TOP SECRET SKYLINE R33 : สวย เรียบ แรง P&C จัดให้

 

อินทรภูมิ์ แสงดี

ภาพ : ทวีวัฒน์ วิลารูป, วิวัฒน์ ภัยวิมุติ   

ความอมตะของรถตระกูล SKYLINE GT-R ยังคงอยู่ในสายเลือดของคนที่รักรถ High Performance ที่มีสมรรถนะสูงมาตั้งแต่โรงงาน เจตนาเพื่อเกิดมาเป็นรถ “เซอร์กิต” อย่างแน่นอน สังเกตว่า ตระกูล SKYLINE จะโด่งดังมากในเซอร์กิต ตั้งแต่ 2000 GT-R (KPGCC10) มาถึง 2000 RS-X TURBO IC (KDR30) ไป GT-S R (KHR31) แล้วก็มาดังเป็นพลุแตก กับ GT-R รหัส BNR32 ซึ่งเป็นการกลับมาของ GT-R อย่างสวยหรู เป็นรถที่เกิดมาเพื่อการแข่งขันเซอร์กิตจริง ๆ ด้วยเครื่องยนต์ RB26DETT แต่ที่เด็ดกว่าก็คือ ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบ Part Time คือ ATTESA กับระบบเลี้ยวสี่ล้อ HICAS ที่เคยพูดถึงกันไปบ่อยแล้ว ถือเป็นระบบที่ NISSAN เอามาใช้กับ SKYLINE R32 เป็นรุ่นแรก (ของรถญี่ปุ่น) เสร็จแล้วก็มา GT-R ตัว BCNR33 ที่ดูเหมือนจะหงอยลงไปบ้าง เนื่องจากเป็นรถที่เปลี่ยนรูปทรงไปเป็น “หรู” ผิดจาก R32 ที่เป็นแนว “ดุดัน” แต่ก็ยังมีผลงานในการแข่งขัน Le Mans 24 hrs จบแล้วก็มาเป็น GT-R ในรหัส BNR34 ที่เน้นอุปกรณ์ไฮเทคมากขึ้น ตัวนี้ก็ยังสร้างชื่ออยู่มากในเซอร์กิต หลังจากนี้ไป ก็กลายเป็น GT-R เฉย ๆ เปลี่ยนโฉมไปอย่างสิ้นเชิง รวมถึงแบบเครื่องยนต์ จริงอยู่ โลกต้องมีการพัฒนา แต่อย่างไรก็ตาม ความที่เป็น “ตำนาน” ก็ยังคงอยู่กับสามตัวที่กล่าวมา จึงทำให้ความนิยมยังมีอยู่สูง และทำให้เราต้องนำ R33 TOP SECRET ของคุณ “บอย เทรนชอว์” มาเสนอกัน…

 

เทคนิคคนไทย เอาพัดลม JZ มาช่วยแก้ร้อน

สำหรับระบบระบายความร้อนของ SKYLINE ตระกูล GT-R (ยุคใหม่) ตั้งแต่ R32-R34 ก็จะยืนยันกับ “พัดลมแบบฟรีปั๊ม” ทั้งสามรุ่น โดย R32 จะให้พัดลมเป็นแบบ “8 ใบพัด” ส่วน R33 และ R34 จะเป็นแบบ “9 ใบพัด” ส่วนใหญ่แล้ว คนที่วาง RB26DETT ก็จะนิยมหาแบบ 9 ใบพัด มาใช้ (ระวังนะคร้าบ มันมีหลายรุ่น หน้าตาเหมือนกัน แต่อาจจะใส่แล้ว Offset ใบพัดไม่เหมือนก็ได้นะ ต้องเทียบแม่น ๆ หน่อย) เพราะระบายความร้อนได้ดีกว่าแน่นอน ถ้าเป็นเครื่องสแตนดาร์ด หรือแบบ Light Tuning ก็ใช้ดีครับ จะเห็นผลมาก ๆ ตอนรอบเดินเบา รถติดนาน ๆ แต่ถ้าเป็นรถโมดิฟายแรงม้าเยอะ ๆ หอยใหญ่ ๆ อุปกรณ์เต็มห้องเครื่อง การระบายความร้อนก็อาจจะไม่ค่อยพอซะแล้ว (อันนี้พูดถึงในเคสตอนรถติดนะครับ ตอนวิ่งไม่มีปัญหา เพราะลมมันช่วยระบายดีอยู่แล้ว) สังเกตว่า พอรถติด ๆ ความร้อนจะค่อนข้างสูงไปสักนิด แม้จะไม่ Over Heat แต่ก็ทำให้เสียว (สันหลัง) ได้เหมือนกัน จึงต้องแก้ทางกันหน่อย…

สำหรับทางแก้ของคันนี้ (และอีกหลายคัน) ก็คือ เอาพัดลมตัวช่วย (ตัวเล็กที่อยู่ข้างพัดลมไฮดรอลิก) ของเครื่องตระกูล JZ มาใส่ 2 ตัว เพื่อช่วยพัดลมฟรีปั๊มช่วย “ดูด” ความร้อนออกให้เร็วที่สุด (เน้นว่า พัดลมแบบ “ดูด” นะครับ ไม่ใช่ไปเอาพัดลม “เป่า” อย่างอื่นมาใช้) ก็จะช่วยให้ได้ผลดีในรอบเดินเบา แต่ต้องดูพื้นที่ก่อนนะครับ ว่าเหลือพอจะใส่ได้หรือเปล่า ยังดีว่าพวก R32 ขึ้นไป พื้นที่หน้าตัดมันกว้าง หม้อน้ำกว้าง เลยมีพื้นที่ใส่พัดลมเล็กได้ 2 ตัว ก็ช่วยลดความร้อนสะสมได้เยอะทีเดียว ก็ต้องกระหน่ำพัดลมกันหน่อยล่ะ เพราะห้องเครื่องมันค่อนข้างแน่นดีทีเดียว สำหรับการทำงานของพัดลม คันนี้ใช้ “เทอร์โมสวิตช์” ควบคุม ไม่ได้ติดตลอด จะติดเฉพาะตอนที่อุณหภูมิตั้งแต่ 80 องศา ขึ้นไป ถ้าต่อผ่านสวิตช์กุญแจให้ติดตลอด จะไม่จำเป็น เปลืองพลังไฟเปล่า ๆ พูดถึงหากคนอื่นอยากใส่บ้าง ถ้าเป็นพวก CEFIRO A31 หน้าตัดมันแคบกว่า ก็ใส่ไม่ได้ ก็ต้องเพิ่มพัดลมไฟฟ้าเป่าหน้าแผงแอร์ จริง ๆ แล้ว อาจจะไม่ต้องติดพัดลมแบบนี้ทุกคันก็ได้ ถ้าคันไหนความร้อนตอนรถติดเยอะ ๆ แล้วไม่มีปัญหาก็ไม่ต้องใส่ครับ…

รถขับสี่ ต้องใส่ล้อเท่ากัน ถ้าไม่เท่าจะเกิดอะไรขึ้น ???

เป็นกฎของบังคับอยู่หนึ่งอย่าง ในรถขับเคลื่อนสี่ล้อ ไม่ว่าจะเป็น SKYLINE GT-R, MITSUBISHI GTO, SUBARU IMPREZA, MITSUBISHI EVOLUTION etc. จะเปลี่ยนล้อใหญ่ขึ้น ยางหน้ากว้างขึ้น อันนี้ไม่ว่ากัน แต่มีข้อแม้ว่า “ต้องใช้ล้อและยางที่มีขนาดเท่ากันทั้งสี่ล้อ” สิ่งที่กังวลจะเป็นปัญหา คือ “เส้นรอบวง” ถ้าใส่ยางที่ขนาดไม่เท่ากัน เส้นรอบวงไม่เท่ากันอีก ถ้าเป็น SKYLINE จะทำให้การประมวลผลของระบบ ATTESSA ทำงานผิดพลาด แม้จะไม่ถึงกับมากมาย แต่มันก็มีผลอยู่แล้ว ถ้าเส้นรอบวงที่ต่างกันไป รอบการหมุนของล้อก็จะไม่เท่ากัน ตรงนี้แหละครับคือปัญหา อาจจะมีผลกระทบต่อระบบขับเคลื่อนได้ (ผมใช้คำว่า “อาจจะ” นะครับ แต่ยังไงข้อบังคับก็มีกำหนดไว้แน่นอน) อย่าง GTO ก็เคยสอบถามคนที่เล่นอยู่ บอกว่า ถ้าใส่ล้อและยางไม่เท่ากัน เพลาขับจะเสียหายเร็วกว่าปกติค่อนข้างชัดเจน ก็คิดว่ามันต้องมีผลกระทบพอควร ยังไงใส่เท่ากันจะได้ไม่มีปัญหา…

 

MAX POWER : 644.7 PS@ 8,000 rpm

MAX TORQUE : 59.2 Kg/m @ 7,200 rpm

เอาโดยสรุปแล้วกันนะครับ ลักษณะของกราฟ (กราฟของที่นี่ออกจะไม่ค่อยละเอียด ส่วนสีก็น่าปรับปรุงให้มันต่างกันหน่อย บอกตรง ๆ สังเกตย้ากยากครับ) ถ้าใครเป็นแฟนเครื่อง RB26DETT ก็น่าจะพอทราบว่า เป็นเครื่องที่ “ใช้รอบ” ในการผลิตแรงม้า เนื่องจากความจุค่อนข้างน้อย เพียงแค่ 2.6 ลิตร (คันนี้ขยายก็นิดเดียว) แต่ด้วยการออกแบบเครื่องในแนวนี้ ก็จำเป็นต้องรีดรอบเพื่อเอาแรงม้าออกมา ทั้งกราฟแรงม้า และกราฟแรงบิด (แยกสีไม่ออกวุ้ย) ก็จะมาในแนวเดียวกัน จะเริ่มตื่นตัวในช่วง 6,500 รอบ และจะขึ้นสู่จุด Peak ตั้งแต่ 7,000 รอบ ขึ้นไป กราฟจะยาวไปยัน 8,500 รอบ แรงบิดเริ่มลง แต่แรงม้ายังคงอยู่ แสดงถึงนิสัยของเครื่องบล็อกนี้ ที่จะต้อง “เล่นรอบสูง” ถึงจะได้กำลังออกมาแบบเต็มเม็ด ดังนั้น คนที่ขับเครื่องตัวนี้ ก็ต้องขยันใช้รอบกันนิดหน่อย ขยันเปลี่ยนเกียร์ อย่าปล่อยให้ “ห้อย” ก็จะมีกำลังให้ใช้อย่างต่อเนื่อง คันนี้ดีอย่าง พี่ใหม่ P&C จับยัดเกียร์ R34 แบบ 6 สปีด จึงทำให้การเปลี่ยนเกียร์ “ชิด” ขึ้นมาอีกเยอะเลย ก็เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้รถมีอัตราเร่งที่ดี ถ้ารถมีเพาเวอร์แบนด์ค่อนไปทางปลาย ก็ต้องใช้เกียร์ 6 สปีด เข้าช่วยอย่างนี้แหละครับ…

 

Special Thanks : “พี่ใหม่” P&C Garage โทร. 08-1855-8342

 

Comment : P&C Garage

         สำหรับรถคันนี้ ทางเจ้าของรถก็เน้นในแนวเรียบง่าย ดูดี ชุดพาร์ทก็เลือกแบบที่ไม่โหดอลังการมาก ยังคงเน้นให้ใช้งานปกติทั่วไปได้ด้วย ในส่วนของเครื่องยนต์ ก็จะเป็นทวินเทอร์โบตามความชอบของเจ้าของ ที่บอกว่ามันดูสวยดี มันก็เลยทำให้รถคันนี้ตอบสนองเร็ว ไม่รอรอบมากนัก ไม่เหมือนเทอร์โบเดี่ยวตัวโต ๆ ทางเจ้าของเอง ก็ต้องการรถที่ขับง่าย ใช้วิ่งทางยาว ๆ ความเร็วสูงต่อเนื่องได้ เครื่องยนต์ต้องไม่ร้อนเกินไป ไม่ว่าจะขับสภาวะไหนก็ตาม แรงม้ามีพอประมาณ เน้น “หนุกหนาน” ไม่ใช่แรงมากจนเครียด หรือขับยาก และสามารถใช้น้ำมัน “แก๊สโซฮอล์ 95” ได้โดยที่ไม่มีปัญหา สรุปว่า ขับไปไหนก็สบาย ๆ ครับ…

 

Comment : อินทรภูมิ์ แสงดี  

ตอนแรกเห็นก็รู้สึกว่ามันดูดี ในแบบเรียบ ๆ สะอาดตา พูดถึงว่ารถ Street แท้ ๆ มันก็ต้องมาทรงนี้ ไม่เยอะเกินไปจนขับบนถนนเมืองไทยลำบาก ไม่ได้บอกว่าแนวอื่นจะไม่ดี มันสวยทุกแนวล่ะครับ เพียงแต่จะเอาไปใช้ให้เหมาะสมอย่างไรมากกว่า เครื่องยนต์แรงม้าขนาด 600-650 PS ก็ถือว่ากำลังดีเลย สำหรับการใช้ขับบนท้องถนนด้วย ผมรู้ดีว่ารถแบบนี้ก็ไม่มีใครนำมาใช้ในชีวิตประจำวันจริง ๆ ทุกวันหรอก แต่ถ้าจะขับ มันก็ต้องขับได้โดยไม่ลำบาก ส่วนของที่ใส่ ก็ดูสมเหตุสมผล ในงบประมาณที่ไม่สูงจัดจนเกินความเป็นรถ Street โดยแท้จริงไป…

 

 

X-TRA ORDINARY

โดยปกติ SKYLINE ตั้งแต่ R32-R34 จะไม่มีรถพวงมาลัยซ้ายจากโรงงาน ที่เห็นในอเมริกาหรือยุโรป ต่างก็เอาพวงมาลัยขวาเข้าไปวิ่งทั้งนั้น (กลายเป็นเท่ไปเสียอีก) แต่เท่าที่หาข้อมูลเจอ จะมีอยู่ที่หนึ่ง ที่เอา R33 GT-R มาแปลงเป็นพวงมาลัยซ้าย (LHD : Left Hand Drive) ไม่ได้เอาของรถอื่นมาแปลง ทำขึ้นมาใหม่ เหมือนกับออกจากโรงงานเลย ชื่อว่า Elitetech Automotive อยู่ย่าน Silverstone U.K. ก็ทำ R33 GT-R LHD เพื่อส่งไปยังตลาดในยุโรปและอเมริกา ส่วน R32 และ R34 ก็เคยเห็นรูปที่เป็นรถพวงมาลัยซ้าย (โดยไม่กลับรูป) อยู่บ่อยเหมือนกัน ก็ไม่แน่ใจว่าทำที่ไหน อยากรู้เหมือนกันแฮะ…