิ้น แต่จะเป็นขอบล้อแบบเชื่อมติด (ถ้าจะเปลี่ยน Lip หรือขอบล้อจะต้องตัดเชื่อมเอา) อาศัยว่ามันมีขอบเงาเลยเอามาใส่ อันนี้ก็แล้วแต่คนชอบว่าจะเลือก Japan หรือ German ที่เป็นชิ้นเดียว ซึ่ง RONAL เป็นผู้ผลิตให้…
- AC SCHNITZER ดูเหมือนไม่มีอะไร แต่จริงๆ แล้ว มีรายละเอียดรอบคันเลยทีเดียว ไฟหน้า HELLA Smoke Len ตามระเบียบ
- สปอยเลอร์หลังจะมี “เว้า” สำหรับใส่ร่วมกับตูดเป็ดเล็ก M1 ได้ ทำให้เป็นสปอยเลอร์สองชั้น ด้านล่างมีสปอยเลอร์ครอบไว้ ทำให้ดูเต็มสวยขึ้น
- จุดแปลกตาอยู่ที่ล้อ AC SCHNITZER ขอบ 16 นิ้ว แต่ดันเป็น 5 รู 120 มม. ซะงั้น คันนี้เปลี่ยนเบรกเป็นของ E36 ก็เลยเอาล้อ E36 มาใส่ด้วย เลยกลายเป็นของแปลก เพราะปกติ 16 นิ้ว มักจะเป็น 4 รู 100 มม. ส่วน 5 รู 120 มม. ก็มักจะเป็น 17 นิ้ว ขึ้นไป เลยกลายเป็น Rare Item ไป
- จุดแปลกตาอยู่ที่ล้อ AC SCHNITZER ขอบ 16 นิ้ว แต่ดันเป็น 5 รู 120 มม. ซะงั้น คันนี้เปลี่ยนเบรกเป็นของ E36 ก็เลยเอาล้อ E36 มาใส่ด้วย เลยกลายเป็นของแปลก เพราะปกติ 16 นิ้ว มักจะเป็น 4 รู 100 มม. ส่วน 5 รู 120 มม. ก็มักจะเป็น 17 นิ้ว ขึ้นไป เลยกลายเป็น Rare Item ไป
- เบาะ M3 สกอตเล็ก
- M42B18 เดิมๆ มีค้ำโช้คอัพและฝาเติมน้ำมันเครื่อง AC SCHNITZER
“เอก” AC SCHNITZER
คันนี้เป็น 318 i M40 รุ่นไฟท้ายสามชั้น ซึ่งผมทำเป็น AC SCHNITZER S3 2.7 Replica เป็น Complete Set เลยครับคันนี้ เป็น AC SCHNITZER หมดเลยทั้งภายนอกและภายใน ชอบเป็นการส่วนตัวครับ ชุดพาร์ทดูลงตัวดี เหมือนๆ จะไม่ได้ทำอะไร แต่จริงๆ แล้วมาเต็ม คือดูแล้วมันไม่โดดครับ แต่ให้ข้อสังเกตนิดนึงว่า ชุดพาร์ทของ AC SCHNITZER ทรงจะคล้ายๆ กับ ZENDER และ HARTGE เพราะมาจากโรงงานผลิตเดียวกัน เพียงแต่ต่างกันที่รายละเอียดนิดหน่อย ก็เป็นข้อมูลที่หลายคนยังไม่ทราบ อาจจะสงสัยว่าทำไมทรงมันคล้ายกันมาก…
- มาแบบเงียบๆ อีกคัน กับ ZENDER ที่ถูกใจคนชอบความงามแบบแอบแฝง คันนี้เป็น Complete Set มาครบ
- รุ่นไฟท้ายสองชั้น พอใส่สปอยเลอร์ชิ้นล่างแล้วดูสวยเต็มมิดชิด และทำให้รถดูเตี้ยลงมาอีกโดยไม่ต้องโหลดเพิ่ม
- Keyword ของคันนี้ คือ “ล้อ” ที่เป็น ZENDER ตรงรุ่น ขอบ 15 นิ้ว รถเลยดูเตี้ยสวยงาม ล้อชุดนี้ก็ถือว่าเป็น Rare Item เพราะส่วนใหญ่จะมาจาก VW Golf
- พวงมาลัยทรงแปลก หัวเกียร์ ZENDER ครบชุด
- ค้ำโช้คนอกใจไปคบ HAMANN เครื่องเป็น M10B18 แต่แอบซ่อน “ท่อนล่างบียี่” แต่เป็น B20 BMW นะครับ ไม่ใช่ HONDA
- Touring มาเรียบๆ เฉียบด้วยล้อชุดเดียวพอแล้ว
“ทอม” ZENDER
สำหรับชุดแต่ง ZENDER ผมชอบเพราะมันแปลกดี ไม่ค่อยมีใครทำ ซึ่งชุด ZENDER สำหรับรุ่นกันชนเล็ก ก็จะมี 2 เวอร์ชั่น คือ เวอร์ชั่นชุดปกติแบบของผม กับเวอร์ชั่นชุดใหญ่ อวกาศๆ อลังการๆ สปอยเลอร์หลังเป็นชิ้นต่อมายาวถึงเสาหลัง ผมเลือกชุดปกติเพราะดูเรียบง่าย และหาให้ครบค่อนข้างยาก ในเมืองไทยผมเห็นมีแค่ 2-3 ชุด แค่นั้นเอง คันนี้ผมใช้ล้อ ZENDER 15 นิ้ว เลยจัดการโหลดด้วยสตรัทปรับเกลียว อาจจะกระเด้งหน่อยแต่ก็ต้องยอม ไม่งั้นรถเตี้ยไม่พอที่จะแมตช์กับล้อ อีกอย่างคือ โรงงานทำพาร์ท ZENDER ก็ทำให้กับสำนักแต่งรายอื่นๆ อีกด้วย เช่น HARTGE, AC SCHNITZER ลองสังเกตดูว่ามันจะทรงคล้ายๆ กันครับ…
- พวงมาลัย ALPIBNA 3 ก้านหนัง ตรงยุคของไฟท้ายสามชั้น
- เบาะ M-TECHNIC ลายขวาง ตรงยุคไฟท้ายสามชั้นอีกเหมือนกัน
- M20B25 ที่ยังเดิมๆ ตามประสา “คนไม่ค่อยมีเวลา”
“ใหม่ P&C” 325 i Touring
ปกติผมก็ชอบ E30 อยู่แล้ว มันตรงยุคของผมพอดี มีหลายคันครับ เล่นมานานแล้วด้วย แต่คัน Touring ก็ชอบเพราะมันแปลกดี ไม่ค่อยซ้ำใคร ตัวผมเองชอบเก็บรถแนวเดิมๆ แต่ขอ “ล้อสุด” ไว้ก่อน ก็เลยหาล้อ ALPINA มาใส่ จัด Fitment สวยๆ ก็พอแล้วครับ…
- พี่ตี๋เล็ก BMW ผู้มากประสบการณ์กับรถแบรนด์นี้ กับข้อมูลดีๆ ที่ให้กับทาง XO AUTOPSPORT ครับ
Intaraphoom Special Thanks
- BMW ตี๋เล็ก เซอร์วิส สามัคคีตัดใหม่ : Contact Tel. 08-7990-5225
- เจ้าของรถทุกท่าน คุณยีนส์, คุณตู่, คุณอาร์ท (ไพโรจน์มอเตอร์ วัดโสมนัส อะไหล่ BMW Contact Tel. 08-1611-8727), คุณใหม่ P&C, คุณทอม, คุณเอก, คุณเอ๋, เจ้าของ HARTGE และ โก้ GDM & XO AUTOSPORT
รูปประกอบบางส่วนจากเว็บไซต์: www.deviantart.com, www.fastgerman.com, www.i.wheelsage.org, www.gieldaklasykow.pl, www.ototrends.net, www.rennlist.com, www.bimmerforums.com, www.s14.ctmnet.de, www.forum.autogespot.com, www.speeddoctor.net