เรื่อง : อินทรภูมิ์ แสงดี / ภาพ : ธวัชชัย กรสิทธิศักดิ์ (Slowtake)
The Legend of RWD Fun Factor “TOYOTA FT86 & SUBARU BRZ”
สืบสานตำนาน “ขับหลังแสนสนุก”
ในอดีต เราฝังจิตฝังใจกับรถ “เครื่องหน้า ขับหลัง” หรือ FR (Front Engine Rear Wheel Drive) ด้วยความที่มี “คาแร็กเตอร์แห่งความสนุกในการขับขี่” หรือ Fan Factor ที่ไม่ใช่แรงอะไรมากมาย แต่ “ตอบสนองดี” ทำให้คนขับสื่อสารกับรถได้ง่าย ไม่แรงเกินไปจน “เครียด” หรือ “อันตราย” เรียกว่า “คนที่พอจะมีทักษะในการขับรถ สามารถสนุกไปกับมันได้” หนึ่งในรถที่มีคุณลักษณะนี้ ยอดนิยมก็คงหนีไม่พ้น “TOYOTA SPRINTER TRUENO/COROLLA LEVIN” ในอนุกรม “AE86” ซึ่งเป็นรถที่มีเอกลักษณ์แบบ Sporty และขับคงเป็นรถขับหลังอยู่ เพราะในช่วงปีนั้น COROLLA ก็มีตัว “ขับหน้า” ออกมาขายควบคู่กันไป ดังนั้น AE86 จึงเป็นรถที่สามารถตอบสนองในลักษณะ Fun Factor ได้อย่างสมบูรณ์ ส่วนราคาในขณะนั้นก็ไม่ถือว่าแพงมากเกินไป คนทั่วไปสามารถซื้อมาขับได้ แถมของแต่งมีอีกเพียบ จึงเป็นที่นิยมสูง โดยเฉพาะเป็น “รถครูแห่งการดริฟต์” ในการดริฟต์ยุคแรกๆ ของญี่ปุ่น แทบจะทุกคนต้องผ่าน AE86 มาแล้วทั้งสิ้น ก่อนจะขยับไปเป็นรุ่นใหญ่ หลังจากที่หมดยุคของ AE86 นั้น รถขับหลังขนาดเล็กสไตล์นี้ก็จะ “หายไป” จากสารบบ TOYOTA กลายเป็นรถขับหน้าแทน คงเหลือแต่รถขับหลังรุ่นใหญ่ๆ อย่าง SUPRA ซึ่งก็ “เกินฝัน” เป็นสไตล์ Heavy Weight ราคาสูง แน่นอนว่า เสียงเรียกร้องมีมาก TOYOTA หรือจะอยู่นิ่งเฉยได้ จึงต้องสร้าง “New TOYOTA 86” ขึ้นมาใหม่ เป็น Light Weight Sport Car ที่ยังคงมีความเป็น Fun Factor อยู่เต็มเปี่ยม ซึ่งเป็นการร่วมมือกันสร้างกับ “SUBARU” ที่เป็นรุ่น “BRZ” คราวนี้เราจะมาเจาะ Detail อันน่าสนใจของรถทั้งสองรุ่นนี้กันครับ…
Reborn RWD Again
หลังจากที่ห่างหายไปนาน ทิ้ง AE86 ไว้เป็นความทรงจำ TOYOTA ก็มารื้อฟื้นกันใหม่ โดยการออกแบบรถ Concept ที่เป็นสปอร์ตแบบเครื่องหน้า ขับหลัง คือ “TOYOTA FT-HS” ที่เป็นรถ Hybrid เครื่องยนต์ V6 ที่คนคิดว่ามันเป็นการกลับมาของ SUPRA และในปี 2008 TOYOTA ได้ซื้อหุ้นบริษัท Fuji Heavy Industries ที่ผลิตรถ SUBARU เป็นจำนวน 16.5 เปอร์เซ็นต์ ทาง TOYOTA นำโดย “Mr. Tetsuya Tada” หัวหน้า Project ได้ให้ทาง SUBARU มีส่วนร่วมในการออกแบบ ในรหัสแชสซี “086A” คือรู้กันว่า เอาแนวคิดมาจาก AE86 นั่นเอง ในปี 2009 ออก Concept Car มาโชว์ในงาน Tokyo Motor Show ในชื่อว่า “FT-86 Concept” สี Shoujyouhi Red ซึ่งทาง SUBARU ได้ออกแบบเครื่องยนต์ ระบบส่งกำลัง ช่วงล่าง ส่วน TOYOTA ก็จัดการเรื่องดีไซน์ต่างๆ โดยได้รับอิทธิพลมาจาก TOYOTA 2000 GT ปี 1967 ที่เป็น “สุดยอดสปอร์ตของค่าย” ตลอดกาล รวมถึงระบบจ่ายเชื้อเพลิงแบบ D-4S เบนซิน พร้อมระบบ Direct Injection ที่ได้ทั้งสมรรถนะและความประหยัด (รู้กันว่า SUBARU ไม่ถนัดทำรถประหยัดเอาเสียเลย) เดี๋ยวเราค่อยไปเหลากันในส่วนของเครื่องยนต์ เอาเป็นว่า เรื่อง Feature ต่างๆ ผมขอเป็น “ฉบับย่อ” นะครับ (เนื่องจาก “อ้อย คลองแปด” จะฆ่าผม อยากดูตัวจริงไปงาน Souped Up Thailand Records 2015 นะครับ) แต่จะไปใส่เต็มกับ “ข้อมูลในลิ้นชัก” ที่น่าสนใจ และมาจาก “ผู้มีประสบการณ์” เกี่ยวกับรถรุ่นนี้โดยตรงดีกว่าครับ…
- TOYOTA FT-86 Concept สืบสาน DNA มาจาก AE86 ที่เป็นรถในลักษณะ Fun Factor ขับหลังแสนสนุก ที่ตราตรึงในใจหลายคน จนต้อง Reunite อีกครั้ง
- เวทีการเปิดตัวของ GT86 ในงาน Geneva Motor Show ปี 2012 กับความเกี่ยวข้องกับบรรพบุรุษสปอร์ตเต็มขั้น อย่าง TOYOTA 2000 GT ปี 1967 โดยเฉพาะรูปทรงกับไฟท้าย ที่ถอด “กลิ่นไอ” มาค่อนข้างชัดเจน
- 86 ปี 2015 ขยับสเต็ปนิดหน่อย โดยหลักแล้วจะเน้นเรื่อง Handling ที่ “คม” และ “แม่น” ขึ้น จากการขยายขนาดของนอตยึดซับเฟรมหน้าและหลัง เพื่อลดอาการโย้ตัวของช่วงล่าง
- SCION FR-S มีลักษณะของ “อเมริกันชน” อยู่ ไฟท้ายไม่เหมือนครับ จะมี “Side Lamp” สีแดง อยู่ด้านข้างของไฟท้าย ซึ่งเป็นข้อบังคับที่ประเทศนี้กำหนดขึ้นมา
- ในบ้านเราที่เป็นรุ่น Top Grade AT จะได้พาร์ทชุดนี้มาครับ
- 86 RC (Racing) Model มาดิบๆ โล้นๆ แบบนี้แหละครับ แต่ผมชอบนะ เพราะถ้าซื้อมาก็เปลี่ยนพาร์ท “ทรงเครื่อง” อยู่แล้ว
TOYOTA FT/GT 86
ปี 2011 ณ Tokyo Auto Show ได้ฤกษ์จำหน่ายจริงของ 86 ที่เป็นรถเน้นความ “สมดุล” เป็นหลัก ด้วยขุมพลัง Boxer ที่มีจุดศูนย์ถ่วงต่ำ ทำให้รถมีการทรงตัวที่ดี ทำให้อาการของรถ “เป็นกลาง” สำหรับ 86 ใน “เมืองไทย” ก็จะมีทั้งผู้นำเข้าอิสระ (เกรย์) จะเป็นสเป็ก “ญี่ปุ่น” และทาง “โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด” ได้นำเข้ามาจำหน่าย อย่างเป็นทางการ เป็นรถสเป็ก “ออสเตรเลีย” โดยแบ่งเป็น 3 รุ่นย่อย ด้วยกัน ได้แก่ “Top Grade AT” จะ “พิเศษ” กว่ารุ่นอื่น คือ มีชุดพาร์ทรอบคัน และสปอยเลอร์หลังทรงสูง ไฟหน้า HID พร้อมหัวฉีดน้ำล้างโคมไฟ ส่วนไฟหรี่เป็น LED กระจกหน้ามี Top Shade ลดแสงเข้าตา ภายในใช้โทนสี “ดำ-แดง” เบาะนั่งเป็น หนัง + Alcantara สีแดงดำ เบาะคู่หน้ามีระบบอุ่นเบาะ เรือนไมล์มีทั้งเข็มและ “ดิจิตอล” วัดรอบเป็น “หน้าปัดขาว” พวกระบบอัจฉริยะต่างๆ เช่น เปิดประตู, สตาร์ทเครื่องยนต์ ระบบเกียร์มีแป้น Paddle Shift ที่พวงมาลัย มีระบบ Cruise Control เฟืองท้ายแบบ Torsen Limited Slip (แบบใช้เฟืองเป็นตัวกำหนดความฝืด) ล้อเป็นลาย 5 ก้านคู่ ขอบ 17 นิ้ว พร้อมยาง 215/45R17 จานเบรกหน้ามีขนาดใหญ่ที่สุดในรุ่น ราคา “2,740,000 บาท” รองลงมา “Standard Grade AT” พวกอุปกรณ์พิเศษของรุ่น Top Grade AT จะหายไป ภายนอกเป็นเดิมๆ ภายในเป็นสีดำ ไม่มีระบบอุ่นเบาะ ชุดเกจ์วัด เรือนไมล์ เป็นพื้นสีดำ ล้อเป็นลาย 10 ก้าน ขอบ 16 นิ้ว ยาง 205/55R16 ราคา “2,560,000 บาท” และรุ่น “Standard MT” รายละเอียดรอบคันเหมือน Standard AT แต่รุ่น MT ก็จะใช้เกียร์ธรรมดา 6 สปีด แต่ดีอย่างเป็นเฟืองท้ายแบบ Torsen Limited Slip เหมือนกับรุ่น Top Grade AT สำหรับคนชอบความมันส์ในการขับขี่ และนำไป “โมดิฟายต่อ” ราคา “2,490,000 บาท” ครับ ส่วนในยุโรป จะใช้ชื่อว่า “TOYOTA GT 86” แล้วก็มี “SCION FR-S” ขอกล่าวถึงมันสักนิดพอ คำว่า “FR-S” ย่อมาจาก Front Engine Rear Wheel Drive Sport ซึ่ง SCION เป็นแบรนด์ของ TOYOTA สำหรับรถขนาดเล็กที่ขายใน “อเมริกา” และ “แคนาดา” (ถ้ารถขนาดใหญ่หรูหรา ก็ LEXUS ไงละครับ ด้วยเหตุผลเดียวกัน คือ “ยกระดับแบรนด์” ให้มีเอกลักษณ์เฉพาะ เพราะในอเมริกาถือว่าเป็นตลาดใหญ่ คู่แข่งสูง) ก็ขอละไว้ก่อนนะครับ ขอพูดถึงสิ่งที่ใกล้ตัวเราก็พอ…
- 86 TRD 14R60 Limited Edition ในรูปแบบ Race Car มีชุดพร้อมรบ
- 86 TRD Griffon Concept
- 86 GT Aero Limited Edition
- GT 86 Cup Edition
- GT86 Giallo Edition ภายใน “สวย” มาก เหมือน Super car จากแดนกระทิง
- 86 Style Cb จอมาตรวัดเปลี่ยนใหม่ ให้ดู Cyber มากขึ้น
- 86 Yellow limited Edition Aero Package ชุดเต็มงดงาม ภายในดำล้วน เดินด้ายเหลือง
Limited Edition of 86
แถมให้หน่อยละกัน เหล่า “ตัวพิเศษ” ทั้งหลาย ในช่วงปลายปี 2014 ถึงต้นปี 2015 ก็มีออกมาหลายตัวเหมือนกัน ถ้าเป็นฝั่ง “ญี่ปุ่น” ก็จะมี “86 TRD 14R60” มีจำนวน 100 คัน ได้เอารูปแบบมาจากตัวแข่ง GT86 TRD Griffon รุ่น 14R60 ใส่ของ TRD เยอะแยะ เช่น ช่วงล่างแบบ Half Racing, ปลายท่อคู่ “ซองแฝด” แบบ Super car, หลังคา + สปอยเลอร์หลัง เป็นคาร์บอนไฟเบอร์, พวงมาลัย + หัวเกียร์ เป็น Alcantara ด้ายเหลือง, คันเกียร์ Short Shift, เบาะ Full Bucket Seat, ลิมิเต็ดสลิปแบบ Racing, ล้อ 5 ก้าน ขอบ 18 นิ้ว เป็น “แมกนีเซียม” ด้วยนะ แต่ราคาก็สูงตามคุณค่า คือ “6.3 ล้านเยน” !!! ต่อมาเป็น “86 Style Cb” คำว่า Cb ย่อมาจาก “Cyber Stork” สไตล์ไม่คุ้นตาสักเท่าไร ภายในก็เปลี่ยนสไตล์ออกแนวหรูหรา เรือนไมล์ แผงหน้าปัด เป็นสไตล์ Woodgrain แล้วก็มี “Yellow Limited Edition” สีเหลืองสดใส ไฟหน้าและไฟท้ายเป็น Smoke Lens เพิ่มความเข้ม ภายในสีดำล้วน เย็บด้ายเหลือง ประดับคาร์บอนไฟเบอร์ ถ้าจะให้สุด ต้องเป็น “Yellow limited Edition Aero Package” แล้วท่านจะหล่อกับชุดพาร์ทสไตล์ GT (เล็กๆ) ล้อ 18 นิ้ว (ลายเดียวกับ 86 Style Cb) ช่วงล่าง SACH แบบสปอร์ต…
สำหรับตลาด “ยุโรป” ก็มีตัว Limited เช่น “GT 86 Aero” พาร์ทชุดเต็ม และล้อ O.Z. Ultraleggera สีเทา ขอบ 18 นิ้ว และ “GT 86 Giallo” (ภาษาอิตาลี แปลว่า “สีเหลือง”) รถเป็นสี “Sunrise Yellow Metallic” ผลิตทั้งหมด “86 คัน” และส่งไปอิตาลี “50 คัน” ส่วน “GT 86 Cup Edition” ก็จะเป็นสไตล์ตัวแข่ง (Cup car) ทำเพื่อเป็นการส่งเสริมการขาย อ้างอิงกับรายการแข่งขัน VLN Endurance ตัวรถที่ขายเป็น Limited จะมีแถบสีแดงคาดตัวรถ สีตัวรถเป็น Dynamic White Pearl, Furious Black Mica, Racing Red ล้อ O.Z. Ultraleggera มีจำนวนจำกัด “86 คัน” เช่นกัน…
86 RC Model
RC หมายถึง Racing Model ที่ 86 ผลิตขึ้นมาเพื่อ “เป็นรถที่นำไปทำเป็นรถแข่ง” จึงเป็นอะไรที่โคตร Basic จริงๆ เพราะยังไงก็ไม่ได้สนพวกของประดับประดาอยู่แล้ว กันชนสีดำ ล้อกระทะ 16 นิ้ว ภายในธรรมดามากๆ เอาง่ายๆ ว่า “พร้อมรื้อ” นั่นแหละครับ แล้วก็มี Racing Equipment พร้อมรบ เช่น โรลบาร์, เข็มขัดนิรภัย 4 จุด, หูลากที่กันชนหน้า-หลัง, พรมพื้น 86 Racing ขอบแดง, ออยล์คูลเลอร์ ฯลฯ…
2015 Minor Change
สำหรับ 86 ตัวไมเนอร์เชนจ์ ก็จะเปลี่ยนรายละเอียดนิดหน่อยครับ ภายนอกก็จะเพิ่มสี “Pearl White” และ “New Silver” เสาอากาศเปลี่ยนเป็นทรง “หูฉลาม” ภายในเปลี่ยนแผงที่หน้าปัดเป็น “คาร์บอนไฟเบอร์” ระบบช่วงล่าง นอตยึดซับเฟรมทั้งด้านหน้าและด้านหลังจะเพิ่มขนาดใหญ่ขึ้น ทำให้ “เกิดความมั่นคง” และ “พวงมาลัยตอบสนองเร็วขึ้น” เซตโช้คอัพใหม่ โดยเน้น Handling ที่ดีขึ้นเป็นหลักครับ…
- BRZ มีรายละเอียดบางอย่างต่างกับ 86 อยู่บ้าง จุดสำคัญ คือ “ฟีลลิ่งในการขับขี่” ที่แต่ละค่ายก็จะเน้นสไตล์ของ “กลุ่มลูกค้าแบรนด์ตัวเอง” เป็นสำคัญ ดีไซน์ช่องลมกันชนจะเน้นความแข็งแกร่งมากกว่า 86 พวกสเป็ก “ยุโรป” ก็จะมี Day Light มาให้อุปกรณ์มาตรฐาน โดยติดตั้งอยู่ด้านบนของไฟตัดหมอก
SUBARU BRZ
แน่นอน ขาดการกล่าวถึง “SUBARU BRZ” ไปได้อย่างไร คำว่า BRZ ย่อมาจาก “Boxer + Rear Wheel Drive + Zenith” สำหรับรายละเอียดที่แตกต่างจาก 86 ก็ขอแยกให้จะจะกันไปเลยในตอนท้ายเรื่อง สำหรับ BRZ สเป็กญี่ปุ่น จะมีขาย 4 รุ่น ด้วยกัน ได้แก่ “RA” ล้อกระทะ เป็นรถ Low Equipment ส่วน “RA Racing” จะให้อุปกรณ์พร้อมรบ ในลักษณะ “Track Ready” เช่น โรลบาร์, ชุดดักลมเป่าเบรกหน้า, เข็มขัดนิรภัย 4 จุด มาตรฐาน FIA, ออยล์คูลเลอร์พิเศษ, ช่องลมที่กันชนหน้าไม่มีตะแกรงด้านใน เพื่อให้ลมเข้าเต็มๆ แต่ยัง “มีแอร์” ให้ รุ่นถัดมา “R” มีทั้งเกียร์ธรรมดา (MT) และ เกียร์ออโต้ (AT) ล้ออัลลอย 16 นิ้ว ลาย 10 ก้าน แอร์แบบ Manual ส่วนรุ่น Top คือ “S” มีทั้งเกียร์ธรรมดา และเกียร์ออโต้ ดีอย่าง SUBARU คิดถูก เอาเกียร์ธรรมดามาให้เลือกในรุ่น Top เพราะรู้ว่ายังไงก็ต้องมีคนที่อยาก “โยก สับ ยัด” ให้มันได้อารมณ์กว่าเกียร์ออโต้ อุปกรณ์ที่เพิ่มขึ้นมาก็คล้ายๆ 86 ครับ เช่น ไฟหน้า HID, ล้อ 17 นิ้ว, กรอบคันเกียร์เป็นสีเงิน, แอร์ออโต้, ระบบ Push Start, แป้นเหยียบแบบสปอร์ต อะไรพวกนี้ ส่วนในบ้านเรา จะมีรุ่น S มาขาย ทั้ง MT และ AT ราคาล่าสุด ณ ตอนนี้ ลดจากเดิมมาเยอะเหมือนกัน เหลือ “2,130,000 บาท” และ “2,080,000 บาท” ตามลำดับ เรียกว่าถูกกว่า 86 อยู่พอสมควร…
- BRZ tS tuned by STi “ไร้หอย” แต่เน้นการตอบสนองในรูปแบบ Track Ready อย่างชัดเจน
- ภายในของ tS ออกแบบได้ครบครัน ไม่อลังการ แต่พร้อมสำหรับการขับขี่แบบเค้นสมรรถนะ
- ถ้าเป็น tS GT Package จะได้สปอยเลอร์หลัง STi คาร์บอนไฟเบอร์
tS Limited Edition
สำหรับ BRZ ก็มีตัว Limited Edition ด้วยนะครับ คือ tS ที่ผ่านการปรุงพิเศษ จาก STi (Subaru Technica International) ให้ร้อนแรงยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในด้าน Handling เช่น ชุดพาร์ทใหม่ ดุดัน สปอยเลอร์หลังคาร์บอนไฟเบอร์ ทรง GT, เปลี่ยนช่วงล่างใหม่ เป็นของ BILSTEIN เซตให้หนึบแน่นแบบสปอร์ตเต็มพิกัด, บู๊ชพิเศษ เพิ่มความเหนียวแน่น, ค้ำต่างๆ เพิ่มความแข็งแรงของตัวถังและช่วงล่าง, ล้อ BBS สีเงิน 18 นิ้ว, เบรก BREMBO, เพลาขับมีขนาดใหญ่ขึ้น, ภายในเป็นพวงมาลัย STi Design, เบาะ RECARO STi กึ่ง Bucket Seat พนักพิงปรับได้ พร้อม Side Airbag ส่วน tS GT Package ได้สปอยเลอร์หลังคาร์บอน, ล้อ BBS สีดำ 18 นิ้ว เป็นต้น สำหรับจำนวนการผลิต ในรุ่นปี 2013-2014 จะผลิตจำนวน 500 คัน แบ่งเป็น tS และ tS GT Package อย่างละ 250 คัน…
2015 Minor Change
พรรคพวกเปลี่ยนก็ย่อมต้อง “ขยับ” ด้วย (นิดหน่อย) โดยพื้นฐานก็คงเหมือนกับ 86 Minor Change แต่มีสีใหม่ “WR Blue Pearl” ซึ่งจะเข้มขึ้น แผงคอนโซลเปลี่ยนสีใหม่ แล้วก็มีรุ่น tS จะผลิตจำนวน “300 คัน” และขายเฉพาะในญี่ปุ่นอย่างเดียว…
Tips
สำหรับเรื่องราวต่างๆ ของ 86 และ BRZ ที่เกี่ยวข้องกันทั้งเครื่องยนต์, ระบบส่งกำลัง, การเซตช่วงล่าง และสิ่งละอันพันละน้อยต่างๆ ที่มาจาก “สายเชี่ยวชาญ” โดยตรง เชิญชมได้ดังนี้…
- FA20/4U-GSE ตัวใหม่ไฉไลสุดๆ มีระบบ AVCS (แคมฯ กระดิก) ทั้งฝั่งไอดีและไอเสีย เน้นกำลังที่มาอย่างต่อเนื่อง และประหยัดกว่าเครื่องรุ่นก่อน
- ระบบหัวฉีด Direct Injection ฉีดตรงสู่ห้องเผาไหม้ ลดการสูญเสีย ทำให้การเผาไหม้หมดจด
- 27. ความดีความชอบของเครื่อง Boxer ทำให้จุดศูนย์ถ่วงอยู่ต่ำ รถจะมีตอบสนองไว เกาะถนนดี อาการโคลงตัวน้อย เป็นจุดเด่นที่ 86 & BRZ มี
Engine
เครื่องยนต์ Boxer นอนยันตัวใหม่ ถ้าเป็นฝั่ง 86 ก็จะเรียกรหัสว่า 4U-GSE ส่วน BRZ ก็จะเป็น FA20 จริงๆ แล้ว ถ้าเป็น TOYOTA หลายคนอาจจะยังไม่ทราบ ว่ามีสปอร์ตขนาดเล็ก เครื่องยนต์สูบนอนมาทั้งแต่อดีตกาลนานมาแล้ว คือ Sport 800 ตัวจิ๋ว ที่ใช้เครื่องบล็อก 2U-B แบบ 2 สูบนอน 2 จังหวะ ระบายความร้อนด้วยอากาศ ดังนั้น DNA ของเครื่องสูบนอน กับรถสปอร์ตขนาดเล็กของ TOYOTA จึงกลับมาในยุคของ 86 อีกครั้งหนึ่ง เรามาดูกันว่า Tips ที่น่าสนใจเกี่ยวกับเครื่องยนต์ตัวนี้ มีอะไรที่น่าสนใจ และมีอะไรที่ควร “คำนึง” กันบ้าง จะได้ยืดอายุกันยาวๆ…
- เครื่องยนต์เดิมๆ ก็ถือว่าไม่จุกจิกอะไร ดูแลเหมือนรถทั่วไป แต่ในบ้านเราที่เป็นเมืองโคตรร้อน แนะนำให้เปลี่ยนน้ำมันเครื่องเป็นเบอร์ที่หนืดขึ้น จากเดิมเบอร์ความหนืด 20 ก็เปลี่ยนเป็น 30 แต่ถ้าขับแบบเน้นพลัง วิ่งทางไกลบ่อยๆ แนะนำเป็นเบอร์ 40 กำลังสวย…
- หัวเทียนควรจะต้องเปลี่ยน ถ้ามีการโมดิฟายเพิ่มขึ้น เพียงแค่จูนกล่อง ใส่อะไรเพิ่มเติมนิดหน่อยก็ควรจะเปลี่ยนให้ค่า Heat Range ของหัวเทียน “เย็นขึ้น” เพราะหัวเทียนเดิมไม่ค่อยจะสู้ร้อนสักเท่าไร อาจจะมีอาการแตกหักจนเครื่องพังได้…
- หม้อน้ำของเดิมค่อนข้าง “บาง” จริงๆ มันก็ไม่มีปัญหาเรื่องระบายความร้อน เพียงแต่ถ้ามีการโมดิฟายเพิ่มไปถึงขั้น “มีระบบอัดอากาศ” ถ้าจะให้สบายใจ แนะนำเปลี่ยนหม้อน้ำของโมดิฟายจะดีกว่า…
- นิสัยของเครื่องตัวนี้ คือ “ต้นจัด” ตอบสนองไวครับ แต่ตีนปลายอาจจะไปช้าหน่อย เพราะไร้หอย แต่เดิมๆ โรงงานเคลมไว้ถึง 230 km/h (โดยประมาณ) ก็ถือว่าเหลือเฟือแล้วครับ…
- การโมดิฟาย ถ้าไม่ยุ่งกับตัวเครื่อง ไม่มีระบบอัดอากาศ ส่วนใหญ่แรงม้าจะอยู่แถวๆ 150-170 PS “ลงพื้น” อันนี้บอกเลยว่า “ส่วนต่างของแรงม้า อยู่ที่เครื่องยนต์ของแต่ละคันนะครับ” ไม่เท่ากันเสมอไป ต่อให้ใช้ของเหมือนกัน คนทำ คนจูน คนเดียวกันก็ตาม เหตุผล คือ “ตอบไม่ได้” อาจจะมีข้อแตกต่างจากการผลิตมาก็เป็นได้ครับ แต่อย่าไปซีเรียส…
- สูตรนิยมของระบบอัดอากาศ คือ “ซูเปอร์ชาร์จ” ที่รถเกียร์ออโต้จะชอบมาก เพราะ “ช่วยต้น” แรงม้าที่ได้ก็อยู่ประมาณ “235-240 PS” โดยเฉลี่ย (อาจจะมี Factor ที่ทำให้แรงม้าแตกต่างกันไปด้วยนะครับ ก็อยู่ที่พื้นฐานของเครื่องยนต์รถแต่ละคันเป็นหลัก)
- สำหรับใครที่จะเล่นกับ “เทอร์โบ” แรงม้าที่ไส้ในเดิมรับได้ อยู่ไม่เกิน “270 PS” กับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 จริงๆ สามารถเบ่งได้ถึง 300 PS เครื่องสามารถทำได้ แต่ “เสี่ยงไหลตาย” ครับ ถ้าจะ “ไปถึงจุดนั้น” หรือ “กว่านั้น” ก็ควรจะเปลี่ยนไส้ในโมดิฟายด้วยครับ เพื่อความชัวร์…
- ถ้าเป็น “สายโหด” ที่ต้องการแรงม้าสูงๆ ใส่ระบบอัดอากาศ ปรับบูสต์หนัก จำเป็นต้องทำ “Block Guard” ใส่เข้าไป เพราะเดิมๆ เป็น “เสื้อสูบลอย” มีโพรงรอบกระบอกสูบ ลักษณะนี้จะมีปัญหาเรื่อง “ไลน์เนอร์แตก” ถ้าเจอบูสต์หนักๆ แล้วก็มีจุดเปราะบาง คือ “ก้านสูบ” ที่รับแรงม้าสูงมากไม่ได้ เพราะเดิมๆ ไม่มีระบบอัดอากาศ ถ้าจะเล่นแรงก็ต้องเปลี่ยนก้านสูบโมดิฟายด้วยครับ…
- พูดถึงก้านสูบโมดิฟาย หน้าตาจะประหลาดๆ องศาบ่ายึดนอตก้านจะ “เอียง” ไม่สมดุลเหมือนปกติ หลายคนรวมถึงตัวผมเอง เข้าใจว่ามันเป็นก้านสูบเยื้องศูนย์ เพื่อลดการตบข้างของลูกสูบฝั่งที่อยู่ด้านล่าง จริงๆ แล้ว มันอยู่ในศูนย์แบบปกติแหละครับ เพียงแต่ที่ทำเอียงแบบนี้ เพื่อให้ “สามารถถอดและใส่นอตก้านสูบได้อย่างสะดวก” เพราะเครื่องตัวนี้มันจะไม่มีรูสำหรับสอดเครื่องมือไปขันและคลายนอตก้านสูบเหมือนรุ่นก่อนครับ…
Transmission
- รถเกียร์ธรรมดา ถ้ามีการโมดิฟาย หรือรู้ตัวว่า “โหด” ก็ควรจะเปลี่ยนน้ำมันเกียร์เกรดสูง เพื่อรักษาเกียร์ให้ทนทาน ลดเสียงดัง เข้าเกียร์ได้ง่ายขึ้น…
- รถเกียร์ออโต้ ก็เช่นเดียวกัน ใช้หลักการเดียวกับเกียร์ธรรมดา แต่เน้นว่าควรเพิ่ม “ออยล์คูลเลอร์เกียร์” เพื่อลดความร้อนของน้ำมันเกียร์ ถ้าความร้อนสูง เวลาเปลี่ยนเกียร์จะมี Delay อย่างเห็นได้ชัด และไม่ค่อยต่อเนื่อง กระตุก เกียร์จะอายุสั้น…
- เฟืองท้าย สำหรับสายโหด ก็จะมีชุดแต่งเป็นฝาปิดเฟืองท้ายที่สามารถบรรจุน้ำมันได้มากขึ้น เพื่อเพิ่มการหล่อลื่น และควรจะใส่ออยล์คูลเลอร์เฟืองท้ายด้วยครับ…
- ระบบช่วงล่าง ทั้ง 86 และ BRZ แม้ว่าจะมีรูปแบบที่เหมือนกันเด๊ะๆ แต่ “การเซ็ตอัพแตกต่างกัน” ตามลักษณะของ “ลูกค้าในแบรนด์” ว่าจะมี “นิสัยการขับขี่” ไปในรูปแบบใดมากกว่ากัน
- สิ่งหนึ่งที่ทาง SUBARU ภูมิใจกับเครื่อง Boxer เป็นมั่นเหมาะ คือ “ความสมดุล” (Symmetrical) ของทั้งสองฝั่ง จึงเป็นจุดเด่นที่นำมาใช้ มันไม่ได้เน้นเรื่องความแรงมากมายนัก แต่เน้นการขับขี่แบบ “ใครก็สนุกกับมันได้” ต่างหาก
Suspension
สำหรับการเซตช่วงล่าง แม้ว่ารถจะมี Platform และรูปแบบเหมือนกัน แต่ “ฟีลลิ่ง” ที่ได้ ก็ไม่เหมือนกัน แล้วแต่เอกลักษณ์ของกลุ่มลูกค้า อย่าง 86 ก็จะเซตให้ออก Firm เป็นหลัก ตัวรถจะออก “โอเวอร์สเตียร์” ที่ค่อนข้างชัดเจน ทำให้รถมีอาการ “เลี้ยวไว” ขับสนุก และจากตัวผม “พี สี่ภาค” ที่เคยได้ลองขับ 86 Top Grade AT ก็รู้สึกว่ารถมี Response ที่ดี อาการเป็นกลาง ไม่แสดงออกสุดขั้วไปทางใดทางหนึ่ง แต่ถ้าเข้าโค้งแรงหน่อย ท้ายออกโอเวอร์สเตียร์แต่ยังควบคุมได้ นับว่าเป็นรถที่ขับสนุก ได้ออกแรงแก้กับมันบ้าง แรงพอเหมาะ แต่ถ้าจะแรงและเร็วกว่านี้ก็ต้องจัดช่วงล่างใหม่ ส่วน BRZ โช้คอัพจะออกแนว Firm เช่นกัน แต่ไปแนว “นุ่ม” กว่า 86 เล็กน้อย สำหรับการเซตสปริง ของ 86 ด้านหน้าจะนิ่มกว่า BRZ แต่ด้านหลังของ 86 จะแข็งกว่า ของ BRZ มันเลยออกอาการโอเวอร์สเตียร์ชัดเจนกว่า BRZ ที่ค่อนข้าง “เป็นกลาง” โอเวอร์สเตียร์ก็มีแต่น้อยกว่า 86 เรามีข้อมูลดังนี้ครับ…
ค่า Spring Rate
86 : หน้า 23 N/mm. (131 lbs/in) หลัง 37 N/mm. (211 lbs/in)
BRZ : หน้า 27 N/mm. (131 lbs/in) หลัง 34 N/mm. (211 lbs/in)
- ถ้ารถที่เตี้ยกว่าเดิมพอสมควร หรือต้องการปรับมุมแคมเบอร์มากขึ้น ของเดิมไม่สามารถปรับอะไรได้เยอะนัก ได้หลักๆ ก็คือ มุม Toe อย่างเดียว แนะนำพวกชุด Lower Arms ของแต่ง ที่ปรับมุมล้อต่างๆ ได้เยอะขึ้น เป็นของที่จำเป็นต้องใส่ เพื่อปรับแก้อาการให้เป็นอย่างที่เราต้องการ…
- สำหรับการเซตช่วงล่างใหม่ ก็แล้วแต่ “สไตล์” และลักษณะการใช้งานของแต่ละคน ถ้าเป็นแนว Street Use ขับปกติ เน้นวิ่งเร็วๆ บนไฮเวย์แล้วขับง่าย ก็จะเซตให้ “ท้ายเกาะ” เยอะหน่อย ทำให้เวลาขับเข้าโค้งกว้างๆ คนขับที่มือไม่เซียนมากจะรู้สึกว่ามั่นใจกว่าท้ายไหล วิ่งทางยาวๆ นิ่งกว่า พูดง่ายๆ คือ ถ้าเป็นแนว Street Used ก็จะเซตเพิ่มให้รถมี Response ดีขึ้น เกาะถนนและมั่นใจขึ้น แต่ก็ยังคงมีความนุ่มนวลอยู่…
- ส่วน “สายเลี้ยว” ก็จะปรับให้ “ท้ายไหล” แคมเบอร์ล้อเยอะๆ ช่วงล่างแข็งหน่อย ลดการ Rolling ของตัวรถให้มากที่สุด เพื่อให้รถมี Response ในการเข้าโค้งที่ “ชัดเจน” รถก็จะดู Active ดีครับ เหมาะสำหรับคนที่ชอบในการ Control และพอมีทักษะในการขับรถที่ดี แต่ถ้าคนที่ไม่คุ้นเคย การเซตแบบนี้อาจจะทำให้ขับแล้วเหนื่อย เพราะมันค่อนข้างลุกลี้ลุกลน ก็ต้องเลือกให้ดีครับ ว่าชอบแบบไหน ลักษณะนี้น่าจะเป็น “ขับเล่น” มากกว่าใช้งานจริงจัง
- เรื่องอาการต่างๆ ของตัวรถ ถ้ามีการโมดิฟายช่วงล่างแล้ว มันย่อมไม่เหมือนเดิม “เจ้าของรถ” จะต้องเป็นผู้สั่งการเองครับ ว่าชอบลักษณะอาการรถแบบไหน แล้วจะเลือกซื้อช่วงล่างอะไรที่ตอบสนองสไตล์ของตัวเองได้ ไม่มีสูตรตายตัวทั้งสิ้นครับ…
Garage & Shop
จริงๆ แล้ว การโมดิฟายของรถรุ่นนี้ก็ไม่ได้ซับซ้อนอะไรมาก ส่วนใหญ่ก็จะมีของให้เลือกซื้อใส่กันตามอัธยาศัย คนขายของก็มีหลายเจ้า เราขอแนะนำที่เน้นกับรถรุ่นนี้เยอะหน่อยก็แล้วกัน ตัวอย่างเช่น…
- A Motorsport – Techdesign Thailand : นี่ก็ถือว่าเป็น “สายตรง” ได้ทั้งรถบ้าน รถโมดิฟายวิ่งถนน ไปยันรถเซอร์กิต เป็นตัวแทนจำหน่ายชุดซูเปอร์ชาร์จ Kraftwerk, ชุดเทอร์โบ TREADSTONE TURBO, ช่วงล่าง BEATRUSH และรับสั่งอุปกรณ์ตกแต่งสำนักอื่นๆ อีก Contact : www.facebook.com/FT86-BRZ-A-motorsport-Techdesign-Thailand, 09-9597-8923
- HKS THAILAND : เพิ่งเปิดตัวไปสดๆ ร้อนๆ กับ Supercharged Version 2 ที่เน้นความแรงเพิ่มขึ้น และขับขี่ได้อย่างทนทาน และมีอุปกรณ์ของ 86 & BRZ อีกเพียบ เช่น ช่วงล่าง, เบรก, ท่อไอเสีย ฯลฯ Contact : hksthailand.com, www.facebook.com/HKSThailand, Tel. 0-2743-0070-4
- GARAGE 86 SERVICE & PERFORMANCE : สายนี้เขาคนรัก 86 & BRZ โดยตรงเหมือนกัน รับทั้งเซอร์วิสรถเดิมๆ และรถโมดิฟาย เป็นตัวแทนจำหน่ายอุปกรณ์โมดิฟายจากสำนัก HKS, BLITZ มีให้เลือกกันท่วมคัน และช่วงล่าง RS-R (รถยี่ห้ออื่นก็รับนะครับ) Contact : facebook.com/Garage86, Tel. 08-8887-2099
- MPS SHOP : จำหน่ายและเซอร์วิส ติดตั้งชุด Aero Part หลากหลายสำนักชื่อดังจากญี่ปุ่น และในแนว Custom Made แบบไทย Contact : facebook.com/mpsshopjp, Tel. 09-0971-8817
- กระเทียมเซอร์วิส : เน้นไปในทางชุดพาร์ทฝีมือคนไทย แนว Custom Made แบบหลากหลาย แล้วแต่ไอเดียเลยครับ Contact : facebook.com/garlicservice, Tel. 08-1170-9727, 08-3902-6907
- O K Shop Bangsaen : บริการแบบครบวงจร รับสั่งพาร์ท ของแต่งสวยงาม อุปกรณ์โมดิฟาย จากต่างประเทศ รับงานสี โมดิฟายเครื่องยนต์ ฯลฯ Contact : facebook.com/chalermsak.pakonsakul, Tel. 08-1907-5095
- Aek GARAGE : เกาะกระแส 86 & BRZ มานาน เน้นอุปกรณ์ของแต่งค่าย ENDLESS และ BRIDE + edirb รวมถึงรับสั่งของแต่งชั้นนำค่ายต่างๆ จากต่างประเทศ รับโมดิฟายเครื่องยนต์ และอื่นๆ ครบวงจร Contact : facebook.com/aek.garage, Tel. 08-1821-4587
- N SPORT : เน้นไปในทางชุดพาร์ท VARIS สำหรับ 86 & BRZ รวมถึงล้อ VOLKS และช่วงล่าง ARAGOSTA ตรงรุ่น Contact : facebook.com/NSports, Tel. 08-7666-7777
- BLITZ THAILAND : สายตรงของโมดิฟายสำนัก BLITZ (“บลิตซ์” นะครับ ไม่ใช่ “บิด”) จัดเต็มของโมดิฟาย 86 & BRZ ตรงรุ่นครบๆ Contact : blitzthailand.com, Tel. 08-3078-2510, 08-1924-2203
- INJECTION CLUB SERVICE : หรือ INJECTION MOTOR SPORT ก็ได้ ตัวแทนจำหน่ายอุปกรณ์ตกแต่งและโมดิฟายจาก VERTEX อย่างเป็นทางการ เน้น 86 & BRZ แบบครบๆ Contact : facebook.com/pages/Injection-CluB-Service, Tel. 08-1830-8968, 08-1999-5915
World Wide Social for 86 & BRZ
บอกได้เลยว่า “ตรึม” ครับ เพราะเล่นกันทั่วโลกและหลากหลายสไตล์จริงๆ ก็จะเน้น Community ของ “ไทย” เป็นหลักนะครับ ส่วน “นอก” ก็จะมีแนะนำที่ยอดนิยม จะเน้นไปทาง Australia และ New Zealand เพราะเป็นภาษาอังกฤษ และรถบ้านเราบางคันก็เป็นสเป็กเดียวกับสองประเทศนี้ มองแล้ว “มีความใกล้เคียง” กัน ขอแนะเป็น Guide Line ก็แล้วกันนะครับ ถูกใจอันไหนเข้าไปลองทัวร์ดู…
- 86 & BRZ Thailand : 86brzthailand.com เน้นข้อมูลและการสนทนา ทั้งเรื่องรถ ตอบปัญหา กิจกรรม สารพัดเกี่ยวกับ 86 และ BRZ โดยตรง…
- TOYOTA SPORT CAR CLUB : facebook.com/ToyotaSportCar รวมรถสปอร์ตค่าย TOYOTA ต่างๆ รวมถึง 86 ด้วยครับ…
- 86 BRZ Club of Australia : facebook.com/86BRZCLUBAUSTRALIA ก็เป็นการตกแต่งและโมดิฟาย ทั้งรูปแบบ JDM เป็นส่วนใหญ่ แล้วก็มีสไตล์ ADM เป็นแนวทางของฝรั่งที่แปลกตาไป…
Owner & Specialist Comment
- TOYOTA 86 Standard MT ภายนอกก็จะโล้นๆ หน่อย ล้อจะเป็นลาย 10 ก้าน ขอบ 16 นิ้ว เบรกจะเล็กกว่ารุ่น Top Grade AT ช่องลมกันชนจะเป็น “ลายรังผึ้ง” และจะมีไฟเลี้ยวกับไฟตัดหมอกอยู่ด้วยกันที่กันชน ส่วนหัวฉีดน้ำล้างไฟหน้า Top Grade AT ที่เป็น AUS Spec หรือ UK Spec (ซึ่งนำเข้าโดยผู้นำเข้าอิสระบางราย) จะมีมาให้ ส่วนตัว JDM และ Standard Grade จะไม่มีครับ
- ไฟหน้ารุ่น Standard Grade ทั้งหมด จะไม่ใช่แบบ HID ถ้ารุ่น Top Grade จะมี Day light เป็นแถบตรงปลายโคมไฟ
- โลโก้ข้างแก้มของ 86 จะเป็นรูป “สูบนอน” และสัญลักษณ์เลข 86 ที่ออกแบบมาได้ล้ำมาก
- ด้านท้ายทั้ง 86 และ BRZ จะเหมือนกัน เสาอากาศ ถ้าเป็นรุ่นปี 2014 จะเป็นทรงครีบฉลาม รุ่นก่อนจะเป็นเสาเอน 45 องศา ส่วนใหญ่ก็จะเปลี่ยนเป็นรุ่นครีบฉลามเพราะดูทันสมัยกว่า ส่วนโลโกฝาท้าย ตรงกลางจะเป็นโลโก “สามห่วง” ถ้าเป็น AUS และ UK จะมีโลโกคำว่า TOYOTA อยู่มุมล่างซ้าย แต่ UK จะมีพิเศษกว่า เพราะมีโลโก GT86 ที่มุมล่างขวาอีก แต่ถ้าเป็น JDM จะมีโลโกสามห่วงอย่างเดียว
- ภายในเป็นพื้นสีดำ เย็บตะเข็บด้วยด้ายสีแดง พวงมาลัยรุ่น Top Grade จะเป็นหนังมีแดงตรงมือจับ หัวเกียร์ก็เช่นเดียวกัน ถ้าเป็นรถสเป็ก “ฝรั่ง” ที่ใช้พวงมาลัยขวา เช่น อังกฤษ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ไฟเลี้ยวอยู่ซ้ายมือ ถ้าสเป็ก “ญี่ปุ่น” ไฟเลี้ยวอยู่ขวามือ
- ในรุ่น Standard Grade เกจ์วัดจะเป็นพื้นดำทั้งหมด ส่วน Top Grade AT พื้นวัดรอบจะเป็นสีขาว มีวัดความเร็ว “ดิจิตอล” อยู่ในวัดรอบ ซึ่งรุ่น Standard Grade จะไม่มี ส่วนระบบช่วงการทรงตัว จะมี Traction Control และ VSC Sport ถ้าเป็น Top Grade จะมีฟังก์ชัน Sport & Snow ให้เลือกอีก ซึ่งจะช่วยเปลี่ยนเกียร์ให้เหมาะสมกับสภาวะผิวถนน แผงคอนโซล ของ 86 จะเป็นลายคล้ายๆ คาร์บอน Front จะเป็นของ TOYOTA มาจากโรงงาน
- รุ่นนี้จะไม่มี “ปุ่มสตาร์ท” เหมือนกับรุ่น Top Grade
- เบาะผ้าดำ ส่วนรุ่น Top Grade จะเป็นหนังผสมผ้า แถบกลางสีแดง
- 4U-GSE ที่ไม่มีอะไรแตกต่างกับ FA20 ของ BRZ คันนี้เปลี่ยนกรองอากาศ TRD
“เอ้ Techdesign” TOYOTA 86 (Standard MT)
ส่วนตัวผมทำธุรกิจเกี่ยวกับการแต่งรถยนต์อยู่แล้ว เหตุที่ชอบและหันมาเล่นกับ 86 และ BRZ เนื่องจากมันเป็นรถสปอร์ตที่มีเอกลักษณ์ และราคาไม่สูงเกินไปนัก คันของผมเป็นเกียร์ธรรมดา เพราะอยากจะขับมันส์ๆ เอาฟีลลิ่งสปอร์ตหน่อยครับ ฟีลลิ่งของรถเดิมๆ ก็ถือว่าขับสนุกแล้วครับ ใช้งานได้สบาย การ Balance น้ำหนักทำได้ดีระดับ Super Car ถ้าจะโมดิฟายก็สนุกไปอีกแบบ มีของแต่งให้เลือกเยอะ แล้วแต่ความชอบและกำลังทรัพย์ แต่งได้ทั้งคันเลยครับ ทั้งสวยงามและเพิ่มสมรรถนะให้กับตัวรถ สามารถ Tuning ให้เข้ากับสไตล์การขับของเราได้ง่ายครับ…
- SUBARU BRZ รุ่น S AT ไฟตัดหมอกจะอยู่โดดๆ อันเดียว ช่องลมกันชนเป็น “ซี่นอน” ช่วงความยื่นของกันชน (Nose) จะยาวกว่า มีหัวฉีดน้ำล้างไฟหน้า ล้อ 17 นิ้ว ลายเดียวกับ 86 Top Grade รวมถึงเบรกหน้าก็จะใหญ่ด้วย
- ความแตกต่างของไฟหน้า BRZ มี Day light เป็นรูปตัว C ไฟเลี้ยวจะอยู่ในโคมเดียวกันกับไฟหน้า
- BRZ จะเป็น “ครีบ” แบบนี้ครับ
- ส่วนหลังก็ไม่มีอะไรแตกต่างจาก 86 สปอยเลอร์หลังเป็น Accessories ขึ้นอยู่กับผู้จำหน่ายจะใส่มาเพื่อ “แถม” กับลูกค้าในแต่ละพื้นที่
- ภายในของ BRZ ก็จะเหมือนกับ 86 Standard Grade เน้นความขรึมดุดัน ตามสไตล์ SUBARU
- เกจ์วัด รูปแบบ BRZ จะเหมือนกับ 86 Standard Grade แต่จะมีวัดความเร็วดิจิตอลในวัดรอบ ระบบควบคุมการทรงตัว จะมีฟังก์ชัน Sport & Snow เป็นไฟขึ้นโชว์ว่าเราใช้อันไหนอยู่
- BRZ รุ่น S จะมีปุ่มกดสตาร์ท เหมือน 86 Top Grade
- ดูดีๆ เบาะ BRZ จะเป็นหนัง Alcantara ผสมหนังแท้ วัสดุเหมือน 86 Top Grade แต่แถบกลางเป็นสีดำ
- FA20 เดิมสนิท ยังไม่มีการปรุงแต่งใดๆ
“นิว” SUBARU BRZ (S AT)
สำหรับ BRZ ผมก็ชอบในทางเดียวกับ คุณเอ้ คือ เป็นรถสปอร์ตที่สามารถขับใช้งานได้สะดวกสบาย คล่องตัว ขับสนุก แม้ว่าจะเป็นรถเดิมๆ ก็รู้สึกว่าชอบแล้ว อีกประการ เป็นรถที่สมรรถนะดี แต่ถ้าจะขับในโหมดประหยัด มันก็ประหยัดจริงๆ ครับ วิ่งทางไกลความเร็วเดินทางปกติ ทำอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงได้ถึง 14 กม./ลิตร นับว่าประหยัดมากครับสำหรับรถ 200 แรงม้า ก็ต้องยกประโยชน์ให้ระบบ D-4S ครับ ส่วนการตกแต่งหรือโมดิฟายก็มี Choice ให้เลือกหลากหลายมากครับ เลยรู้สึกว่ามันสนุก…
Intaraphoom Special Thanks
- คุณเอ้ Techdesign, คุณนิว เจ้าของรถ
- Garage 86 Service & Performance
- SUBARU BRZ Concept ที่ “โป๊” โชว์ตัวครั้งแรกใน Frankfurt Motor Show ปี 2011
รูปประกอบบางส่วนจากเว็บไซต์: www.futurecarrelease.net, www.pressroom.scion.com, https://en.wikipedia.org, https://qabaq.com, www.forcegt.com, www.ausmotive.com, https://s3.caradvice.com.au, www.ft86club.com, www.maperformance.com, www.tune86.com, www.youngmanblog.com, https://i.ytimg.com, www.ausmotive.com, https://wpsupercar.com, https://i.wheelsage.org, www.drivenews.co.za, https://images.car.bauercdn.com, www.automobilesreview.com, www.carscoops.com, www.tune86.com