1.9 BLUE POWER สายโชว์ แต่งแบบสุดตาราง VS สายแข่ง แต่งยังไงให้แรง – XO Trendy Truck

XO 261
เรื่อง : พงศ์พันธ์ รัมมะเกตุ
ภาพ : ธัญญนนท์ แสงภู่

ว่ากันด้วยเรื่องของความสวยและความแรง รูปแบบและแนวทางในการปรับแต่งรถก็คงจะหนีไม่พ้นสองท็อปปิกนี้อย่างแน่นอน สำหรับในคอลัมน์ TRENDY TRUCK นี้ ก็จะเป็นอีกหนึ่งคอลัมน์ที่นำเสนอรูปแบบและแนวทางในการปรับแต่งรถกระบะแบบตามยุคตามสมัย คอยติดตามดูกันว่าในช่วงนี้กระแสอะไรมาแรง แต่ละอู่ แต่ละสำนัก มีการพัฒนากันไปถึงไหนแล้ว  เรียกได้ว่าเกาะติดสถานการณ์อยู่ตลอด ไม่ให้ตกเทรนด์กันเลยทีเดียว เหมือนอย่างในคอลัมน์นี้  ทางทีมงานได้จัดมาให้ได้ดูได้ชมกันแบบครบรสกันเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการปรับแต่งเพื่อความสวยงาม แต่งไว้โชว์แบบสะดุดสายตา  ขับผ่านไปทางไหนเป็นต้องเหลียวหลังกันเป็นแถบๆ ก็ว่าไปนั่น แต่เรื่องของความสุด ต้องยกให้คันนี้จริงๆ ครับ ด้วยอะไหล่ที่ใส่เข้าไปนั้น แต่ละชิ้นมันช่างดูดีมีสไตล์ซะเหลือเกิน ส่วนอีกหนึ่งคันก็มากันในรูปแบบของตัวแข่งในสนาม ใครที่ชื่นชอบในเรื่องของความแรง สเต็ปการโมดิฟาย ก็ติดตามรายละเอียดกันได้เลยครับ สำหรับในคอลัมน์นี้มีให้ดูกันถึงสองแบบสองสไตล์

1.9 สายโชว์ FULL STEP TITANIUM TWIN TURBO
เริ่มที่คันแรกกันก่อนเลย กับรูปแบบและแนวทางในการปรับแต่งที่เน้นโชว์ ซึ่งเจ้าของรถคันนี้มีจุดหมายปลายทางอยู่ที่คำว่า “สุด” เรียกได้ว่าอะไหล่ที่บรรจงใส่เข้าไปในรถคันนี้นั้น คงจะไม่ต้องพูดถึงแหละครับว่าเป็นยังไง ผู้ที่รับหน้าที่ในการปรับแต่งรถคันนี้จะเป็นใครไปไม่ได้ ถ้าไม่ใช่ผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่ามีความเนี้ยบ ละเอียดลออในการบรรจงใส่ของแต่งเข้าไปในตัวรถ นั่นก็คือ “เม้งซัง” นั่นเองครับ เป็นอีกหนึ่งสำนักแต่งที่มีอุปกรณ์ตกแต่งเป็นชิ้นงานจากไทเทเนียมให้ได้เลือกสรรกันทุกจุด เรียกได้ว่า ถ้าเดินวนรอบๆ รถแล้ว อยากจะเปลี่ยนอุปกรณ์ชิ้นไหนให้เป็นไทเทเนียมก็สามารถเข้าไปที่นี่ได้เลย รับประกันว่ามีไว้ให้เลือกปรับแต่งกันอย่างจุใจเลยทีเดียว  เอาละครับ โม้กันมาซะเยอะเลย เราเข้าไปเจาะรายละเอียดของคันนี้กันเลยดีกว่าครับ

ภายนอกเรียบหรู แต่ดูไม่ธรรมดา
ISUZU ALL NEW D-MAX 1.9 BLUE POWER คือรถที่คุณ “บิ๊ก” (เจ้าของรถ) เลือกนำมาปรับแต่งเพื่อความสุดในครั้งนี้ ตัวรถเป็น HI-LANDER สี่ประตู สีขาวมุก สำหรับรถคันนี้ยังคงมีระดับความสูงเท่าเดิมจากโรงงานอยู่ ไม่ได้ทำการโหลดลงมา ซึ่งรถในรุ่น HI-LANDER นั้น จะมีมิติตัวรถที่กว้างกว่าตัวธรรมดา ด้วยซุ้มล้อหน้าและซุ้มล้อหลังมีโป่งในตัว จึงทำให้มุมมองทางด้านภายนอกจะดูอวบๆ หน่อยพอสวยงาม มาดูทางด้านของชุดบังโคลนทั้งสี่ล้อ  เรียกว่าเป็นชิ้นส่วนอีกหนึ่งชิ้นที่ดูธรรมดาแบบไม่ธรรมดาครับ เพราะบังโคลนทั้งสี่ล้อของคันนี้ทำขึ้นมาจากไทเทเนียม เป็นการขึ้นรูปให้มีขนาดใกล้เคียงกับของเดิม แต่ทางเม้งซังได้ทำการออกแบบให้มีรูปร่างหน้าตาให้ดูสวยงามต่างจากของเดิม พร้อมกับใช้แก๊สในการเพิ่มลวดลายได้อย่างสวยงาม ซึ่งก็เป็นอีกหนึ่งชิ้นที่จะบอกว่าหาซื้อไม่ได้ก็ว่าได้ครับ เพราะทางเม้งซังผลิตขึ้นมาเพื่อรถคันนี้เท่านั้น ส่วนใครที่สนใจก็ต้องลองติดต่อทางเม้งซังดูครับ ว่าจะทำให้ได้หรือเปล่า ย้ายไปที่ท้ายกระบะกันต่อเลยครับ มีอะไรให้น่าสนใจกันอยู่พอสมควร เริ่มกันที่ตัวค้ำกระบะกันก่อนเลยครับ ก็เป็นงานสร้างอีกเช่นกัน รูปร่างหน้าตาอาจจะไม่ค่อยได้เห็นที่ไหนมาก่อน กับชุดค้ำกระบะที่เป็นไทเทเนียม ด้านบนเดินแป๊บคู่และมีรับด้านล่างอีกหนึ่งตัว พร้อมกับตัวค้ำซับแรงกระแทก ก็ถือว่าเป็นอุปกรณ์อย่างหนึ่งที่มีไว้สำหรับเพิ่มความแข็งแรงให้กับตัวกระบะ เลื่อนไปดูที่ด้านในกระบะ ได้ทำการติดตั้งถังไนตรัสเอาไว้ถึงสองถัง เป็นถังแบบคาร์บอนไฟเบอร์ ตัวยึดถังไนตรัสถูกสร้างขึ้นมาโดยเฉพาะ ออกแบบมาได้อย่างสวยงาม ตัวยึดถังมีความแข็งแรง ติดกันเป็นแบตเตอรี่ที่ถูกย้ายมาจากด้านในห้องเครื่อง ถาดใส่แบตเตอรี่ก็ถูกสร้างขึ้นมาจากไทเทเนียมอีกเช่นกัน ดูสวยงามไม่เหมือนใคร ทั้งหมดนี้ก็คือเรื่องราวของภายนอกครับ มันช่างดูเรียบหรูแบบไม่ธรรมดาจริงๆ ครับ

ภายในแอบได้กลิ่นอายของ SUPERCAR
เปิดประตูเข้ามาดูเรื่องของภายในกันบ้าง แวบแรกที่ได้เห็นภายในถึงกับต้องปิดประตู แล้วดูภายนอกอีกครั้ง….ตกลงนี่มันรถกระบะใช่มั้ย เบาะเดิมถูกถอดออก ย้ายไปในที่ที่มันควรจะอยู่ แล้วหลังจากนั้นได้ยกเอาเบาะ RECARO SPX มาใส่เข้าไป และนี่แหละครับคือจุดเปลี่ยนอารมณ์ของภายในรถได้อย่างชัดเจน ด้วยตัวเบาะด้านหน้าเป็นหนังสีดำเดินด้ายแดง  ส่วนด้านหลังเป็นคาร์บอน เราจะเห็นเบาะรุ่นนี้ในอยู่ในรถซูเปอร์คาร์ซะส่วนใหญ่ ความพิเศษของเจ้า RECARO SPX คู่นี้ก็คือ เป็นเบาะที่ปรับระดับทั้งหมดด้วยไฟฟ้า มันทำให้รถคันนี้ดูมีมูลค่าขึ้นมาทันที และทางด้านของประกับเบาะทั้งสองข้างก็ถูกสร้างขึ้นมาใหม่อีกเช่นกัน ด้วยฝีมือของทางเม้งซัง จัดว่าเป็นการออกแบบมาได้อย่างสวยงาม ลงตัวไม่แพ้ของนอกกันเลยทีเดียว มาดูที่พวงมาลัยกันบ้าง ชุดนี้บอกเลยครับว่าเป็น THAILAND LIMITED EDITION จริงๆ ครับ กับ NARDI LONG LIVE THE KING ที่มาพร้อมกับชุดคอพวงมาลัยแบบพับได้จาก WORKS BELL ที่มีโทนสีเข้ากันกับรอยปักบนตัวพวงมาลัยได้อย่างลงตัว เลื่อนขึ้นไปด้านบนคอนโซล เริ่มต้นจากทางเสา A ด้านขวามือเป็นที่อยู่ของเกจ์วัดรอบ DEFI  A1 ติดกันเป็นเกจ์วัดบูสต์ AUTOMETER หน้าน้ำมัน มาพร้อมกับขาไทเทเนียม ด้านบนติดตั้งปรับบูสต์ไฟฟ้า GReddy NEW PROFEC เลื่อนมาทางด้านตรงกลางคอนโซล เป็นที่อยู่ของ DEFI ZD จอแสดงผลการทำงานของระบบเครื่องยนต์ ติดกันเป็นชุดเกจ์วัดค่าการทำงานต่างๆ ของเครื่องยนต์ DEFI A1ถูกวางเรียงรายเอาไว้ถึง 6 ตัวด้วยกัน  ไปดูทางด้านหลังกันต่อ ในส่วนนี้จะเน้นเป็นงานสร้างซะมากกว่า เนื่องจากได้ทำการถอดเบาะเดิมออก แล้วทำการสร้างโครงเบาะขึ้นมาเป็นไทเทเนียม ติดกับถังไนตรัสอีกหนึ่งใบที่ถูกวางไว้ข้างๆ กันแบบแนวนอน ตัวยึดถังก็เป็นงานสร้างที่เป็นไทเทเนียมอีกเช่นกัน ปิดท้ายภายในกันด้วยค้ำเสา C ไทเทเนียม เพิ่มความแข็งแรงให้กับห้องโดยสาร

เครื่องยนต์ TURBO คู่ กับห้องเครื่องแบบ FULL TITANIUM
เปิดฝากระโปรงมาแทบหงายท้อง…โอ้…โห…ทำกันได้ขนาดนี้เลยหรือนี่ ก่อนอื่นต้องบอกครับว่า เครื่องยนต์และห้องเครื่องของคันนี้ถูกปรับแต่งขึ้นมาไว้สำหรับโชว์ความสวยงามของอุปกรณ์ไทเทเนียมและการจัดวางในส่วนของระบบอัดอากาศ ที่สำคัญ คือ สามารถขับใช้งานได้จริงกับอุปกรณ์ที่ได้ปรับเปลี่ยนเข้าไป มาดูที่เครื่องยนต์กันก่อนเลยครับ กับรหัส RZ4E-TC DDi BLUE POWER ในส่วนของระบบอัดอากาศ จากเดิมเป็นเทอร์โบแบบลูกเดียว แต่เนื่องจากรถคันนี้ปรับแต่งขึ้นมาเพื่อให้คนจดจำ มันก็ต้องแปลกและแหวกแนวกันซะหน่อย จึงมาจบตรงที่เทอร์โบคู่แบบอนุกรม ซึ่งตำแหน่งของเทอร์โบก็คงจะไม่แตกต่างอะไรกับรถแข่งในรุ่นโบใหญ่ เกียร์ซิ่ง นั่นแหละครับ เทอร์โบลูกล่าง (ลูกเล็ก) เป็นเทอร์โบรหัส IHI F5V โข่งหลังแปรผัน ส่วนเทอร์โบลูกบนเป็นรหัส IHI F55V ชุดท่อไอเสียเดินใหม่ทั้งเส้น เป็นไทเทเนียม ออกท้ายรถ ระบบกรองอากาศเป็นแบบดูดสด ติดตั้งปากแตรเป็นไทเทเนียมเพิ่มความสวยงาม ท่อทางเดินอากาศเดินใหม่ทั้งหมด เป็นไทเทเนียมอีกเช่นกัน ข้อดีของการใช้ท่อทางเดินอากาศเป็นไทเทเนียมนั้น ก็คือเรื่องของความเบาและความลื่น ช่วยในเรื่องการไหลผ่านของอากาศมีความสมบูรณ์ขึ้น ลดอุณหภูมิของอากาศด้วยอินเตอร์คูลเลอร์ขนาด 3 นิ้ว เลือกใช้ของ BLITZ ลดอุณหภูมิความร้อนของเครื่องยนต์ด้วยหม้อน้ำอะลูมิเนียมลูกเล็ก มาพร้อมกับชุดพัดลมไฟฟ้า และที่ขาดไม่ได้ก็คือ การ์ดพัดลมที่ทำจากไทเทเนียม มาดูทางด้านของท่อร่วมไอดี ถูกสร้างขึ้นใหม่ มีขนาดใหญ่ขึ้นและมีรูปทรงที่สวยงามไม่ซ้ำใคร  อุปกรณ์หัวฟิตติ้งทั้งหมดเปลี่ยนมาใช้ของ SPEED FLOW เรื่องของระบบ ECU ของคันนี้ ได้ทำการติดตั้งกล่องพ่วง MONSTERMAX จาก ECU=SHOP มาดูกันในเรื่องของอุปกรณ์ไทเทเนียมที่ปรับเปลี่ยนเข้าไปที่สามารถมองเห็นว่ามีอะไรบ้าง คานกลางหน้าเครื่องชิ้นนี้ถือว่าเป็นชิ้นโชว์ผลงานเลยก็ว่าได้ ซึ่งเจ้าของรถสามารถเลือกที่จะทำเป็นรูปแบบไหนก็ได้ตามที่ต้องการ ฝาปิดวาล์วน้ำ มูเลย์ปั๊มน้ำ ฝาปิดน้ำมันเครื่อง ท่อเติมน้ำฉีดกระจก ถังพักน้ำมันเชื้อเพลิง กระปุกน้ำมันเบรกมาพร้อมกับฝาปิด  ขายึดระบบ ABS กระปุกน้ำมันเพาเวอร์ สุดจริงๆ ครับ สำหรับห้องเครื่องคันนี้

ช่วงล่างระดับเทพ FOX UPSIDE DOWN + เบรก GTR SPEC
สุดกันมาเกือบจะทั้งคันแล้ว เหลืออีกนิดเดียวก็จะครบแล้ว ขาดอะไรบ้าง ค่อยๆ ดูกันไปทีละอย่างกับช่วงล่างรถกระบะคันนี้ ขอย้ำว่ารถกระบะ มาดูทางด้านของระบบซับแรงกระแทกกันก่อนเลยครับ กับสุดยอดโช้คอัพที่อัดแน่นไปด้วยคุณภาพจาก FOX FACTORY RACING SERIES แบบมีซับแทงค์ทั้งสี่ต้น คู่หน้าเป็นแบบสตรัทปรับเกลียว สามารถปรับระดับความสูง-ต่ำ ได้ตามต้องการ ตามด้วยชุดซับแทงค์ที่สามารถปรับระดับการทำงานของโช้คอัพได้ตามต้องการ ทางด้านของโช้คอัพหลังนั้น เป็นแบบ UPSIDE DOWN มาพร้อมกับซับแทงค์อีกเช่นกัน สำหรับโช้คอัพที่เป็นแบบ UPSIDE DOWN นั้น จะช่วยให้การขับขี่มีความนิ่งและเฉียบคมมากยิ่งขึ้น เนื่องจากตัวกระบอกโช้คอัพถูกกลับด้านให้ไปยึดกับตัวรถที่ด้านบน ส่วนตัวแกนโช้คจะเป็นตัวรับแรงกระแทก ซึ่งก็เป็นอีกหนึ่งการออกแบบให้การขับขี่มีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น มาดูทางด้านของระบบเบรกกันบ้าง ก่อนอื่นต้องบอกก่อนเลยครับว่า สเป็กของเบรกที่นำมาใส่คันนี้เป็น ENDLESS GTR SPEC ด้านหน้าเป็น 6 pot ใหญ่ จานเบรกขนาด 400 mm. ด้านหลัง 6 pot เล็ก จานเบรกขนาด 393 mm. อีกหนึ่งอย่างสุดท้ายที่หล่อไม่แพ้ชิ้นอื่นเลยสำหรับคันนี้ นั่นก็คือล้อแม็ก ก็ยังคงคอนเซปต์ไม่ธรรมดาอีกเช่นเคย กับล้อ VOLK RACING TE37 PROGRESSIVE MODEL ขอบ 18 นิ้ว รัดด้วยยาง NITTO NT420ขนาด 265/60/R18

เป็นยังไงกันบ้างครับ สำหรับสายหล่อ เรียกได้ว่าเป็นรถกระบะอีกหนึ่งคันที่มีการเลือกใส่อุปกรณ์ของแต่งเข้าไปได้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์จากทางเม้งซังเอง หรือจะเป็นของแต่งจากแบรนด์นอก ซึ่งสามารถนำมาผสมผสานเข้ากันได้อย่างลงตัว เมื่อทุกอย่างมันได้มาเจอกันแล้ว จึงเกิดความลงตัวขึ้น บอกได้คำเดียวครับว่า “สุดจริง” สำหรับคันนี้


1.9 หัวเดี่ยวพิกัด TURBO ปาก 44 FULL STEP ON TRACK
มาดูในสเต็ปของตัวแข่งกันบ้าง กับพิกัดเครื่องยนต์ 1.9 BLUE POWER อีกหนึ่งตัวแรงจาก เอ้ แม่กลอง ถือว่าเป็นอีกหนึ่งอู่ที่มีตัวแข่งแทบจะทุกรุ่นกันเลยก็ว่าได้ ซึ่งแต่ละคันของอู่นี้มีเวลาดีๆ ให้เห็นกันอย่างแน่นอน  และสำหรับในคอลัมน์นี้ก็จะเป็นเรื่องราวของการปรับแต่งโมดิฟายเพื่อการแข่งขัน แสดงให้เห็นถึงความแตกต่างอย่างชัดเจนว่า ในบางจุดไม่ค่อยจะเน้นเรื่องของความสวยงามสักเท่าไหร่ แต่จะมาโฟกัสกันที่เรื่องของเครื่องยนต์และช่วงล่างเสียมากกว่า ด้วยเครื่องยนต์ 1.9 BLUE POWER ถือว่าเป็นเครื่องยนต์น้องใหม่จากค่าย ISUZU เรื่องของการโมดิฟายยังคงเดินหน้ากันต่อไปอีกยาวๆ มีการพัฒนากันแบบไม่หยุดหย่อน เพื่อตามหาเวลาที่ดีที่สุด ด้วย ซี.ซี.ที่น้อยลง แต่เมื่อปรับแต่งออกมาแล้ว เห็นเวลาสวยๆ ได้ เค้าทำกันยังไงบ้าง ไปดูกันทีละจุดเลยครับ

BODY หัวเดี่ยว ต้องทำยังไงถึงวิ่งดี
ตัวรถคันนี้เป็น ISUZU ALL NEW D-MAX 1.9 BLUE POWER หัวเดี่ยว เป็นที่รู้กันดีอยู่แล้วว่า การนำรถกระบะหัวเดี่ยวมาทำเป็นรถแข่งนั้น ต้องมีการจัดการเรื่องของน้ำหนักโดยรวมให้ดีหรือการบาลานซ์น้ำหนักนั่นเอง เพราะรถแข่งมีความต้องการความสมบูรณ์ลงตัวตั้งแต่จุดสตาร์ตไปจนถึงปลายเส้น เพราะฉะนั้น จะทำยังไงให้น้ำหนักมีความบาลานซ์ให้ได้มากที่สุด ตัวรถคันนี้ได้ทำการจัดทรงใหม่หมด เริ่มจากการสาดสีใหม่มาเป็นสีชมพู ดูสวยงามสดใสไปอีกแบบ ด้านข้างของตัวรถทั้งสองฝั่งคาดสติกเกอร์ “เสี่ยอามน้ำมะพร้าว” บอกสังกัดไว้อย่างชัดเจน มาเริ่มทำการไล่เบากันเลยดีกว่า สำหรับตัวแข่งคันนี้ เริ่มจากฝากระโปรงด้านหน้าเปลี่ยนมาเป็นคาร์บอน ช่วยให้น้ำหนักหายไปได้หลายกิโล กระจังหน้าถอดออก เพื่อให้สะดวกต่อการเซอร์วิส มาต่อกันที่ประตูทั้งสองบาน ก็ได้เปลี่ยนมาเป็นคาร์บอนอีกเช่นกัน ตามด้วยเปลี่ยนกระจกทั้งสองข้างมาเป็นอะคริลิก จุดประสงค์ของการเปลี่ยนมาเป็นอะคริลิกนั้น ไม่ใช่แค่ความเบาเพียงอย่างเดียว แต่ที่สำคัญ คือ เพื่อความปลอดภัยกับคนขับในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ จะทำให้กระจกไม่บาดคนขับ มาถึงหัวใจสำคัญของการกระจายน้ำหนักของคันนี้ก็คือ  การถอยบอดี้ไปด้านหลัง เนื่องจากด้านหน้ามีเครื่องยนต์ถ่วงไว้อยู่แล้ว จึงไม่ต้องกังวลอะไร แต่ในทางกลับกัน ที่ด้านหลังไม่มีอะไรเลย นอกจากเฟืองท้ายกับล้อทั้งสองข้าง จึงต้องอาศัยการถอยบอดี้เพื่อให้น้ำหนักด้านหน้ามีการถ่ายเทไปที่ด้านหลังบ้าง ส่วนจะถอยไปกี่นิ้วหรือกี่เซนฯนั้น ก็แล้วแต่สำนักใครสำนักมันแหละครับ การจัดวางอุปกรณ์ก็ถือว่ามีความสำคัญไม่แพ้กัน เพราะทุกจุดทุกตำแหน่งที่วางนั้น คือการบาลานซ์น้ำหนักให้กับตัวรถ ไม่ว่าจะเป็นถังน้ำอินเตอร์ หม้อน้ำ อินเตอร์คูลเลอร์ ถังน้ำมันเชื้อเพลิง เหล่านี้ชี้ให้เห็นถึงการพัฒนาไปในทางที่ดีของวงการกระบะแดร็กบ้านเราครับ

ภายในอุปกรณ์ครบ จัดวางไว้อย่างลงตัว
เปิดประตูรถแข่งทีไร ทำให้ใจหวิวทุกที ทำไมมันช่างเบาอะไรอย่างงี้ ขึ้นชื่อว่ารถแข่ง อะไรที่ไม่สำคัญหรือไม่ได้ใช้ จึงต้องทำการย้ายออกไปให้หมด สำหรับภายในของคันนี้ สิ่งเดียวที่เหลือไว้ก็คือคอนโซลด้านหน้า จากนั้นเพิ่มความแข็งแรงและความปลอดภัยให้กับห้องโดยสารด้วยการตีโรลบาร์ เพราะโรลบาร์ถือว่าเป็นอุปกรณ์สำคัญอย่างหนึ่งที่ช่วยปกป้องนักแข่งไว้ได้ เบาะนั่งมีเพียงตัวเดียวสำหรับคนขับ โดยเลือกใช้เบาะ KIRKEY จับคู่กับเข็มขัดนิรภัยจาก TAKATA จับกระชับมือด้วยพวงมาลัยก้านยกจาก VERTEX ที่ตำแหน่งของคอนโซลกลางได้ทำการติดตั้งแผงสวิตช์ควบคุมเอาไว้ในตำแหน่งที่คนขับสามารถควบคุมได้ โดยมีสวิตช์ตัดไฟ สวิตช์สตาร์ต สวิตช์เบิร์น ระบบน้ำมันและพัดลมไฟฟ้า และที่ด้านซ้ายมือของห้องโดยสารเป็นที่อยู่ของถังน้ำมันเชื้อเพลิง ถูกจัดวางไว้อย่างลงตัว ซึ่งตำแหน่งที่วางอยู่ทางด้านซ้ายค่อนไปข้างหลัง ชี้ให้เห็นถึงการถ่ายเทน้ำหนัก

เครื่องยนต์ 1.9  ซี.ซี.น้อย แต่ชักยาว ต้องโมฯอะไรบ้าง
ว่ากันด้วยเรื่องของการเพิ่มพลังแรงม้าและแรงบิดให้กับเครื่องยนต์ RZ4E-TC DDi BLUE POWER สำหรับเครื่องยนต์ตัวนี้ถูกปรับแต่งโมดิฟายขึ้นมาเพื่อใช้ในการแข่งขันรุ่น TURBO ปาก 44 mm. เพราะฉะนั้น เรามาดูในส่วนของระบบอัดอากาศกันก่อนเลย แน่นอนที่สุดครับ เทอร์โบที่ใช้ในการแข่งขันกันสำหรับรุ่นนี้จะต้องมียอดใบหรือปากทางเข้าขนาด 44 mm. สูตรของการปรับแต่งก็ขึ้นอยู่กับแต่ละอู่แต่ละสำนักว่าจะทำกันอย่างไร เพื่อให้ตัวเทอร์โบสามารถทำลมได้ดีและทนต่อแรงบูสต์ได้ เพราะว่าในพิกัดนี้ใช้บูสต์กันอยู่ 45-50+psi อย่างแน่นอน โข่งหลังต้องมีความสัมพันธ์กัน เพื่อให้ระบายไอเสียได้ดี ในส่วนของการระบายความร้อนของอากาศ สำหรับคันนี้เลือกใช้อินเตอร์คูลเลอร์ที่ระบายความร้อนด้วยน้ำ ท่อทางเดินอากาศได้ทำการเดินใหม่ทั้งหมด เป็นอะลูมิเนียมจากสามดาวเฮดเดอร์ กรองอากาศเป็นแบบดูดสด ต่อท่อออกมารับอากาศบริสุทธิ์ที่ด้านหน้า วัสดุเป็นไทเทเนียม ท่อร่วมไอดีถูกสร้างขึ้นมาใหม่ ให้มีขนาดที่ใหญ่กว่าเดิม เพราะมีปริมาณอากาศที่เพิ่มมากขึ้น เข้าไปดูภายในตัวเครื่องยนต์กันบ้าง เรามาไล่จากด้านบนลงไปกันเลยดีกว่า อย่างแรกที่ต้องมี การปรับแต่งสำหรับเครื่องยนต์รุ่นนี้ก็คงจะหนีไม่พ้นระบบวาล์ว ซึ่งเป็นการควบคุมการเปิด-ปิด วาล์วด้วยระบบไฮดรอลิก เมื่อเครื่องยนต์มีการพัฒนาเพิ่มมากขึ้น ในส่วนของระบบวาล์วจึงต้องแก้ตามมา เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในขณะที่ใช้รอบสูง จากนั้นมาดูกันต่อในเรื่องของแคมชาฟต์ ทั้งทางฝั่งไอดีและไอเสีย เป็นผลงานของทาง เอ้ แม่กลอง ลูกสูบขนาด 83 mm. เป็นลูกสูบของรถจากค่ายดาวสามแฉก ส่วนเป็นรุ่นอะไรนั้น เอ้ บอกว่าเป็นความลับ เพิ่มความทนทางให้กับเครื่องยนต์ด้วยก้านสูบซิ่งจาก MRX สามารถทนกับแรงบูสต์ได้แบบสบายๆ ตามสไตล์ MRX ข้อเหวี่ยงเดิมจัดการบาลานซ์ใหม่ คิดตามกันง่ายๆ แหละครับ ในเรื่องของการบาลานซ์ข้อเหวี่ยง เมื่อหาจุดในการบาลานซ์เจอ ก็จะทำให้มีการหมุนที่เพิ่มมากขึ้นและแรงขึ้นกว่าเดิม และในส่วนของท่อล่างก็ได้ทำการปรับแต่งใหม่ทั้งหมด เป็นสูตรของทาง เอ้ แม่กลอง ในส่วนนี้ก็แล้วแต่แหละครับ สูตรใคร สูตรมัน

ระบบน้ำมันเชื้อเพลิงต้องเพิ่มแรงดัน
มาถึงเรื่องของระบบน้ำมันเชื้อเพลิงกันบ้าง หัวฉีดเป็นของพงษ์ศักดิ์ดีเซล รางหัวฉีดก็โมดิฟายกันเล็กน้อยตามสูตรของทาง เอ้ แม่กลอง ส่วนทางด้านของระบบปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิงซึ่งก็เป็นอีกหนึ่งหัวใจสำคัญของการเพิ่มแรงดันน้ำมันให้กับตัวเครื่องยนต์ ได้ทำการเปลี่ยนไส้ปั๊มมาเป็นไส้ฮีโน่ ซึ่งไส้ฮีโน่นั้นมีข้อดีตรงที่สามารถทำแรงดันได้ดีกว่าของเดิม เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการของเครื่องยนต์ เมื่อเครื่องยนต์ที่ผ่านการโมดิฟายมาแล้ว จึงต้องการแรงดันของน้ำมันเชื้อเพลิงที่เพิ่มมากขึ้น เพื่อความสมบูรณ์ในการทำงานของเครื่องยนต์นั่นเอง  ส่งผ่านน้ำมันด้วยปั๊มติ๊ก BOSCH 044×1 ควบคุมแรงดันน้ำมันเชื้อเพลิงด้วยเรกูเรต AEROMOTIVE ทางด้านของระบบ ECU สำหรับคันนี้ได้ทำการพ่วงกล่องดันรางและกล่องยกหัวฉีดจาก PROSPEED ปรับจูนโดย เอ้ แม่กลอง และตามด้วยการรีแมปกล่องหลักเพิ่มจากทาง เอ้ แม่กลอง สามารถเรียกรอบเครื่องยนต์ได้มากขึ้นกว่าเดิม

จับม้าลงพื้นให้หมด เพื่อ 60 ฟุต สวยๆ
เมื่อได้แรงม้าและแรงบิดที่ต้องการแล้ว ทีนี้แหละจะทำยังไงให้สิ่งที่ปรับแต่งเพิ่มเติมขึ้นมาทั้งหมดสามารถกระจายแรงม้าลงสู่พื้นได้อย่างครบทุกตัว เริ่มกันที่การถ่ายทอดกำลังจากเครื่องยนต์ด้วยชุดคลัตช์คุณภาพจาก BRC ส่งกำลังผ่านชุดเกียร์ STD ติดรถ ก็คงจะไม่ต้องบอกนะครับ ว่าเกียร์เดิมที่ติดรถมามันดีขนาดไหน ที่สามารถอยู่ในรถพิกัด 10.xxx ได้สบายๆ กระจายแรงม้าลงสู่พื้นด้วยเฟืองท้ายอัตราทด 3.7  ตามหา 60 ฟุต สวยๆ กับตัวช่วยอีกหนึ่งอย่างที่ขาดเสียไม่ได้ ก็คือช่วงล่างดีๆ จากเก่งเฮดเดอร์สายสี่ กับชุด A-ARM คู่ ช่วยให้รถมีการกระจายน้ำหนักได้ดีในช่วงของการออกตัว โช้คอัพด้านหลังเป็นของ AZTEXFORCE ทำเป็นโช้คตั้ง ส่วนด้านหน้าเป็นโช้คอัพของทาง WINNER ช่วงล่างถูกปรับเซตให้ลงตัว จึงได้เวลา 60 ฟุต ออกมาที่ 1.5 sec. ระบบเบรกหันมาคบหากับเบรก STRANGE 4 pot ล้อหน้าเป็นล้อจาก WELD รัดด้วยยาง M/Tขนาด 26.0/4.4-15 ล้อหลังเป็นจาก WELD รัดด้วยยาง M/T ขนาด 215/60R15
สำหรับคันนี้ก็เป็นอีกหนึ่งผลงานจากอู่เอ้ แม่กลอง ซึ่งเป็นตัวแข่งในรุ่นของ 1.9 เทอร์โบปาก 44 mm. ในรุ่นการแข่งขันรุ่นนี้นั้นทำเวลากันอยู่ที่เลข 10 ปลายๆ แหละครับ ก็ถือว่าเป็นที่น่าพอใจสำหรับเครื่องยนต์บล็อกนี้ ในอนาคตบอกได้เลยครับว่า ต้องเห็นเวลาลงไปกว่านี้อย่างแน่นอน แต่ละอู่แต่ละสำนักต่างก็ไม่หยุดที่จะพัฒนาเพื่อตามหาเวลาที่ดีที่สุด ในคอลัมน์ TRENDY TRUCK เล่มหน้า จะมีสเต็ปไหนมาให้ดูกันนั้น ต้องคอยติดตามกันต่อไป สวัสดีครับ…..
Video จากการถ่ายทอดสดทาง Facebook Live “XO Autosport” Fanpage 14/6/2561

*เพื่อความสะดวก กรุณาดู Video ผ่าน Google Chrome