เรื่อง: อินทรภูมิ์ แสงดี / ภาพ: ธัญญนนท์ แสงภู่
TOP (SECRET) VIEW
All You Can See with 827 PS by GT Tuning
สำหรับ NISSAN GT-R (R35) ก็คงไม่ต้องพูดถึงกันมากนักในด้าน “สมรรถนะ” ที่มีให้สูงในระดับ Super car รวมไปถึง “ความนิยม” ในการตกแต่ง โมดิฟาย ในรูปแบบต่างๆ ณ ตอนนี้ R35 มีการพัฒนาในการโมดิฟายจนมีแรงม้ามากกว่า 1,500 PS ซึ่งบางสำนักก็เคลมไว้มากกว่านั้นอีก เรียกว่า “ขนหัวลุกของจริง” ย้อนมาถึงรถคันนี้ แม้จะดูเรียบๆ แต่ “ทรงเครื่อง” ไว้เพียบ ไม่ว่าจะเป็นของแต่งต่างๆ แบบเก็บ Detail แทบทุกจุด จากหลายสำนัก แต่นำมา Mix & Match กันให้มันส์สะใจ เปลี่ยนแล้วเปลี่ยนอีกตามใจอยากจะได้ ส่วนการโมดิฟายเครื่องยนต์และระบบส่งกำลัง จะเป็นหน้าที่ของ GT Tuning ถนนกาญจนาภิเษก เป็นผู้ลงมือจัดการความแรงทั้งหมด…
- ชุดพาร์ท Top Secret ที่มาแบบลงตัวแนว “พอดี” (ส่วนใครจะชอบแบบ “อลังการ” ก็อีกเรื่องหนึ่ง) ซึ่งคันนี้จะเน้นการดักลมเข้าเป่าบรรดา Oil Cooler ชนิดต่างๆ เพื่อระบายความร้อนให้กับน้ำมันหล่อลื่นในการขับความเร็วสูง
Blah Blah Blah with R35
เชื่อว่าหลายคนก็คงได้อ่านเทคนิค หรือเรื่องราวอันน่าสนใจของ R35 ไปกันบ่อยแล้ว ตอนนี้จะเขียนเหมือนเดิม ผู้อ่านก็คงจะด่าผมเอาได้ ก็เลยหาเรื่องเอาสารพันข้อน่ารู้ และข้อควรระวังเกี่ยวกับการใช้งาน R35 ว่าทำอย่างไรถึงจะ “ถูกต้อง” เพื่อไม่ให้ระบบของตัวรถเกิดการเสียหาย หรือใช้งานได้ไม่เต็มสมรรถนะ ลองดูตามนี้ครับ…
- จุ๊บเติมลมยางของ R35 โดยปกติจะเป็นแบบที่สามารถ “ส่งสัญญาณวัดแรงดันลมยางเข้าสู่ Module ที่ตัวรถได้” เพื่อบอกแรงดันลมยางแบบ Real Time แยกแต่ละล้อ ที่จุ๊บลมจะมีถ่านกระดุมเพื่อเป็นต้นกำเนิดพลังงานไฟฟ้า และมีเซ็นเซอร์วัดแรงดันลมยาง เมื่อเปลี่ยนล้อใหม่ ก็จะต้องใช้จุ๊บลมที่ส่งสัญญาณได้ด้วย ไม่งั้นจะเกิด Error Code ขึ้นที่ระบบ และมีไฟโชว์รูป “ยางแบน” ขึ้นที่หน้าปัด อันนี้จะโชว์เฉยๆ ไม่ได้ตัดการทำงานอะไรออกไป เพียงแต่ว่าเมื่อทิ้งไว้นานๆ แล้วเรากลับมาใส่จุ๊บลมที่บอกค่าแรงดันลมยางตามมาตรฐานของรถ ก็จะต้อง Register ให้มัน Sync กับระบบที่ตัวรถก่อน หรือการเปลี่ยนจุ๊บลมอันใหม่ (กรณีเปลี่ยนล้อใหม่) ก็ต้อง Register แบบนี้เหมือนกัน…
- การจอดรถ ดับเครื่อง ควรจะ “ตั้งพวงมาลัยให้ตรงทุกครั้ง” เพื่อให้พวงมาลัยล็อกตามปกติ แต่ถ้าดับเครื่องและตั้งล้อไม่ตรง ตัวล็อกพวงมาลัย (Steering Lock Assy) จะเกิดปัญหาขึ้นได้ ในรุ่นหลังๆ ก็จะมีการแก้ไขระบบนี้ให้ดีขึ้น (ตัวล็อกหน้าตาไม่เหมือนกัน) แต่ยังไงก็ตาม ควรจะตั้งพวงมาลัยตรงตอนจอดจะดีที่สุด เพื่อป้องกันปัญหา…
- การบำรุงรักษาตามระยะทาง (Service Interval) ควรจะต้องทำอย่างเคร่งครัดตามที่คู่มือได้กำหนดไว้ อย่าปล่อยหรือละเลยเกินระยะ เนื่องจากว่า R35 มันต้องมีการ “ปรับตั้งค่าความห่างของผ้าคลัตช์ในระบบเกียร์ GR6” (Clutch Clearance Calibrate) อยู่เสมอ โดยเครื่องมือเฉพาะทาง ซึ่งไม่ต้องถอดรื้อเกียร์หรอกครับ เพราะในกล่องคุมเกียร์ มันจะมีบันทึก Clearance ที่ใช้อยู่เอาไว้ ซึ่งมันก็จะคลาดเคลื่อนไปตาม “การสึกของผ้าคลัตช์” พอเข้า Service ก็จะสามารถเซ็ตระยะ Clearance ใหม่ให้เหมาะสมได้ เรียกว่า “ตั้งทดแทนกัน” นั่นเอง ถ้าปล่อยทิ้งไว้นานๆ ไม่ตั้ง ผ้าคลัตช์และระบบเกียร์อาจจะมีปัญหา เช่น กระตุก หรือไม่ก็เกียร์พัง คลัตช์ลื่น ตามมาครับ…
- ระบบประหลาดๆ ของ R35 ก็จะมี คือ Bonnet Hood Pop-up มันเป็นระบบ Safety ที่ติดตั้งอยู่แถวขาฝากระโปรงหน้าทั้งสองฝั่ง เมื่อเกิดการชนจากด้านหน้า ระบบนี้จะ “ยกท้ายฝากระโปรงขึ้นประมาณ 1 คืบเศษ” เพื่อป้องกันฝากระโปรงกระแทกกระจกหน้าจนแตก จริงๆ ระบบที่ว่านี้มันก็ดีนะครับ เพียงแต่มันมีปัญหาตรงที่ว่า Sensitive ไปหน่อย เวลารถตกหลุมแรงๆ มันเสือก “ลั่น” ทำงานขึ้นมาเฉยเลย “คนขับก็จะมองไม่เห็นทาง” มันออกมาโดยไม่ใช่จากการชน จะเสียหายหลายกะตังค์ ทั้งชุด Airbag 2 ใบ และกล่องควบคุม ราคารวมกัน “แสนกว่าบาท” หลายคันรวมถึงคันนี้จึงต้องเอาระบบนี้ออก ซึ่งจะมี “ตัวคร่อมสัญญาณ” ยกเลิกระบบนี้ขายในเว็บ หรือสำนักแต่งต่างๆ ด้วย (ซึ่งก็จะมียกเลิกระบบ Airbag ผู้โดยสาร สำหรับรถที่ใช้แข่ง) เพื่อหลอกสัญญาณว่า Airbag ยังมีอยู่ แต่ยังไงก็ตาม ระบบนี้มันก็เป็นมาตรฐานความปลอดภัยที่ดีนะครับ ไม่ใช่ของเขาไม่ดีนะ อย่าเข้าใจผิด แต่ว่าจะถอดหรือไม่ถอดนั้น “แล้วแต่วิจารณญาณของแต่ละบุคคล” ก็แล้วกันครับ…
- รถปี 2010 กับรถปี 2011 มีส่วนต่างกันพอสมควร เหมือนกับเป็นการ “เปลี่ยนยุคและพัฒนา” ถ้าจะซื้อมือสองก็ควรจะหาปี 2011 ขึ้นมาจะดีกว่า จุดที่พัฒนาก็มีหลายอย่าง เช่น “ช่วงล่างหน้าเปลี่ยน Geometry ใหม่ทั้งหมด” ดูจะเหมือนแต่ “ไม่เหมือน” ไม่สามารถใช้ร่วมกันกับของปี 2007-2010 ได้ “เบรกหน้าใหญ่ขึ้น 10 มม.” แต่จานบางลง จุดยึดคาลิเปอร์ที่คอม้าจึงไม่เหมือนกันอีก “ระบบสมองเกียร์” เปลี่ยนทางเดินน้ำมันใหม่ ลดความร้อนลง “ระบบโซลินอยด์เกียร์” มีตัวป้องกันให้มันขึ้นลงเฉพาะใน “แนวดิ่ง” ซึ่งรุ่นก่อนหน้าจะไม่มีตัวป้องกันนี้ ทำให้โซลินอยด์มีโอกาสเคลื่อนที่ไปจากจุดเดิม ทำให้เกียร์ทำงานไม่สมบูรณ์เท่าที่ควร…
- ศูนย์ล้อของรุ่นนี้ เดิมๆ จะเป็น Negative Camber (แคมเบอร์ลบ) เยอะหน่อย เพราะต้องการเลี้ยวโค้งที่ดี ดังนั้น จะ “กินยางด้านใน” ซึ่งหลายคนก็ตกใจ จริงๆ มันเป็นอาการปกติของรถที่มีแคมเบอร์ลบค่อนข้างเยอะ ถ้าใช้ยางแบบ Symmetric หรือ “ดอกยางแบบสมมาตร” ก็จะสามารถ “สลับยาง” ซ้ายขวาได้ แต่ต้องระวัง “ไม่ใช่รอให้ด้านในสึกหมดแล้วค่อยสลับ” เรียกว่าพอเริ่มเห็นความแตกต่าง (เน้นว่า “เริ่ม”) ก็ต้องสลับแล้ว ถ้ารอมันสึกหมดแล้วเอามาไว้ด้านนอก การเกาะถนนในทางโค้งก็จะแย่ เพราะดอกยางที่อยู่ด้านนอกจะทำหน้าที่จิกกับถนน หมดดอกเลี้ยวก็ลื่น ส่วนยางแบบ Asymmetric หรือ “ดอกยางแบบอสมมาตร” (ดอกยางด้านนอกกับด้านในไม่เหมือนกัน) อันนั้นหมดสิทธิสลับ เพราะถ้ามั่วนิ่มเอาด้านในมาไว้ด้านนอก ก็จะ “บรรลัยเกิด” จะเป็นการลดประสิทธิภาพการเกาะถนนลงมากๆ เพราะดอกยางด้านในของยาง Asymmetric ไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อเกาะกับโค้งแบบเต็มที่เหมือนกับด้านนอก ต้องระวังครับ…
- ส่วนการตั้งศูนย์ล้อ เนื่องจากร้านทั่วไปส่วนมากจะไม่มี Alignment Software ของ GT-R (ซึ่งต้อง “จ่ายตังค์” ถึงจะได้ License แต่ร้านส่วนใหญ่ก็จะอาศัย “ค่าประมาณ” เป็นหลัก แล้วลองขับดูอาการของรถ) ทาง GT Tuning เลยแก้ปัญหานี้ โดยการให้ Spec Sheet กับทางลูกค้าไป (กรณีจะไปตั้งศูนย์ล้อเอง) ก็จะมีให้เลือก 3 Choice คือ Street ตั้งแบบขับใช้งานทั่วไปเป็นหลัก หรือชอบ Shoot ทางตรงเป็นหลัก, Sport ขับขี่ทั่วไปด้วย แล้วก็ต้องการเข้าโค้งเร็วขึ้น เช่น การวิ่ง Highway หรือวิ่งในเซอร์กิตแบบ Club Race ที่ไม่โหดมาก, Racing เน้นการเข้าโค้งที่เร็วเต็มที่ ก็แล้วแต่ว่าลูกค้าจะขับแบบไหน…
- ไฟรุ่น 2014 เป็นเส้นวงกลม ท่อไอเสีย AMUSE R1000 เปลี่ยนใหม่ ขนาดบ้องโต 90 มม. ที่คายไอเสียได้ “ลื่น” กว่า
Performance Test
ในอดีต คอลัมน์ Souped up Special เคยมีการทดสอบรถโมดิฟายที่นำมาลงคอลัมน์อยู่ 2 หมวด ได้แก่ “การวัดกำลัง” ก็คือ การนำกราฟ Dyno Test มาพิจารณาถึงกำลังเครื่องยนต์ และที่สำคัญกว่านั้น คือ “นิสัยของเครื่องยนต์” ว่าสามารถทำออกมา “เหมาะสมตามวัตถุประสงค์จริงๆ หรือไม่” โดยพิจารณาจากช่วงกำลัง หรือ Power Band ทั้งแรงม้าและแรงบิด ถ้ารถคันนั้นเป็น Street Used ที่ขับถนนได้จริง Power Band ก็ควรจะ “กว้าง” ตัวเลขอาจจะไม่ต้องเยอะเวอร์ก็ได้ แต่ถ้าเป็น “รถแข่ง” ก็แล้วแต่ประเภท แต่ยังไงมันก็ต้องมี “จุดเหมาะสม” ของมันอยู่ อีกประการที่เรา “นำกลับมา” ก็คือ “การทดสอบอัตราเร่ง” แต่ก่อนเราใช้อุปกรณ์ VC3000 ซึ่งตอนนี้เราเปลี่ยนมาใช้ Drift Box เพื่อแสดงให้เห็นสมรรถนะของรถคันนั้น ซึ่งเราจะพยายามทำให้ “มีทุกครั้ง” นะครับ สำหรับผลการทดสอบของคันนี้ รับรองว่ามันส์สะใจ ลองดูเลยครับ…
Max Power : 827.96 hp @ 6,200 rpm
Max Torque : 1,064.44 Nm @ 4,600 rpm
ก็อย่างที่บอกแหละครับ ว่าตอนนี้ R35 สามารถเสกแรงม้าระดับ 800-1,000 PS ได้อย่างสบายแล้ว แม้ตัวเลขอาจจะไม่ได้มาก Over ไม่เถียงว่าแรงม้าระดับนี้ เครื่องยอดฮิตอย่าง 2JZ-GTE หรือ RB26DETT มันก็สามารถทำได้ แต่ขอให้ดูเรื่องของ Power Band และช่วงรอบที่สามารถทำกำลังสูงสุดได้ด้วย คันนี้จะขึ้นแยกเป็น Low boost 1.4 บาร์ กับ High boost 1.8 บาร์ นะครับ กราฟแรงม้าจะอยู่ช่องบน กราฟแรงบิดจะอยู่ช่องล่าง สเกลของกราฟ “ช่องละ 50” มาดูกราฟแรงม้ากันก่อน ตามคาดครับ ลักษณะแบบนี้เราก็คงเคยเห็นกันมาในรถของ JAY O’MAC กันแล้ว Power Band ก็จะมากว้างๆ ตามสไตล์เครื่องใหญ่ ลองดูที่ 3,000 rpm ก่อนแล้วกันครับ แรงม้าอยู่ที่ 240 hp หลังจากนี้ไป เทอร์โบเริ่ม Spool up แรงม้าก็เริ่มเดินเชิดขึ้น หลังจากช่วง 4,000 rpm ขึ้นไป High boost กราฟจะฉีกหนี Low boost อย่างชัดเจน ที่ 5,000 rpm แรงม้าออกมาถึง 750 hp แล้วครับ หลังจาก 5,500 rpm ไปถึง 7,000 rpm แรงม้าขึ้นสู่สุด Peak และกราฟก็ยังไม่ร่วงด้วย แต่ก็ไม่ขึ้นอีก…
มาดูกราฟแรงบิดยิ่งชัดเจน ในช่วง 3,000 rpm ได้แรงบิดถึง 500 Nm แล้ว หลังจากนั้นก็เหมือนกับกราฟแรงม้า แรงบิดฉีกหนีขึ้นไปชัดเจนกว่า ช่วง 4,600 rpm แรงบิดขึ้นสู่ช่วง Peak ถึง 1,064.44 Nm !!! ทรงตัวอยู่ถึง 5,600 rpm แล้วลดลงจนเหลือ 750 Nm ที่ 7,000 rpm แต่ถ้าพิจารณากันจริงๆ แล้ว เราต้องการแรงบิดในช่วงกลางที่ “สำคัญ” เพราะเวลาเปลี่ยนเกียร์แล้วต้องการ “อัตราเร่งต่อเนื่อง” รอบจะตกลงมาที่เนิน Peak torque พอดี ตรงนี้แหละที่จะ “สร้างอัตราเร่ง” ได้อย่างรุนแรง คนทำเครื่องก็ต้องรู้ถึง “อัตราทดเกียร์” ด้วย ว่าเปลี่ยนเกียร์แล้ว รอบอยู่ตรงไหน และต้องการใช้ตรงไหนเต็มที่ สองสิ่งนี้ “สัมพันธ์” กันอย่างแน่นอน ถ้าเซตมาถูกต้อง รถก็จะมีอัตราเร่งที่ดีต่อเนื่องครับ และนี่ก็เป็นข้อได้เปรียบของ “เครื่องความจุเยอะ” ที่สามารถสร้างแรงม้าและแรงบิดได้ในรอบไม่สูงมาก มาเป็นช่วงกว้าง ทำให้การขับไม่จำเป็นต้องลากรอบสูงเพื่อเค้นแรงม้าออกมา ตรงนี้จะได้ความทนทานในระยะยาวอีกด้วยครับ ถึงเวลาที่ยุคสมัยเปลี่ยนไปแล้ว อ้อ ลืมบอกไป คันนี้ใช้เชื้อเพลิง E85 นะครับ…
Acceleration Test
0-100 km/h : 4.49 sec.
0-402 m. : 11.95 sec. @224.82 km/h
สำหรับการขับ ผมจะให้ “เจ้าของรถ” หรือ “ผู้ที่ได้รับมอบหมายจากเจ้าของรถ” เป็นผู้ขับในช่วงจับเวลาทุกครั้งซึ่งการทดสอบครั้งนี้ มีผู้โดยสารและคนขับ น้ำหนักรวมประมาณ 170 กก. (ไซส์ใหญ่สองหน่วย) เงื่อนไขที่ผมตั้งเป็นมาตรฐานของทุกคัน คือ “ออกตัวที่รอบเดินเบา” ไม่ใช้การเล่นรอบ หรือเปิด Launch ใดๆ ออกตัว เพราะเราไม่ได้แข่งขัน ในการออกตัวที่รอบเดินเบา จะสามารถรู้ได้ทันที ว่า “รถตอบสนองดีตั้งแต่ต้นหรือไม่” เพราะรถ Street ก็จะต้องมีการตอบสนองที่ “ต่อเนื่อง” เพื่อทำให้ “ขับง่าย” ด้วย ซึ่งเป็นสิ่งที่เราพิจารณาเป็นพิเศษ ไม่ได้เอาแค่อัตราเร่งเพียงอย่างเดียว สำหรับ R35 คันนี้ สามารถสร้างอัตราเร่งได้แบบ “ดุเดือด” ซึ่งดึงได้หนักหน่วงและต่อเนื่องดี จากเครื่องยนต์ VR38DETT ที่มีความจุมาก สามารถสร้างแรงบิดและแรงม้าสูงๆ ได้ที่รอบไม่สูงมากอีกด้วย ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบอย่างมาก…
อัตราเร่ง 0-100 km/h ทำได้ในเวลาเพียง 4.49 วินาที ที่ระยะทางเพียง “50 ม.” เท่านั้น !!! เรียกว่า “ถีบออกตัว” กันเลยดีกว่า ส่วนแรง G สูงสุด ทำได้ถึง “1.18 G” ที่ความเร็ว 60 km/h เป็นช่วงที่เกียร์ 1 รอบกำลังฟาดขึ้นพอดี หลังจากนั้นแรง G ทรงตัวอยู่ที่ 0.9-0.8 G ก็ยังจัดว่าสูงอยู่ แม้จะลอยตัวเป็นช่วงกลางๆ แต่ความรู้สึกตอนนั่งก็ยัง “ดึงหนักต่อเนื่อง” คือมันไม่ได้มาหนักแบบแว้ดๆ แล้วจบนะ มันมาเหมือนเครื่องบินกำลังจะ Take Off “ดึงหนักและลึก” อะไรประมาณนั้นละครับ ผ่านหลัก 200 km/h ด้วยเวลา 10.18 วินาที ที่ระยะทาง 297 ม. ก่อนจะไปเช็กบิลที่ 402 ม. ด้วยเวลา 11.95 วินาที ความเร็ว 224.82 km/h นับว่าไม่ธรรมดาสำหรับน้ำหนักรถพร้อมคนขับ “เฉียด 2 ตัน” แถมออกตัวที่รอบเดินเบา ใช้โหมด Auto อีกต่างหาก อ้อ ลืมบอก ซึ่งตอนวิ่งเป็น Low Boost ด้วย เพราะคุยกับ “เสี่ยโต้” แล้วว่าต้องการขับแบบสนุกๆ พอแล้ว ไม่ได้เค้นเอาเป็นเอาตาย ส่วนตอนที่ผมลองขับแบบปกติ การตอบสนองก็รวดเร็ว ไม่รอรอบ ซึ่งบอกได้ว่า “มันควรจะเป็น Street Used จริงไหม” อัตราเร่งแซงก็ไม่มีปัญหา เพียงแต่กดคันเร่งลึกๆ หน่อย ม้าก็ออกมาเพ่นพ่านทันที โดยไม่ต้องรอให้เสียจังหวะ ขับผ่านหลัก 200 km/h ได้แบบนิ่งๆ สบายๆ เลยยังไม่อยากคิดว่า ถ้า High Boost ที่มีแรงบิดเกิน 1,000 นิวตัน-เมตร จะเป็นยังไง…
ระบบช่วงล่างหายห่วง นิ่ง มั่นคง ไม่ว่าจะขับแบบรุนแรง หรือขับแบบปกติ การยึดเกาะทำได้ดีมาก อาการออกแข็งแต่ก็ไม่ถึงกับกระด้าง แต่ก็มี “ข้อสังเกต” อยู่อย่างหนึ่ง เมื่อเวลารถวิ่งไม่เร็วมาก ขับไหลๆ บนถนนไม่ค่อยเรียบ รถจะมีอาการ “ฉกดุ๊กดิ๊กไปมาอย่างชัดเจน” และจากประสบการณ์ที่ “เคย” ขับรถตระกูล SKYLINE หรือ GT-R (รถชาวบ้านเขาครับ ไม่ใช่รถตัวเอง) ก็จะพบอาการนี้ค่อนข้างบ่อย จนนับเป็นเรื่องปกติ แต่พอ “เร่ง” แรงสักหน่อย รถจะกลับกลายเป็น “นิ่ง” ทันที นับเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ยิ่งรถที่ใส่ยาง Soft Compound จะยิ่งชัดเจน เข้าใจว่าการเกาะถนนมาก พอเจอลอน มันก็พยายามจะ “ดึง” ก็เลยเกิดอาการที่ว่า แต่เมื่อมี “แรงขับ” ทำให้เกิด Traction ก็จะกลับมารักษาทิศทางได้ดี ตามความคิดเห็นของผมนะครับ…
- เลนส์กระจก MCR สีฟ้า แต่ถ้าเปลี่ยนมุมมองจะเป็นสีม่วง แปลกดี
Comment : GT Tuning
สำหรับรถคันนี้ ผมก็จะทำตามแนวทางของลูกค้า คุณเฮง ก็จะชอบแต่งแบบเต็มๆ ทุกจุด โดยเน้นว่าเครื่องแรง ขับใช้งานได้ และเอกลักษณ์ของคันนี้ก็จะใช้ของดีทั้งคัน จะเป็นแนว Mix & Match หลายยี่ห้อมารวมกัน เรียกว่าชอบอันไหนก็ซื้ออันนั้น แล้วเน้นพวกของจุกจิก เก็บรายละเอียดต่างๆ อย่างครบถ้วน ก็เป็นความชอบอีกแนวหนึ่ง ไม่มีอะไรมาก โดยรวมแล้วก็เป็นรถที่ครบเครื่องครับ…
Comment : อินทรภูมิ์ แสงดี
ในแง่ของความสวยงาม คันนี้ก็จะออกแนวสะอาด เสริม Body Part แบบลงตัว ไม่ใหญ่เกินไป เพราะ GT-R รถมันก็ใหญ่อยู่แล้ว ส่วนของต่างๆ ที่ใส่เข้าไปก็ท่วมท้น ทั้งของ Performance และของจุกจิกต่างๆ ในด้านสมรรถนะ ก็ตามที่บอกไป “แรงและใช้งานได้” ตรงนี้มันหมายถึงว่า “ใช้งานได้ไม่ลำบาก ขับง่าย” นะครับ ไม่ได้หมายความว่า “ใช้งานได้แบบฝืนและทรมาน” มันก็เป็นแนวทางของรถยุคใหม่ที่ถูกพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งในอนาคต เราจะต้องพัฒนาไปเล่นกับรถพวกนี้อย่างเลี่ยงไม่ได้ ถือว่าเป็นการเรียนรู้ใหม่ๆ ก็แล้วกัน…
ขอขอบคุณ : “คุณเฮง” เจ้าของรถ และ “เสี่ยโต้” GT Tuning Tel. 08-5232-2116, Facebook : GT Tuning
- ชุดยกของ ROBERUTA สามารถยกให้รถสูงขึ้นได้ สามารถสั่งการได้ด้วยรีโมต (รูปนี้ไม่จำเป็นตัดออกได้)
X-TRA Ordinary
NISSAN GT-R ตอนหลังๆ รุ่นก็ชักจะเยอะ “ทางซิ่ง” ก็มีหลายรุ่น อย่าง Spec-V, Track Pack หรือ NISMO Version etc. นอกจากนี้แล้ว ก็ยังเน้น “ตลาดหรู” (ซึ่งรู้กันอยู่ว่าตั้งแต่ SKYLINE GT-R สายพันธุ์ดั้งเดิม ก็ไม่เคยคิดที่จะทำแนวหรู) คนชอบ “หรูเว่อร์อลังการ” ก็มีเยอะเช่นกัน เลยต้องออกเวอร์ชั่น EGOIST (แปลว่า “ชอบอวด”) โดยการใช้ภายในแบบตัดเย็บสุดหรู ระดับ “เศรษฐีนิยม” มีสีสันและลวดลายแบบ “ฟรุ้งฟริ้ง” ให้เลือก และสามารถ Combination สลับสีภายในตัดกันได้ประมาณ 20 แบบ เออ “มันแปลกดีนะ” นับเป็นอีกทางเลือกของคนรักที่จะขับ GT-R แต่อยากจะ “ไฮโซ” แบบโชว์ออกงานได้ ก็สมชื่อ EGOIST นั่นแหละ…
Tech Spec
ภายนอก
ชุดพาร์ท : Top Secret Super GT-R
แก้มหลัง : Top Secret Super GT-R
กระจังหน้า : Top Secret GT Speed
ฝากระโปรงหน้า : Top Secret Carbon
ช่องลมแก้มหน้า : Tommy Kaira
โลโก้ GT-R : Tommy Kaira
มือเปิดประตู : Tommy Kaira
บังแดดกระจกหลัง : SEIBON
บังลมบนฝากระโปรงหลัง : JUN
กระจกมองข้าง : Top Secret
เลนส์กระจกมองข้าง : MCR
สปอยเลอร์หลัง : Aeromotions S2 Dynamic Wing
ไฟหน้า-ไฟท้าย : 2014 Spec
ไฟเลี้ยวแก้มหน้า : US Spec (Clear Orange)
ภายใน
พวงมาลัย : Mine’s
เกจ์วัดรอบ-วัดความเร็ว : NISMO Version
เกจ์วัดบูสต์ : GReddy Multi D/A Gauge
เบาะหน้า : RECARO SPX Cover in SPX AVANT Style
เบาะหลัง : PASSWORD JDM Carbon Cover in SPX AVANT Style
แผงลำโพงหลัง : PASSWORD JDM Carbon
โรลบาร์ : MCR 4 Points
กาบบันไดข้าง : NISSAN GT-R EGOIST
พักเท้าคนนั่ง : CARBING
เครื่องยนต์
รุ่น : VR38DETT
สปริงวาล์ว : HKS
แคมชาฟท์ : HKS
ลูกสูบ : HKS Forged
ก้านสูบ : HKS
ปะเก็นฝาสูบ : GReddy
เทอร์โบ : GReddy TD06-20G
เวสต์เกต : GReddy Type R
เฮดเดอร์ : GReddy
อินเตอร์คูลเลอร์ : GReddy T29 RX
ท่อร่วมไอดี : GReddy
โบล์วออฟวาล์ว : GReddy
ลิ้นผีเสื้อ : GReddy
ออยล์คูลเลอร์ : ARC
อ่างน้ำมันเครื่อง : Will All
แผ่นดักลมหม้อน้ำ : TITEK
พูลเลย์เครื่อง : South Side Performance (SSP)
ถังพักน้ำ + ถังดักไอน้ำมัน : Top Secret
หม้อพักไอเสีย : AMUSE R 1000
หัวฉีด : GReddy 1,000 C.C.
รางหัวฉีด : GReddy
ปั๊มติ๊ก : SARD
กรองอากาศ : AIRINX
คอยล์ : YELLOW JACKETS
กล่อง ECU : Syvecs with E85 Conversion kit
ระบบส่งกำลัง
เกียร์ : Modified by Top Secret
อ่างน้ำมันเกียร์ : HKS
ออยล์คูลเลอร์เกียร์ : GReddy
ออยล์คูลเลอร์เฟืองท้าย : HKS
ช่วงล่าง
โช้คอัพ : Top Secret Super Damper Electronic System
ชุดยก : ROBERUTA
เหล็กกันโคลง : KANSAI
ชุด Links ช่วงล่างทั้งหมด : Top Secret
ชุดดักลมเป่าเบรก : STILLEN
ล้อหน้า : ENKEI SWP SR01Mg ขนาด 10 x 20 นิ้ว
ล้อหลัง : ENKEI SWP SR01Mg ขนาด 11 x 20 นิ้ว
นอตล้อ : AMUSE Titanium
ยางหน้า : TOYO R888 ขนาด 285/40R20
ยางหลัง : TOYO R888 ขนาด 315/35R20
เบรก : ENDLESS จานหน้า 400 มม. จานหลัง 387 มม.
ขอ Zoom โชว์งาน “คาร์บอน” หน่อย กระจังหน้ามีความพิเศษ เพราะของ Top Secret รุ่นนี้ ปกติจะปิดช่องลมกระจังหน้าเพื่อ “รักษาอุณหภูมิทำงานขั้นต่ำเอาไว้” เพราะวิ่งในเมืองหนาวความเร็วสูง อุณหภูมิจะ “เย็นเกินไป” ไม่ใช่เรื่องดี พอมาอยู่เมืองร้อน ก็เลยต้องเจาะและใส่ Grill เลยแปลกตาไปอีกแบบ ส่วนแผ่นป้ายทะเบียนก็จะเป็นแบบ “พับได้” สั่งการด้วย “รีโมต” เวลาวิ่งเร็วๆ จะพับ เพื่อให้ลมเป่าระบายความร้อนได้เต็มๆ
ล้อ ENKEI SWP SR01Mg ที่เป็น Magnesium สุดเบา สี Piano Black ดูผ่านๆ ก็เฉยๆ แต่ดูจริงๆ มันก็สวยแบบ “ซ่อนเร้น” ดีเหมือนกัน ที่ได้แน่ๆ คือ “น้ำหนักเบา” แล้วไง ??? มันก็ช่วย “ลดแรงต้านการหมุน” หรือ Reduce Rolling Resistance และ “ลดน้ำหนักใต้สปริง” หรือ Unsprung Weight ช่วยให้ช่วงล่างทำงานได้เร็วขึ้น รวมถึงช่วยความนุ่มนวลอีกด้วย ส่วนช่องลมข้างแก้ม จะช่วย “ระบายลมออกจากซุ้มล้อ” ซึ่งก็จะช่วยลดแรงต้านของอากาศในซุ้มล้อเวลาวิ่งเร็วๆ รวมถึงช่วยระบายความร้อนในซุ้มล้อ ที่เกิดจากระบบเบรก (กรณีวิ่งแล้วเบรกบ่อยๆ แบบรถเซอร์กิต) ออกได้อีกทางหนึ่ง
หางหลัง Aeromotions S2 Dynamic Wing Full ของประหลาด สามารถปรับฟังก์ชันได้หลากหลาย แยกปรับระดับ “ครึ่งซ้ายและขวาแยกกันได้อิสระ” เพื่อเอาไว้เวลา “เข้าโค้ง” อยากได้แรงกดด้านไหนก็ปรับด้านนั้นกระดกขึ้น วิ่งทางตรงก็ปรับให้เท่ากันสองฝั่ง มีกล่อง ECU ควบคุมด้วยนะ สนนราคา “สามแสนกว่าบาท” เท่านั้นเอง กล้าพอก็จัดไป
ภายในเน้นงานคาร์บอน ปุ่มสวิตช์ต่างๆ เปลี่ยนเป็นแบบ “เงา” รมดำ ทำสีโทนแดง-ดำ เพิ่มความโดดเด่น
GReddy Multi D/A Gauge ใส่ในช่องแอร์เดิมอย่างเนียน ส่วนจอ MFCD นั้น จะมีโหมด Custom View 2 ที่แยกมาจากโหมดปกติติดรถ ซึ่งคันนี้จะต่อสัญญาณมาจากกล่อง ECU ของ Syvecs เพื่อดูฟังก์ชันพิเศษต่างๆ อย่างซ้ายสุด Water Temp ก็จะเป็น “โหมดปรับบูสต์” ซึ่งตัวเลขที่ขึ้นมาก็จะตั้งไว้เป็น “ค่าที่รู้กันเอง” ว่าอยู่โหมดไหน ส่วนช่องต่อมา Engine Oil Temp ก็ต่อเป็น “โหมดเลือกชนิดน้ำมันเชื้อเพลิง” ซึ่งคนจูนกล่อง ECU ก็จะต้องบอกคนขับ ตรงนี้สามารถปรับโหมดได้ที่สวิตช์เลือกเมนูตรงด้านขวาของพวงมาลัย
เบาะ RECARO SPX เดิมๆ ถูกหุ้มหนังใหม่ ดำ-แดง เป็นแบบของ SPX AVANT ซึ่งเบาะจริงคู่ละหลายแสน จึงไม่จำเป็นต้องลงทุนขนาดนั้น ทำในไทยก็ดูดีได้เหมือนกัน ก็เป็นแนวคิดอีกอย่างของเจ้าของรถ ส่วนเท้าแขนก็หุ้มหนังเป็นสไตล์ของ WALD ด้วยเหตุผลเดียวกัน
ฟรุ้งฟริ้งกระดิ่งแมว กับของแต่งท่วมๆ ทั้งแรงและสวย ไม่อยากเขียน Capture มาก เดี๋ยวจะไปบดบังรูปซะ จุกแดงๆ นั้น โดนอำว่า “เติม CNG ได้ด้วย” จริงๆ แล้วมันคือ “ขั้วบวกแบตเตอรี่” ที่แยกออกมาให้สามารถ “พ่วงสายแบตได้ง่าย” กรณีต้องการความช่วยเหลือ ก็เป็นลูกเล่นแปลกๆ ดีเหมือนกัน ส่วน Logo Top Secret อันนี้ต้องทำแป้นยึดมาต่างหาก เพราะเปลี่ยนท่อไอดี GReddy มาใหม่ ไม่มีที่ติด ด้วยความเสียดาย Logo เลยติดตั้งแบบนี้แทน
ทำช่องลมทรง NACA Duct (แบบที่ใช้ในเครื่องบินรบ) เพื่อเป่าออยล์คูลเลอร์เฟืองท้าย ซึ่งในชุดจะต้องมี “ปั๊มแรงดัน” ด้วยนะครับ เพื่อให้มีการไหลเวียนระบายความร้อนของน้ำมันอย่างสมบูรณ์ เคยเห็นบางคันใส่ออยล์คูลเลอร์เฟืองท้าย แต่ “ไม่ใส่ปั๊ม” (บ่อยด้วยแหละ) ก็ไม่มีประโยชน์อะไรนะฮ้าฟฟฟฟฟ ส่วน Links ช่วงล่าง ปีกนกต่างๆ ทั้งหมดของ Top Secret ที่ปรับมุมล้อได้มากกว่าเดิม เห็นท่อย่นๆ นั่นของ STILLEN เชียวนะ งานดูไม่ค่อยเนียน สงสัยจะเน้นใช้งานเป็นหลัก
แผ่นดักลมคาร์บอนเป่าจานเบรก ไม่ถึงกับเป็นตัวดักนะ จริงๆ แล้ว มันเหมือน “ตัวกวักเปลี่ยนทิศทางลม” มากกว่า โช้คอัพรุ่นนี้ปรับไฟฟ้าได้ กลมๆ สีเหลืองด้านบนจะเป็นตัวยกระดับรถของ ROBERUTA ที่มาเป็น Set ของ Top Secret ที่มีข้อดี คือ “การยกรถจะไม่ไปยุ่งกับ Stroke ของโช้คอัพและสปริงเลย” แยกกันไปต่างหาก เพราะมันยกที่ตัวถังโดยตรง ช่วงล่างไม่ได้ทำงาน พอข้ามไปได้ก็ปรับลงเหมือนเดิม เป็นแนวคิดประหลาดๆ แต่ได้ผลของ “สโมคกี้ซัง” หรือ Mr. Nakata (บางที่เขียน Nagata ก็แล้วแต่นะ) เจ้าของ Top Secret ที่รู้จักกันดี