ขยี้มาแล้ววว TOYOTA C-HR HV Hi Test Drive

ขยี้มาแล้ววว TOYOTA C-HR HV Hi Test Drive

อะไรๆ ก็ดี แต่

เรื่อง : อินทรภูมิ์ แสงดี

ภาพ : TOYOTA Motor Thailand

หลังจากที่ TOYOTA C-HR หรือ Coupe Hi Rider เป็นรถยนต์แนวใหม่ที่รวม Life Style กันหลากหลาย ออกแบบได้สสวยสวยเก๋ โดยมีทั้งความเป็นสปอร์ต ทันสมัยด้วยทรวดทรงแบบเพชรที่เหลามาจนดูล้ำยุคเกินหน้าเกินตาพรรคพวก พรั่งพร้อมด้วยอุปกรณ์ไฮเทคที่ช่วยในการขับขี่แบบประดามี แถมระบบ T-Connect Telematics ที่เอาใจสายโซเชียลที่สร้างความบันเทิงบนอุปกรณ์สื่อสารไฮเทคทั้งหลาย งานนี้เราได้ไปแนบชิดติดคันเร่งกันถึงน่านนนไงบนเส้นทางคดเคี้ยวเลี้ยวลด กับรุ่น HV Hi ซึ่งเป็นตัวท๊อปของ C-HR เอางี้ สไตล์พี สี่ภาคขอไม่เหลาเรื่อง Feature ของรถกันทุกเม็ด เพราะข้อมูลสเป็กคุณก็ไปหาอ่านเอาใน www.toyota.co.th ซึ่งไม่จำเป็นต้องลอกโบรชัวร์มาเขียนให้มันยาวยืด บอกตรงๆกูขี้เกียจแต่เราจะมาคุยกันเนื้อๆว่า สิ่งที่สำคัญและโดดเด่นใน C-HR มันมีอะไรที่ให้ประโยชน์คุณได้บ้าง

สวยโดดเด่นที่สุดในกลุ่ม

เอาว่า ตอนนี้ การออกแบบของ C-HR นั้นออกจะโดนใจวัยรุ่นจนถึงวัยแรดอย่างผม ด้วยคอนเซ็ปต์การออกแบบในลักษณะเหลี่ยมเพชรทำให้ดูโดดเด่นไม่เหมือนใคร สำหรับเรื่องของสีสันก็มีทั้งหมด 6 สี แต่ที่เป็นสีพิเศษที่จะต้องจ่ายตังค์เพิ่ม 10,000 บาทจะมี 3 สี ที่จะมาพร้อมหลังคาสีดำคือ แดง Premium Red, น้ำเงิน Blue Metallic, เขียว Radiant Green Metallic ซึ่งสีนี้ดูจะโดดเด่นโดนใจมาก เป็นโทนสีที่แปลกใหม่ดีดูสดใส (ส่วนตัวนะส่วนตัว) ส่วนอีก 1 สี ก็คือ White Pearl Chrystal (แต่หลังคาไม่ดำนะ) ส่วนด้านท้ายก็นิยมไฟท้ายทรงตัว C หรือ บูมเมอแรง ทำให้รถดูโฉบเฉี่ยวขึ้น ไฟเลี้ยวเป็นแบบ Sequential LED ที่เวลาทำงานมันจะวิ่งไล่จากด้านในไปด้านนอก อันนี้เป็นสไตล์เพื่อเพิ่มความเตะตา ยอมรับว่ารูปทรงของ C-HR นั้นทำได้หวือหวาสะใจ เป็น TOYOTA ยุคใหม่ ส่วนโครงสร้างตัวถังก็พัฒนาใหม่ล่าสุด TNGA หรือ Toyota New Global Architecture ที่เพิ่มความแข็งแกร่งและสมดุลย์ของโครงสร้าง เน้นความปลอดภัยและทำให้ตัวรถมีความมั่นคงสูง ซึ่งเดี๋ยวเราจะได้ไปลองกัน แต่ลองแค่ Handling นะ ไม่ได้ลองการชนเพราะไม่ใช่เรื่องของเรา

อุปกรณ์ความปลอดภัยครบ

อุปกรณ์ช่วยเหลือด้านความปลอดภัยต่างๆ ของ C-HR รุ่น HV Hi ก็บรรเลงมาให้อย่างครบครัน มีหลายอย่างเรียกว่าถ้าไม่ควายหรือซวยจริงๆ ก็ไม่น่าจะเกิดอันตราย (ง่ายนัก) แต่ขอเอาแบบหลักๆ ที่น่าสนใจและทันสมัยมาให้ชมกัน อาทิ

Pre-Collision System

อันนี้ก็จะเป็นระบบความปลอดภัยก่อนการชนหรือ Active Safety กรณีที่คนขับจิตหลุดโดยมากจะเจอก็พวกขี่ไปแชตไปทั้งหลาย เงยหน้าขึ้นมาอีกทีตูดสิบล้อลอยอยู่ด้านหน้า (ก็สมควรโดนอ่ะนะ) ระบบนี้จะแบ่งการทำงานเป็นสองช่วงความเร็ว อันแรก ความเร็วต่ำ ไม่เกิน 50 km/h คือ ใช้งานในเมืองทั่วไป เมื่อเกิดความเสี่ยงที่จะชน โดยจะมี Radar คอย Detect หรือ ตรวจจับ ระยะห่างของรถคันหน้า ระบบจะส่งเสียงเตือนรัวๆ ประมาณว่ามึงจะชนแล้วนะ ระบบเบรก BA (Brake Assist) จะสร้างแรงดันเบรกมารอเผื่อการกระทืบเบรกกระทันหันของคนขับ แตะเบรกเมื่อใดรถจะเบรกแบบทวีแรงเพื่อให้รถหยุดเร็วที่สุด (แต่ไอ้คันหลังจะหยุดอยู่หรือเปล่าอีกเรื่องนะ) ทำไมรถมันไม่ได้เบรกให้เอง เพราะว่าบางทีคนขับอาจจะมีสติเต็มร้อย แต่คันหน้าเบรกกะทันหันด้วยเหตุผลอะไรก็ตามแต่ คนขับอาจจะตัดสินใจเร่งเพื่อเปลี่ยนเลนหลบก็เป็นได้ เพราะเบรกกะทันหันอาจจะโดนดุ้ยตูดได้ง่ายๆ และบ้านเรามันมีปัจจัยแทรกมากมาย จึงไม่เหมาะที่จะทำให้รถเบรกเอง

*เพื่อความสะดวก กรุณาดู Video ผ่าน Google Chrome

ส่วนในความเร็วสูงเกินกว่านั้น เช่น วิ่งบนไฮเวย์นอกเมือง อันนี้ระบบจะมีการเบรกให้ในกรณีที่รถวิ่งเข้าไปหารถคันหน้าในระยะไม่ปลอดภัย โดยมีความต่างของความเร็วตั้งแต่ 15 km/h ขึ้นไป อันนี้มันจะเบรกให้เอง เพื่อรักษาระยะความห่างไว้ให้ปลอดภัย แต่เอาเข้าจริงอย่าไปพึ่งพาระบบอย่างเดียว เดี๋ยวจะนึกว่าระบบดีแล้วจะไม่ตั้งใจขับรถ ช่างแม่งกูจะยังไงก็ได้ไม่สน ถ้ามัวแต่ขับรถเร็วแบบไร้สติตายหรือพิการจะไปโทษระบบเขาไม่ดีไม่ได้นะ

*เพื่อความสะดวก กรุณาดู Video ผ่าน Google Chrome

Dynamic Radar Cruise Control

ระบบรักษาความเร็วอัตโนมัติ มันช่างเหมาะสำหรับคนขี้เกียจอย่างเราเสียนี่กระไร อันนี้มันจะรักษาความเร็วตามรถคันหน้า เช่น เราตั้งไว้ 100 km/h คันหน้าวิ่งความเร็วเสมอกันนี่ก็วิ่งไป แต่ถ้าคันหน้าเริ่มช้าลง ระบบ Radar ก็จะ Detect ได้ มันก็จะสั่งลดความเร็วลง ด้วยการลดกำลังเครื่องหรือถ้ากว่านั้นก็เบรกช่วยแต่ถ้าคันหน้ากลับไปที่ 100 km/h ตามที่ตั้งไว้ รถก็จะเร่งไปตามที่เราตั้งไว้นั่นเอง

*เพื่อความสะดวก กรุณาดู Video ผ่าน Google Chrome

Auto High Beams

อันนี้เป็นระบบไฟสูงอัตโนมัติ อย่างเราวิ่งไปในทางมืดมากๆ อย่างทางต่างจังหวัดที่ไม่มีไฟส่องถนน เราต้องเปิดไฟสูงเพื่อให้มองเห็นทาง แต่เมื่อมีแสงไฟจากรถที่สวนมา ตามมารยาทเราต้องปิดไฟสูง เพื่อไม่ให้แยงตาคนที่สวนมาจนเกิดอันตราย ระบบนี้จะ Detect จากแสงไฟที่ส่องสวนมา และปิดไฟสูงให้เองจนกลับสู่สภาวะมืดอีกครั้ง ไฟสูงจะเปิดเอง ทำให้สะดวกคนขับไม่ต้องปิดๆ เปิดๆ ให้วุ่นวาย

*เพื่อความสะดวก กรุณาดู Video ผ่าน Google Chrome

Lane Departure Alert with Steering Assist

อันนี้เอามาสำหรับในกรณีที่รถเบนหัวข้ามเลนโดยไม่เปิดไฟเลี้ยวประมาณว่าคนขับอาจจะนกหรือ ก้มหน้าก้มตาแชตรัวๆ (อันหลังนี่ถ้าโดนหนักๆ คงไม่น่าสงสาร) จนรถข้ามเลนไปเอง ในเงื่อนไขว่าถ้าไม่เปิดไฟเลี้ยวนะ แต่ถ้าเปิดไฟเลี้ยวจะไม่ทำงานเพราะแสดงว่าคุณยังมีสติและเจตนาเปลี่ยนเลนเอง การทำงานของมัน ถ้าระบบ Scan กับพื้นถนนได้ว่ารถกำลังเบนออกนอกเลนวิ่งปกติ มันจะส่งเสียงเตือนก่อน ให้คนขับรู้ตัว แต่ถ้าคนขับมึงยังมึนไม่แก้กลับ พวงมาลัยจะดึงกลับให้เองในระดับหนึ่ง เว้นแต่ว่าคนขับไปฝืนพวงมาลัยไว้ว่ากูต้องการจะเปลี่ยนเลนนะ ระบบก็จะตัดการทำงานไปในช่วงนั้น เพราะระบบมันรู้แล้วว่าคนขับต้องการเปลี่ยนเลนจริงๆ ซึ่งระบบนี้สามารถเปิดปิดได้ครับ

Hybrid 4th Generation

แรงตอบ Teen แถมประหยัดสุดๆ

ขุมพลังในรุ่น HV Hi และ HV Mid เป็น 2ZR-FXE ขนาด 1.8 ลิตร มีกำลัง 98 แรงม้า ส่วนตัว 1.8 Mid และ 1.8 Entry จะเป็น 2ZR-FBE มีกำลัง 140 แรงม้า ซึ่งเราขอกล่าวถึงรุ่น Hybrid ก็แล้วกัน แรงม้าที่เครื่องน้อยกว่า เพราะเน้นออกทางประหยัด ตัวเครื่องมีกำลังอัดสูงถึง 13 : 1 (ตัวธรรมดา 10 : 1) แต่มีมอเตอร์ไฟฟ้ามาช่วยกำลัง โดยตัวมอเตอร์มีกำลัง 53 กิโลวัตต์ แรงบิด 163 นิวตันเมตร อันนี้น่าสนใจ เพราะมอเตอร์มันมีแรงบิดเต็มตั้งแต่เริ่มการทำงานเลย หลายคนอาจจะสงสัยว่าทำไมตามสเป็กจึงไม่แจ้งแรงม้าแบบบวกกันระหว่างเครื่องยนต์กับมอเตอร์ ทางฝ่ายเทคนิคของ TOYOTA ในวันที่เราไป Test Drive แถลงว่าเครื่องยนต์กับมอเตอร์ทำงานร่วมกันก็จริง แต่มันมีจุดกำลังสูงสุดคนละช่วง มอเตอร์ได้รอบต่ำ เครื่องยนต์ได้รอบสูง จึงไม่สามารถนำแรงม้ามาบวกกันได้แต่เราก็ไม่ได้ซีเรียสกับตัวเลขแรงม้าอะไรนักหรอก เราสนใจเพียงแค่ว่ามันจะแสดงออกยังไงส่วนเกียร์ของรุ่น HV จะเป็นแบบ E-CVT หรือเกียร์ไฟฟ้าขับเคลื่อนด้วย Planetary Gear ส่วนรุ่น 1.8 ปกติ จะเป็นเกียร์ Super CVT-i แบบ 7 สปีด

ขับสนุกจนคิดว่าไฮบริดไม่ได้มีดีเฉพาะในเมือง” 

จากการวางเส้นทางขับขี่ตั้งแต่น่านลำปางเรียกว่าทางขึ้นลงเขาพร้อมโค้งตลอดเวลา แน่นอนว่า กำลังของเครื่องยนต์ รวมถึงระบบส่งกำลังมันจะต้องสะเวิ้บด้วยกันได้ลงตัว ไอ้เรื่อง EV Mode ที่วิ่งด้วยมอเตอร์อย่างเดียว เราก็ไม่ได้ตื่นเต้นเพราะลองกันมานานแล้วตั้งแต่ Camry Hybrid ตัวแรก แต่สิ่งที่เราคิดตั้งแต่แรก ว่าระบบไฮบริดมันก็น่าจะมาเนิบๆ เนือยๆ ตามสไตล์รถประหยัด แต่ลองเข้าจริงๆเฮ้ยสนุกดีว่ะตอนเร่งแซงกระทันหันบ่อยๆ ในขณะขึ้นเขา เรียกว่าตอบสนองตาม Teen” อย่างว่องไว อัตราเร่งมาแนว Smooth แต่เร็ว จนสามารถขับได้สนุกและแซงได้มั่นใจแบบไม่ต้องรอรอบเลยส่วนเกียร์ E-CVT ก็ทำงานได้อย่างรวดเร็ว ไม่ต้องคิดนาน นับว่าตอบสนองได้ดีอย่างน่าพอใจ เรียกว่าเปลี่ยนความเชื่อไปเลยที่ว่า รถไฮบริดต้องขับในเมืองเท่านั้น ส่วนอัตราสิ้นเปลือง อันนี้ก็ถือว่าเป็นของเด็ด ดูตัวเลขจาก On Board คันที่เราขับ มันแจ้งไว้ถึง “20 กว่า กม./ลิตร” !!! ซึ่งเป็นการขับขี่บนสภาวะจริงๆ ไม่ได้ปั้นตัวเลขให้สวยหรู (ไม่ใช่นโยบายของเราอยู่แล้ว เรามองว่าอัตราสิ้นเปลืองควรจะมาจากสภาวะใช้งานจริง) นับว่าประหยัดมากๆ เพราะระยะทาง 200 กม. บนทางขึ้นลงเขา เท่ากับว่าใช้น้ำมันไปเฉลี่ย 5 ลิตร เท่านั้นเอง

ช่วงล่างหลัง Double Wishbone อิสระ 4 ล้อ เต็มระบบ

ตามนั้น คงไม่ต้องพิมพ์ซ้ำให้เปลืองหมึก โดยปกติรถลักษณะนี้ จะให้ช่วงล่างด้านหลังในลักษณะคานบิดหรือทอร์ชั่นบีมมา เพราะด้วยความที่รถมีขนาดค่อนข้างเล็ก ช่วงล่างคานบิดจึงเหมาะสมเพราะประหยัดเนื้อที่ชิ้นส่วนน้อยมาก ไม่ไปเบียดบังพื้นที่ห้องโดยสารหรือห้องเก็บของ การทรงตัวก็ดีในระดับพอเพียงกับการใช้งาน เพราะรถพวกนี้คงไม่ได้เน้นขับกันโหดร้ายมากนักหรอก (อยากดีก็ไปซื้อโช้คอัพโมดิฟายใส่เอาเองก็แล้วกัน) แต่ของ C-HR กลับลำเอาช่วงล่างหลังแบบอิสระ ปีกนกคู่มาใช้ นับว่าเป็นช่วงล่างที่มีโครงสร้างดี ได้ทั้งการทรงตัวที่มั่นคงและมีความนุ่มนวลสไตล์รถยุคใหม่

มันต้องลองก่อนถึงจะพูดได้ ครั้งนี้เราใช้เส้นทางนี้ ซึ่งมีการสร้างถนนกันเกือบตลอดทาง แน่นอนมันจะมีช่วงรอยต่อถนน รอยปุปะต่างๆ ตามคอสะพานบ้างอะไรบ้าง ซึ่ง C-HR ดูจะโดดเด่นมากเรื่องความนุ่มนวลและออกอาการหนึบไม่ค่อยมีอาการกระด้างหรือดีดเด้งเท่าไรนักจากการขับขี่แบบมนุษย์ทั่วไปนะทำให้การขับขี่และโดยสารสบายดี เก็บเสียงช่วงล่างดี มีบางจังหวะก็เสียงยางบดถนนดังขึ้นมาบ้างเป็นปกติ การเข้าโค้งในความเร็วสูงอยู่ในเกณฑ์ดีน่าพอใจ เส้นทางโค้งต่อเนื่องยังไปแบบใช้ความเร็วมากกว่าปกติอยู่บ้าง ก็ยังควบคุมได้ แต่ว่า การเอียงของตัวรถจะมากกว่ารถเก๋งในระดับเดียวกันอยู่บ้าง อย่าลืมว่าตัวรถมันสูงกว่า ในภาพรวมถือว่า O.K. เลย ส่วนระบบเบรกตอบสนองได้ดี ซึ่งการขับเส้นทางนี้ต้องใช้เบรกบ่อย โดยเฉพาะจังหวะลงเขา ซึ่งเราใช้โหมดเกียร์ B หรือ Engine Brake มาช่วยลดภาระเบรกได้เยอะเลย มีบางจังหวะต้องเบรกกะทันหันก็ยังมั่นใจได้

ภายในสวย พร้อมด้วย T-Connect Telematics สุดทันสมัยแต่

การออกแบบทั้งภายนอกและภายใน จะใช้ทรวดทรงแบบเพชรเป็นหลัก ดีไซน์และวัสดุภายในดูดีมีเกรดออกแนวสปอร์ต หน้าปัดดูโดดเด่นเรียบง่าย อุปกรณ์ต่างๆ ใช้ง่าย ไม่เยอะจนรก ดีไซน์ผ่านครับ กำลังดี ส่วนอุปกรณ์อันโดดเด่นใน HV Hi ก็คือระบบ T-Connect Telematics ที่เชื่อมการสื่อสารในระบบออนไลน์ไว้อย่างครบถ้วนผ่าน Application หรือ Apple Watch ทั้งระบบ TOYOTA Smart Center ที่จะมีเจ้าหน้าที่ให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม. เช่น รถเกิดปัญหา หรือสอบถามเส้นทางก็ได้ และยังมีระบบต่างๆ เช่น

แต่สิ่งที่เราต้องคุยกันซีเรียส คือทัศนวิสัยในด้านหน้าไม่มีปัญหา แต่เมื่อหันมองข้างอย่างตอนออกจากซอยสู่ถนนใหญ่ ถ้ามีคนนั่งหน้าแล้วคนขับมองซ้าย ตำแหน่งเบาะที่วางถอยหลังมาเยอะเพราะความเอนของเสาหน้ามันเยอะ จะทำให้คนนั่งบังคนขับ อันนี้ผมเจอด้วยตัวเอง คนอื่นจะเจอหรือเปล่าผมไม่รู้ แต่ส่วนใหญ่ก็จะพูดเหมือนกัน การมองด้านหลังก็อยู่ในระดับกลางๆ เพราะกระจกเทลาดเอนมากจนทำให้จอแคบ ส่วนเนื้อที่เบาะหลัง ถ้าเป็นคนสูงสัก 175 ซม. ขึ้นไป มันจะแคบไปสักหน่อยเบาะหลังค่อนข้างจมลึก และ กระจกประตูจะโค้งขึ้นอีก สิ่งที่เป็นปัญหาคือคนตัวเล็กนั่งหลังแล้วจะมองวิวข้างๆ ลำบากหน่อยแลดูอึดอัดถ้านั่งรถนานๆ ตรงนี้ด้วยความที่รถเป็นสไตล์ Coupe และคงเน้นเจ้าของขับเองอยู่แล้ว เลยต้องทำใจในส่วนด้านหลังไป คงแก้อะไรไม่ได้นอกจากทำใจให้ชินเพราะรถเขาออกแบบมาอย่างนี้ครับ

สำหรับราคาตัวท๊อป HV Hi อยู่ที่ 1,159,000 บาท ไปจนถึงตัวพื้นสุดอย่าง 1.8 Entry ที่เปิดราคามา 979,000 บาท ในราคาไม่ถึงล้านหลายคนอาจจะมองตัวนี้ก็ได้ เพราะอย่างน้อยมันก็ตอบสนองในชีวิตประจำวันได้อย่างครบถ้วน หรือใครต้องการครบทุกอย่างก็จัดตัวท๊อปไปเลย บทสรุป สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่าง ก็คือ การรับประกันระบบไฮบริด 5 ปี และ ตัวแบตเตอรี่ 10 ปี !!! และมีระบบประกันราคารถมือสองที่ใช้เป็นระยะเวลา 5 ปี จาก Toyota Sure เอาเป็นว่า สนใจก็ไปลองขับ ลองนั่งดูได้ ที่ศูนย์ Toyota ที่ไหนก็ได้ที่ท่านสะดวกหรือเซลส์สวยๆ ก็แล้วแต่