เปิดตำนาน “ดาวจรัสแสงที่ร่วงโรย”
SUBARU ALCYONE SVX
Luxury Grand Touring Big Size
เรื่อง : อินทรภูมิ์ แสงดี
ซูบารุ ไม่ได้มีแค่ “อิม” กับ “เล”
สำหรับแฟนๆ ค่ายดาวลูกไก่ SUBARU ก็จะรู้จัก “ซีดานตระกูลแรง” อย่าง IMPREZA และ LEGACY ดี เรียกว่าเป็น Sport Sedan อันเลื่องชื่อ โดยเฉพาะในการแข่งขันทางฝุ่นอย่าง WRC หรือ World Rally Championship มาอย่างยาวนาน แต่ในอีกหน้าหนึ่ง SUBARU ก็เคยทำรถสปอร์ตหรูหราในระดับ GT หรือ Grand Touring ขนาดใหญ่กับเขาด้วย !!! ซึ่งถือว่าเป็น Rare Item โดยเฉพาะในเมืองไทยจะหาได้น้อยมากๆๆๆ นั่นก็คือ SUBARU ALCYONE SVX แค่ชื่อก็ประหลาด ดีไซน์ก็ล้ำยุค ซึ่งจริงๆ แล้วเป็นรถที่ทันสมัยและหรูหรา อุปกรณ์ไฮเทคประดามีก็ประเคนเข้าไป เจตนาจะบุกตลาด “ยุโรป” และ “อเมริกา” รวมถึงเปิดตำนานหน้าใหม่ของ “สปอร์ตญี่ปุ่นระดับไฮเอนด์” อย่ารอช้า เราไปทำความรู้จักกันดีกว่า…
ตำนาน “ดาวจรัสแสง”
สำหรับเรื่องราวของ ALCYONE นั้น เป็นรถที่ SUBARU ตั้งมั่นหมายว่าจะให้เป็นรถระดับ “ชั้นยอด” ในค่าย เอาแค่ชื่อก็ประหลาดแล้ว คำนี้เป็นภาษาโรมันโบราณ จะอ่านว่า “อัล–ไซ–โอ–นี่” หรือ “อัล–ซี–โอ–เน่” ก็แล้วแต่สำเนียงของแต่ละภาษา (แต่ก่อนก็อ่านไม่ถูกเหมือนกัน) มาจากชื่อดาวที่ “สว่างเจิดจ้าที่สุด” ในกระจุกดาวลูกไก่ทั้ง 7 ดวง (Pleiades Star Cluster) ซึ่งก็คือคำว่า SUBARU ในภาษาญี่ปุ่นนั่นเอง ก็คาดว่า SUBARU จะตั้งชื่อเป็นดาวดวงที่สว่างที่สุด มาใช้กับรถที่สุดยอดที่สุด สำหรับจุดเริ่มต้นของรุ่น ALCYONE จะออกจำหน่ายครั้งแรกในปี 1985 โดยเปิดตัวที่ “อเมริกา” ที่เป็นตลาดใหญ่ก่อน แล้วตามมาด้วย “ญี่ปุ่น” ซึ่งจะมีตลาดญี่ปุ่นอย่างเดียวที่ใช้ชื่อ ALCYONE ส่วนในประเทศอื่นๆ จะเรียกว่า SUBARU XT เฉยๆ ซึ่งรูปทรงของมันจะออกแนว Robot เหลี่ยมๆ แต่ดูไฮเทคในยุคนั้น ทางหนังสือพิมพ์ New York Times ก็โหวตให้มันเป็น “The Ultimate Jazzy Design” ประมาณว่า “เป็นดีไซน์ที่ดูมีชีวิตชีวาอย่างวิเศษ” ต่างจาก SUBARU ยุค 70’s ที่ในตอนนั้นหลายคนบอกว่ามันไม่สวยเอาซะเลย ตัวถังออกแบบมาเฉพาะ 2 ประตู เท่านั้น เครื่องยนต์ EA82 4 สูบ Boxer 1.8 ลิตร แบบ “ไร้หอย” มีแรงม้า 97 ตัว มีเฉพาะแบบขับหน้า ชื่อรุ่น ALCYONE VS ส่วนรุ่น “เทอร์โบ” ALCYONE VR ก็จะมีแรงม้า 112 ตัว มีทั้งขับหน้าและขับสี่ แต่สิ่งที่เป็นกระแสมากที่สุด คือ “ภายในแบบอากาศยาน” ดูรูปเอาเองก็แล้วกัน จะนึกว่ากูขับรถหรือขับเครื่องบินกันแน่ คำว่า “ทันสมัย” ยังเรียกไม่ได้ เพราะมัน “ล้ำยุค” ไปมาก ถ้าเป็น XT รุ่น GL-10 คือ “ตัวท๊อป” มีอุปกรณ์มากมายประดามีจน “เกินรถ” (ส่วนจะมีอะไรนั้นลองไปหาข้อมูลเอาครับ เขียนหมดคงสามวันไม่จบ) ส่วนในปี 1988 ออกรุ่น XT6 มา ใช้เครื่องยนต์ ER27 แบบ 6 สูบนอน Boxer ขนาดใหญ่ถึง 2.7 ลิตร !!! เรียกว่ายกระดับให้เป็นรถ Grand Touring ระดับสูง สำหรับในตลาด “ยุ่น” ก็จะเรียกว่า ALCYONE VX รถมีขายถึงปี 1991 แล้วก็ถึงเปลี่ยนรุ่น…
ALCYONE SVX “Big Brother”
ปี 1992 จัดการออกตัว ALCYONE SVX ออกมา ย่อมาจาก SUBARU Vehicle X ซึ่งรถสเป็กอื่นนอกจากญี่ปุ่น จะเรียกกันแค่ SUBARU SVX เฉยๆ (เข้าใจว่า ALCYONE มันอ่านออกเสียงยาก) โดยอัพขนาดเป็นรถสปอร์ตหรูหราขนาดใหญ่ (มาก) ก็ยังคงคอนเซ็ปต์การออกแบบที่ “ล้ำยุค” อยู่เหมือนเดิม สไตล์รถจะบึกบึน ไม่เหมือนเพื่อนร่วมประเทศในยุค 90’s ที่เน้นความโค้งมนปราดเปรียว ตวัดปากกาโดย Giogetto Giugiaro หรือ “จูเจียร์โร่” นักออกแบบรถยนต์ชื่อดังจากค่าย ItalDesign ซึ่งจุดเด่นจะอยู่ที่ “กระจกหน้าต่าง” จะเป็นแบบ 2 สเต็ป ลองดูในรูปแล้วกันเพราะมัน “อธิบายยาก” มันจะเป็นแบบเดียวกับรถที่ใช้ประตูเปิดปิดแบบ “ปีกนก” เวลาเลื่อนขึ้นลงก็เป็นเฉพาะซีกล่าง ส่วนซีกบนก็จะติดกับเสา A ก็แลจะดู “ท่ายาก” หน่อยๆ เครื่องยนต์ยังคงยืนยันที่ 6 สูบนอน Boxer (H6 หรือ Horizon 6) บล็อก EG33 ขนาด 3.3 ลิตร DOHC มีกำลังแรงนุ่มๆ ที่ 230 hp มีเกียร์ออโต้ 4 สปีด เพียงอย่างเดียว ระบบขับเคลื่อนเอกลักษณ์ AWD ล้อ 16 นิ้ว ตามขนาดรถ ถ้าเป็นรถปีท้ายๆ รุ่น S4 จะมีแรงม้าถึง 250 hp มีอุปกรณ์ตกแต่งพิเศษ เป็นล้อ BBS 17 นิ้ว ส่วนสี Signature จะเป็นสีม่วงเข้มๆ ตัดกับเบาะหนังสี “ชานม” รถสวยมากครับ…
SVX ในแดน “สยาม”
บอกเลยว่า “มีน้อยมาก” ด้วยความที่รถมันออกทรง “ป๋า” สไตล์ Big Daddy ส่วนวัยแรดยุค 90 จะไม่มองมัน เพราะหันไปบ้ากับ “อิม” และ “เล” กัน เพราะมัน “จี๊ด” สะใจ ตอนนั้นมีนำเข้ามาไม่กี่คัน ส่วนราคาจำไม่ได้เพราะมัน “นาน” แต่ก็น่าจะ “สามล้านอัพ” ซึ่งสมัยนั้นก็ถือว่าแพงมาก ตอนนั้นมีข่าวว่า “คุณต๋อย ไตรภพ” ซื้อมาใช้อยู่ ส่วนตัวผมเอง ตอนละอ่อนก็เคยนั่ง SVX เพราะญาติของเพื่อนพ่อเคยเปิดศูนย์จำหน่ายและบริการ SUBARU อยู่ปากซอยมหาดไทย (ฝั่งลาดพร้าว) วันนั้นลุงเพื่อนพ่อขับมาก็เลยได้นั่ง ยังคิดอยู่ว่ามันอวกาศไปไหนวะ แต่ ณ ตอนนี้ ก็ไม่แน่ใจว่าแต่ละคันนั้นไปไหน ประมาณ 10 ปีที่แล้ว ผมไปกับ “เสี้ยม ริมหาด” ถ่ายรถอู่ “ช่างเฟค REVTEX” ก็เห็นมี SVX อยู่คัน แต่สภาพแต่งซิ่งไม่เดิม เป็นเครื่อง “อีเจ” ไปแล้ว ก็เห็นกับตาตัวเองคันสุดท้าย หลังจากนั้นก็ไม่เห็นอีกเลย แล้วก็มี “สาย” บอกว่า เจอในซอยลาซาล 24 เห็นตั้งแต่ยัง “ป้ายแดง” ได้ข่าวประมาณนี้ ส่วนที่เหลือไม่รู้เป็นตายร้ายดียังไงบ้าง…
ปิดตำนาน “ดาวจรัสแสงที่ร่วงโรย”
แม้ว่า ALCYONE ทุกรุ่น จะเป็นรถที่ทาง SUBARU ตั้งอกตั้งใจทำออกมาให้ล้ำสมัยและแหวกแนว สิ่งไฮเทคต่างๆ ยัดเข้าไปท่วมท้นจนเกินหน้าเกินตาเพื่อนร่วมสมัยในยุคนั้น แต่ด้วยความที่มัน “แปลก” โดนใจคนกลุ่ม “เฉพาะทาง” มันเลยทำให้รถขายได้ไม่มาก รวมถึงราคาที่ค่อนข้างสูง โดยเฉพาะ SVX นั้น จะฉีกแนวจากพรรคพวก อย่าง SUPRA, 300 ZX, RX-7, GTO ที่ต่างก็มี “เทอร์โบ” ไว้พร้อมรบ แต่ SVX นั้น “ไม่มีหอย” และ “แรงสู้พรรคพวกไม่ได้” เป็นรถที่ขับนุ่มๆ สบาย วิ่งทางยาวๆ ของโมดิฟายเพิ่มความแรงก็ไม่มี พูดง่ายๆ คือ “เน้นหล่อหรู” (อารมณ์เดียวกับ MAZDA EUNOS COSMO นั่นก็ยังดีที่ได้เครื่อง “สามโรฯ” มาเป็นจุดขาย) แต่เอาเข้าจริงมันก็เป็นรถแบบ “เฉพาะทาง” ซึ่งคนชอบและ “ยอมซื้อ” ก็มีน้อยกว่าพรรคพวก ความนิยมน้อย ในที่สุด SVX ก็ต้องปิดตำนาน “ดาวจรัสแสงจ้า” ไป พร้อมกับการ “ถูกลืมเลือน” ไปในความทรงจำ ซึ่งสายซิ่งรุ่นใหม่ก็ไม่รู้จักกับมันแล้ว…
นับว่าเป็นรถสปอร์ตในตำนานที่ถูกลืม ในตอนนั้นเราก็ว่ามัน “ไม่สวย” แต่ตอนนี้มันก็กลับดูมีเสน่ห์แบบรุ่นใหญ่ ในเมืองนอกก็นิยมเอากลับมาทำ โดยมากเป็นสาย Stance เพราะตัวรถมันใหญ่สไตล์ยุโรป นั่งสบาย หนักแน่น ใส่ล้อโตๆ จัด Fitment ทำคลีนๆ หน่อยก็นับว่าสวยแล้ว ส่วนในเมืองไทยตอนนี้ยังไม่เห็น อาจจะมีสายสะสมเก็บสภาพสวยๆ ไว้ก็เป็นได้ เชื่อว่าแฟนๆ XO AUTOSPORT คงอยากเห็นตัวจริงของมันอีกครั้งในสภาพสวยงาม แม้ความหวังจะเลือนลางหน่อย แต่ก็ยังไม่สิ้นหวัง…
X-TRA Ordinary
เอาเท่าที่พอรู้นะ ถ้าเป็นรถ JDM แผงทับทิมกลางไฟท้าย จะเป็นคำว่า ALCYONE SVX ส่วนสเป็กอื่นๆ จะเป็น SUBARU SVX ซึ่งก็รวมถึงบ้านเราด้วยที่ “คาดว่า” จะนำสเป็ก “ออสเตรเลีย” มาขาย เพราะจำได้ว่าคันที่เคยนั่ง เรือนไมล์ 240 หรือ 260 km/h นี่แหละ เพราะถ้าเป็น JDM แท้ๆ จะต้อง 180 km/h และรถคันนั้นก็ไม่ตัดความเร็ว 180 km/h ด้วย (เจ้าของรถเหนี่ยวไป 220 ++) สิ่งที่สันนิษฐานก็น่าจะไม่เกินความจริง…
- ALCYONE VR TURBO โฉมแรก เป็นไงล่ะ อึ้งกับจินตนาการคนออกแบบมั้ยล่ะ
- ภายในสุดล้ำ ที่ใครจะกล้าเลียนแบบ บางคนก็รับไม่ได้ บางคนก็ว่าดี (แต่ส่วนใหญ่เป็นอย่างแรก ซึ่งตอนนี้ก็มาถวิลหากันอีก) สำหรับรุ่น XT6 จะเปลี่ยนจากหน้าปัดดิจิตอล ไปเป็นอนาล็อก (เข็มกวาด) ที่ได้อารมณ์สปอร์ตมากกว่า ในยุค 80 จะนิยมหน้าปัดดิจิตอล (ช่วงนั้นดิจิตอลกำลังมาแรง) แต่…ถ้าเป็น “คอสปอร์ต” จะไม่เอาเพราะมันไม่ได้อารมณ์เหมือนเข็มกวาด !!!
- ตัวท๊อป XT6 Full Time 4WD ที่ใช้เครื่อง FLAT-6 จัดว่าทำให้ดูเป็น Grand Touring หรูหราระดับสูง
- ALCYONE SVX อันนี้จะเป็นรุ่น S4 GRAND TOURING SPORTS พร้อมล้อ BBS ขนาด 17 นิ้ว จากโรงงาน
- สังเกตกระจกหน้าต่างจะไม่เหมือนใครเขา ทำไมมันดีจัง การเลื่อนขึ้นลงก็จะได้เฉพาะครึ่งล่าง ตอนจ่ายทางด่วนน่าจะแลติดๆ ขัดๆ หน่อย